คำคม..ข้อคิด

 

คำคม..ข้อคิด ๑๔
6 มิ.ย. 2560

 

มนุษย์เราเชื่อเรื่องเจ้าที่เจ้าทาง ถึงแม้บางคนสมัยใหม่หน่อย ไม่ค่อยเชื่อ ยังมีคำว่า ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เวลาไปต่างถิ่น ก่อนนอนก็มักจะไหว้เจ้าที่ ที่เรามองไม่เห็น เข้าป่าก็ทำพิธีไหว้เจ้าป่า
 
เจ้าที่คือเจ้าของที่ เป็นรุกขเทวดา อากาศเทวดา ที่พระพุทธองค์ตรัสรับรองว่ามีจริงเมื่อครั้งเสด็จปาฏลีบุตร ซึ่งต่อมา เราก็จะไหว้บัดพลีเทวดาผู้เป็นเจ้าของที่ ด้วยความอ่อนน้อม เคารพผู้ที่เคยอยู่มาก่อน
 
แต่มนุษย์เรากลับไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็นจริงๆ ว่า บ้านของเขา ที่ของเขา ถิ่นของเขา เขตของเขา มีเจ้าของเป็นตัวตน
 
เวลาไปบ้านเขา อย่านินทาว่าเขา ไปสู่ที่ใดอย่าติเตียนที่ของเขา เคารพเขา ผู้มาอยู่ก่อน เป็นเจ้าของ เหมือนคนนั่งกินข้าวอยู่โต๊ะของเขา เราก็ข้ามไปว่าเขาที่โต๊ะ ว่าทำไมไม่อย่างนั้น ทำไมไม่อย่างนี้ เราไปวัดก็อย่านินทาเจ้าอาวาส
 
หากเรารู้เจรจา รู้อ่อนน้อม รู้เคารพเจ้าของสถานที่ทุกแห่งทุกพื้นที่ เหมือนเคารพเจ้าที่เจ้าทาง เราจะมีแต่คนรัก ไปสู่ถิ่นประเทศใดก็ปลอดภัย
 
และข้อสำคัญ ในเฟสบุค ก็คือบ้านของเขาเหมือนกันนะคะ โลกของออนไลน์ก็มีพื้นที่ส่วนตัวเหมือนกัน
 
 
 
เวลามีวันหยุดติดๆ กันเป็นเวลานาน เราคงรู้สึกเหมือนๆ กัน ว่าไม่อยากตื่นเช้าไปทำงานเลย อยากหยุดต่อ จะเที่ยวต่อ หรืออยู่บ้านนอนเฉยๆ
 
เรื่องที่จะเล่าให้ฟังนี้ ไม่ค่อยเกี่ยวกับคำปรารภข้างต้นเท่าไหร่ แต่มันเนื่องกัน เคยอ่านหนังสือของหลวงปู่มั่น ท่านเล่าว่า ท่านระลึกได้ว่า ท่านเคยเกิดเป็นลูกหมา เวลาที่มีความสุขที่สุดคือตอนนอนดูดนมแม่ ด้วยจิตที่ผูกติดกับความสบาย ความเคยชิน เช่นนั้น ทำให้ท่านต้องไปเกิดเป็นลูกหมานอนดูดนมแม่อย่างนั้น อีกนานไม่รู้ต่อกี่ชาติ
 
พอนึกได้อย่างนี้ เลยเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ยึดติด เคยชิน รักสบาย ทำให้ต้องวนเวียนอยู่นั่น ไปไม่ถึงไหน
 
คนเราคงมีเรื่องยึดติดอย่างนี้หลายร้อยเรื่อง ด้วยความอยาก ความสบายนี้ แต่ละเรื่องเลยทำให้เข้าคิวมาเกิด คงอีกเป็นแสนชาติทีเดียว จนคำนวณไม่ถูก เพราะมันยึดติดไว้กับความสุข ความสบาย
 
ดูซิ แค่คิดนิดเดียวว่าอยากหยุดต่อ ไม่อยากไปทำงาน ต่ออีกหลายร้อยชาติ ต้องมาวิ่งเต้นเรียนหนังสือใหม่ หาแฟนใหม่ คนเก่าจะตามมาหรือเปล่าไม่รู้ วิ่งเต้นหางานทำเพื่อมาสบายเอาตอนวันหยุดยาวแค่นี้เอง
 
คิดได้แล้ว ก็รีบไปทำงาน นะคะ เดี๋ยวก็มีมาอีก หยุดยาวๆ อย่างนี้
สุขสันต์วันทำงานค่ะ
 
 
 
เรื่องของการแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น ลอบทำร้าย ทำลายความเชื่อถือ สร้างอุบายเพื่อผลประโยชน์แห่งตน เป็นสิ่งที่มีเป็นปกติของการอยู่ร่วมในสังคม เช่นเดียวกับความดีงาม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือ ส่งเสริมโดยไม่หวังผล ถ้าเลือกได้เราทุกคนคงอยากอยู่ในสังคมที่ดีงาม
 
บางคนเลือกไม่ได้ จำต้องอยู่ ด้วยหน้าที่การงาน สภาพแวดล้อมที่กรรมชักนำมา ทำให้ต้องเผชิญกับเรื่องทำนองนี้ ซ้ำยังหล่อหลอมให้เราเป็นคนประเภทเดียวกันอีก และกลายเป็นคนหวาดระแวง มองโลกในแง่ร้าย เอารัดเอาเปรียบ สังเกตเถอะ เมื่อเราเริ่มด่า นินทาคนอื่น เราก็เป็นคนหนึ่งในสังคมอย่างนั้น
 
ถอยหนึ่งก้าว เห็นโลกกว้าง ยอมเสียเปรียบบ้าง แม้จะแพ้ทางโลก แต่ที่ไปของเราย่อมดีกว่า คิดให้ได้ ว่าเกิดมาเพื่อเสียเปรียบ อย่าตีราคาไปเสียทุกอย่าง เพราะคุณค่าที่เราจะได้ไม่ใช่ความได้เปรียบ แต่เป็นหัวใจของคนมีเมตตา ข้อสำคัญ ทางธรรมเรียกว่า อภัยทาน ซึ่งนำมาสู่การละตัวตน และทางโลกคือความสุขทางใจ เพราะการคิดไม่เอาชนะ คือเราชนะแล้ว ชนะใจตัวเองคือสิ่งที่ประเสริฐที่สุดแล้วค่ะ
 
 
 
ถ้าเราต้องทำ ในสิ่งที่เราไม่อยากทำ เพราะรู้ว่า ไม่ควร เป็นสิ่งที่เราไม่ชอบ ฝืนความรู้สึก และรู้ว่าไม่ดี เช่น จำต้องฆ่ามด ฉีดปลวก ตบยุง กำจัด นก หนู แมลง
 
ถามว่าต้องทำไหม ถึงอย่างไรก็ต้องตอบว่า ทำ เพราะมันต้องทำ อย่างนี้ แม้เป็นบาปแต่เป็นบาปที่ยังกุศลที่มากกว่า เช่นตบยุงลายที่แพร่เชื้อให้ลูกเรา อย่างนี้ บาปเพราะตบ แต่กุศลที่ปกป้องลูก
 
บุญก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป แต่ถ้า เจตนาร้ายไม่มี โทสะไม่เกิด บาปนั้นก็ลดทอนลง
 
งานการหน้าที่ที่เราไม่ชอบ แต่ต้องทำเพราะนายสั่ง ก็ต้องมีวิธีเฉพาะตน หาส่วนที่ชอบทำก่อน
 
ต้องทำงานร่วมกับคนที่เราคิดว่าไม่รับผิดชอบ อันนี้ก็ต้องคิดว่า ใครทำใครได้ เขาไม่ทำ เราก็ทำ
 
การดำเนินชีวิตประจำวัน เป็นสิ่งที่ยากที่จะทำให้ จิตผ่องใส เป็นนิตย์ วิธีคิดดังตัวอย่างที่กล่าวมา เรียกว่า ปฏิภาณ มาจากการฝึกฝน แยกแยะเรื่องราว เรียกว่า สติ ซึ่งจะทำให้เกิด ปัญญา จะทำให้เราแก้ปัญหาให้ตัวเองได้ในที่สุด
 
 
 
เวลาเราไปทำงาน องค์ประกอบที่ทำให้เราอยากไปหรือไม่ มีสองอย่าง คือ นายกับเพื่อนร่วมงาน เพราะหลายคนไม่ได้มีโชคเพราะได้นายดี แต่มีโชคเพราะเพื่อนร่วมงานดี และบางคนได้นายแสนดี แต่เพื่อนร่วมงานทำให้เครียด จะหาที่ดีพร้อมทั้งสองอย่างนี่ยากเต็มที เพื่อนร่วมทุกข์อย่างเราในเรื่องนี้มีมากมาย จะทำอย่างไรดี ที่ทำงานก็ใกล้บ้าน สะดวกเราด้วยไม่รู้จะไปหางานที่ไหน
 
ใครที่เจอนายชอบชักสีหน้า พูดจาแดกดัน เราลองพยายามทำตนเหมือนคนตาบอด คือ สักแต่ว่ามอง เหมือนหูหนวก สักแต่ว่าได้ยิน รับแต่ใจความสำคัญแล้วมาปฏิบัติให้ดีที่สุด ถ้าไม่มีสาระก็อย่าสนใจ เพราะกรรมอยู่ที่เขา เราอย่าไปรับ หาสิ่งดีๆ ที่เราชอบทำ ถ้ามีคำถาม แล้วนายชอบดุด่า ตอบแบบสะบัดทั้งไม่แก้ปัญหาให้ มักหาว่าเราทำงานไม่ได้เรื่อง เราพิจารณาถ้าจริงจงแก้ไข ถ้าไม่จริง กรรมก็ตกอยู่กับนาย ไม่ใช่เรา ยิ่งเราทนเท่าไหร่ ภูมิเราก็สูง นายร้ายเท่าไหร่ภูมิก็ยิ่งต่ำลง นายที่น่าสงสาร
 
กับเพื่อนร่วมงาน ถ้าพาลนักก็หลีก ถ้าเอาเปรียบก็ปล่อย ให้ได้ก็ให้ คนเอาเปรียบคือเปรต คนให้คือเทวดา
 
ข้อสอบมีทุกวันที่จะบอกตัวเราว่า คนรอบๆ ตัวเราอยู่ภูมิไหน สำคัญที่สุดคือ ถ้าตัวเราเป็นนาย เราเป็นนายประเภทไหน และถ้าเราเป็นเพื่อน เราเป็นเพื่อนประเภทไหน ไม่ใช่ว่า เราอยู่ในภูมิเปรต ภูมิมาร โดยไม่รู้ตัว อันนี้น่ากลัวค่ะ
 
 
อาจารย์หม่า, ซินแสภาณุวัฒน์, หมอช้าง, หมอลักษณ์, อาจารย์มาศ, อาจารย์แอน, ฮวงจุ้ยที่ทำงาน