คำคม..ข้อคิด ๑๒
7 ม.ค. 2560
ร่ายกลอน วาดภาพ ดีดพิณ เล่นหมากรุก คือ บัณฑิต นั่นหมายถึง ศิลป ศิลปิน ถ้ารู้จริง ก็เป็นบัณฑิต แต่ต้องมีธรรม มีปัญญา รู้กาล รู้สติ ด้วย หากศิลปิน ไม่ว่าจะอยู่แขนงใดหาก ขาดธรรม ขาดปัญญา ขาดการรู้กาล และขาดสติ ไม่ขึ้นชื่อว่าเป็นบัณฑิต และถ้าไม่เป็นบัณฑิต ความเจริญ และความสำเร็จที่ยั่งยืนนานก็ยากที่จะเกิด
หลี่ไปกวีเอกสนทนาธรรม คือบัณฑิต เคยรับราชการกับ ถังเสวียนจง ไม่อาจทน ขันที เกาหลี่ซื่อได้ จึงลาออก ท้ายสุด ร่ายกลอนร่ำสุรา คว้าจันทร์ในน้ำ ขณะอยู่บนเรือจึงจมน้ำตาย เป็นอุทาหรณ์แก่ศิลปินทุกคน
อย่าขี้เกียจที่จะสอน อย่าเบื่อที่จะบอก อย่าหงุดหงิดที่จะพูดซ้ำซาก อย่าหวงในสิ่งที่ตนรู้ และอย่าระแวงเมื่อเขาถาม
คือคุณสมบัติของคนที่เป็นครูอาจารย์
อย่าเบื่อที่จะเรียน อย่าขี้เกียจที่จะฟัง อย่าโกรธเมื่อถูกเตือน อย่าเบื่อที่จะเพียรถาม และอย่าขลาดที่จะก้าวไปข้างหน้า
คือคุณสมบัติของศิษย์ที่ดี
ความสำเร็จและความก้าวหน้าอยู่ที่ มีครูดี และมีศิษย์ที่ดี
คิดก่อนนอน หลับและฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
ไม่คบหา ไม่ดู ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่สนใจ ดูดาย คือคนที่ขาดโอกาสดีๆในสังคม
คบไปหมด ไม่เลือก ดูไปหมด ยุ่งเรื่องชาวบ้าน สอดรู้สอดเห็น คือคนที่ขาดปัญญา
ในสังคมของการแข่งขัน คือการสร้างโอกาสให้กับตนเอง ฝึกฝนตนเองให้แข่งแกร่ง ด้วยการ รู้เรื่องที่ควรรู้แบบรอบรู้ หมั่นสดับตรับฟังในเรื่องที่เป็นประโยชน์ สมาคมสังสรรค์กับบัณฑิต ไม่ดูดาย คอยดูแลช่วยเหลือคนอื่น สร้างเครดิต
คนใจน้อย คือคนคิดน้อย คนเจ้าอารมณ์คือคนขาดเหตุผล คนขาดเหตุผลคือคนพาล
ไม่คบคนพาล ควรคบบัณฑิต คือนัยที่กล่าวมา
คนมีปัญญา ผู้เป็นบัณฑิต ไม่กลัวการแข่งขัน
สดใส มุ่งมั่น และตั้งใจ ในเช้าวันจันทร์นี้ สำหรับลูกและศิษย์ทุกคนค่ะ
ในหนึ่งวันมีหลากหลายในอารมณ์ กระทบจิตใจกันได้ทุกวัน ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน
ยามเรามีทุกข์ พลาดหวัง ผิดหวัง วิตกกังวล ขอมีสักหนึ่งครั้งที่ยิ้มกับตัวเอง นั่งคิด นั่งเขียน นั่งทำงาน อย่าเสียเวลากับความเศร้า น้อยเนื้อต่ำใจ อย่าสร้างละครให้กับตัวเองด้วยการตั้งคำถามที่รู้แน่ๆว่าไม่มีคำตอบ เช่น "ทำไมถึงเป็นอย่างนี้" อย่าหาทางตันให้ตัวเองด้วยการงอนและหนีปัญหา
หนีกับหลีกเลี่ยงไม่เหมือนกัน หลีกเลี่ยง คือ ขาด หนี คือไม่จบ
ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ตัวเองเคารพและภูมิใจในตัวเอง
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน และถ้าทำได้สมบูรณ์คือความเข้มแข็งแน่วแน่ที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จอย่างแน่นอนค่ะ
เมื่อเราทำงานไม่ทัน ทำงานไม่ได้ตามเป้าหมาย หรือต้องผิดคำพูด อย่าคิดว่าตัวเราไม่มีความสามารถ อย่าท้อแท้ในประสิทธิภาพของตน อย่าตึงเครียด เพราะเรากำลังทำร้ายตนเองและทำลายวันเวลาที่เหลือ ทั้งทำร้ายคนที่รักเรา และกำลังทำลายความกระตือรือล้น รวมถึงทำลายสมอง สติ ปัญญาของตัวเอง
หาเหตุให้ได้ ถ้ามาจากคนอื่น แก้ไขที่ตัวเราดีกว่า คือถอยห่างจากต้นเหตุ หรือตัดทิ้ง วางเขาหรือสิ่งแวดล้อมที่กดดันเราไว้ที่เดิม อย่างละมุนละม่อม ไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เราต้องพลาดเรื่องสำคัญ
เหมือนเราต้องเลือกทำทุกอย่างที่ง่ายที่สุด ควบคุมได้ จบได้เร็ว สร้างขวัญให้ตนเอง แล้วค่อยแยกทีละเรื่อง มองทุกอย่างในแง่บวก รวมถึงสร้างหรือคบคนมีอารมณ์ขัน นี่เป็นเพียงตัวอย่างที่จะแก้ปัญหาด้วยตัวของตัวเอง อย่าหนีปัญหา เพราะนั่นคือการสร้างปัญหาใหม่ค่ะ แต่หันมาแก้ไขด้วยสติและปัญญาเพื่อความนับถือตนเอง
เวลานี้ไปทางไหน เจอแต่คนท้อใจ ถอดใจ งานมาก งานหนัก อยากหยุด เบื่อคน เบื่อสภาพแวดล้อม น่าแปลกที่ต่างคนต่างคิดว่าเกิดขึ้นกับตนเพียงคนเดียว
ความรู้สึกอย่างนี้ มักเกิดขึ้นได้เรื่อยๆ กับงานที่หนักเกินไป และความเคร่งเครียดกับสภาพแวดล้อม รวมถึงความไม่ได้ดังใจและความผิดหวังกับคนรอบข้าง
เป็นธรรมดา
ใครบ้างหนอที่จะมาบอกเราว่า ดีไปหมด สบายไปหมด ได้ดังใจไปหมด
และเราตอบตัวเองได้ไหมว่า ถอดใจแล้วไปทำอะไร ได้อะไรที่มากกว่า และดีกว่าเดิมขนาดไหน
ถ้ายังให้คำตอบตัวเองไม่ได้ ก็ต้องทำดีที่สุดในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ และยอมรับว่า เป็นเรื่องธรรมดาๆ
แล้วจะเข้าใจและพบว่า ความจริงแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งดีและไม่ดีกับเรา เป็นเรื่องธรรมดาๆ นั่นเอง ความทุกข์ ฟูมฟาย ก็จะลดลง เพราะเข้าใจแล้วว่า ธรรมดา เป็น ธรรม ที่มีอยู่ เป็นอยู่ และไม่มีใครหลีกได้ ทั้งอยู่รอบตัวเรา สุดแต่ว่า คิวใคร เท่านั้น
ทางแก้ นอกจากปลอบใจตน ว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญแล้ว ลองถอยจากสถานะการณ์ที่เป็นอยู่ อย่าให้ตึงเกินไป ผ่อนคลายตนเอง ค่อยเรียงลำดับใหม่ ตัดบางสิ่ง บางคนออกไป ค่อยๆจัดการไปโดยลำดับ ทำแล้วอย่ากังวล ...เอาใจช่วยทุกคนนะคะ