คำคม..ข้อคิด

 

คำคม..ข้อคิด ๓๑
22 พ.ย. 2561

 

ยามที่เราอยู่กับตัวเอง เราคิดอะไร คิดถึงตัวเอง สงสารตัวเอง เมื่อไหร่เราจะดี เมื่อไหร่เราจะรวย ทำไมเราไม่อย่างนั้น ทำไมเราไม่อย่างนี้ สังเกตไหม มีแต่คำว่า เรา
ไม่มีความคิดเรื่องของคนอื่นเลย เราเคยคิดไหม ว่าเราทำผิดต่อคนอื่น เราใช้อารมณ์กับคนอื่น เราทำให้คนอื่นเสียใจ เราไม่เคยเห็นใจคนอื่น เราไม่เคยคิดแทนคนอื่น เราเคยวางแผนเพื่อคนอื่น คิดเพื่อคนอื่น ตั้งแต่เช้า จนค่ำ ตลอดเวลาหรือไม่
 
ขอให้คิดใหม่เถิด คิดถึงความรู้สึกของคนอื่นก่อน ดัดตัวเอง อย่าปล่อยให้คนอื่นต้องลำบากเพราะเรา อย่าให้คนอื่นต้องเสียใจและน้ำตาตกเพราะเรา ดังนี้ การอยู่กับตัวเอง คิดในทางที่ถูก เรียกว่าสัมมาทิฐิ เมื่อคนเราตั้งตนไว้ชอบแล้ว ข้ออื่นๆของ มรรคมีองค์ 8 ก็ไม่ยากแล้ว และข้อสำคัญ สมาธิของเราจะแจ่มใสบริสุทธิ์ เพราะความไม่มีตัวตนด้วยวิธีคิดอย่างนี้ ทั้งจะทำให้เราทุกข์น้อยลง แถมเพิ่มพูนสติปัญญาแก้ปัญหาให้ตัวเองได้ในที่สุด ลองตั้งสติคิดใหม่ จะเห็นผลทันตาเลยค่ะ
 
 
สมเด็จพระบรมศาสดาทรงประทานพรให้เหล่าพุทธบริษัทมีอายุยืนยาว สุขภาพแข็งแรง หน้าตาผ่องใส สมบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์ ไม่เสียหายด้วยภัยพิบัติ มีคนรักมั่นคง ไม่ถูกหลอกลวง ลูกหลานบริวารเชื่อฟัง ทั้งมีสติปัญญาดี พรที่พระพุทธองค์ประทานให้อยู่ยืนยาวเท่าอายุของพุทธศาสนา
 
คืออานิสงค์ของศีล๕ ไงคะ เราเริ่มรับพรด้วยการถือศีล ๕ ตั้งแต่วันนี้ และรักษาสุขภาพด้วยการ "ประมาณการบริโภค และนั่งนอนในที่สงัด" คือทานแต่พอควร งดอาหารอันเป็นโทษ นั่งนอนในที่สงัด คือมีเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ 
 
เราไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่นอกใจ ไม่ปด ไม่สุรา สร้างชีวิตให้เป็นสุขทั้งทางโลกและทางธรรม
 
ศีล สมาธิ ปัญญา คือพรอันประเสริฐที่พระพุทธองค์ประทานไว้แล้วค่ะ
 
 
ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในวัฎฏนี้ คือ สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ของจริง เป็นของไม่เที่ยง เกิดขึ้น ไม่ตั้งมั่น ทั้งผันแปร แล้วดับไป ก่อให้เกิดความทุกข์มากมายกับผู้ที่ยึดติด เกิดมิจฉาทิฐิ คือความเห็นที่ผิดตามความเป็นจริง ว่าทุกอย่างที่เกิดนั้นไม่มีวันดับ จะต้องมีอยู่ เป็นอยู่ตลอดไป เรียกว่าตัณหา ซึ่งเมื่อยึดไว้อย่างนี้แล้ว จึงได้ขึ้นชื่อว่า ความเกิด และการเวียนว่าย ด้วยความเชื่อและการหลงผิดอยู่เช่นนี้
 
เป็นใจความสำคัญ ที่สมเด็จพระบรมศาสดาได้ประทานแด่พุทธมารดา
 
ถ้าหากเราสำคัญว่าสรรพสิ่งที่อยู่รอบตัวเรารวมถึงตัวเราจะมีอยู่และเป็นอยู่ตลอดเวลา เราก็จะหลง ยึดติด มัวเมากับการดำรงชีวิต เกิดการดิ้นรน ร้อนรน เป็นความร้อนด้วยไฟ โลภะ โทสะ โมหะ
 
เมื่อใช้ปัญญาพิจารณาเช่นนี้อยู่เป็นประจำ เราจะดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท ทั้งไม่สุขมากเมื่อมี และไม่ทุกข์มากเมื่อไม่มี ทำวันนี้ให้ดีที่สุดด้วยความไม่ประมาท ในกิจการงาน ในหน้าที่ ในสิ่งที่ตนมี
 
ขอให้ลูกและศิษย์ของอาจารย์ คิดได้ และเข้าถึงซึ่งความเพียรในอันที่จะประกอบกิจการงาน และสามารถปฏิบัติขัดเกลาจิตใจโดยนัยเช่นที่กล่าวมาค่ะ
 
 
ผู้ที่มีปัญญาคือผู้มีความสามารถในการมองทุกปัญหาอย่างทะลุปุโปร่ง ตรงประเด็น ทั้งยังหาวิธีแก้ไข หรือผ่อนหนักเป็นเบาได้ด้วยตนเอง สามารถเลือกทางเดินชีวิตของตน โดยไม่ทำความยุ่งยากให้กับตนเองและผู้อื่น และสามารถตัดปัญหาที่จะมีมาในอนาคต
 
จะเข้าถึงความเป็นผู้มีปัญญาได้ ต้องไม่ประมาทนับตั้งแต่"คิดที่จะทำ"
 
วันนี้ จะคิดจะทำอะไรขอให้เข้าถึงคำว่าไม่ประมาท และคิดให้รอบคอบนะคะ
 
 

การทำงานทุกอย่างต้องอาศัยการวางแผน ตามขั้นตอน และที่แน่ๆต้องมีวัตถุประสงค์ หรือคาดการถึงประโยชน์ที่พึงจะได้รับ ไม่ว่าจะเป็นเพียงทัศนศึกษาดูงาน การอบรมสัมนา หรือแม้แต่การวางแผนทางการค้าเพื่อผลกำไร ต้องทำให้ดีที่สุด เมื่อเราประเมินผลหลังจากงานนั้นเสร็จสิ้น หรือแม้แต่ระหว่างการดำเนินงาน บรรลุวัตถุประสงค์ไปได้เพียง ๗๐ เปอร์เซนต์ก็ถือว่าสอบผ่านในการกระทำนั้นๆ

 

ความเป็นเด็กนักเรียนนักศึกษาได้ฝึกการประเมินผลของตนมาแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าหลานศิษย์สอบผ่านทำคะแนนได้ดี เราก็ผ่านชีวิตวันข้างหน้าได้ตามเปอร์เซนต์ของการวัดผล แม้จะใช้วัดผลของชีวิตไม่ได้ร้อยเปอร์เซนต์ แต่ก็เป็นการบอกสถานะภาพของมันสมองเราได้อย่างคร่าวๆเหมือนกันค่ะ