- ฮวงจุ้ยพื้นฐาน
- รูปภาพและความหมาย
- ฮวงจุ้ยสำนักงาน
- ฮวงจุ้ยที่ดิน
- ฮวงจุ้ยร้านค้า
- ฮวงจุ้ยบ้านเรือนที่อยู่อาศัย
- ข้อห้ามเกี่ยวกับการเลือกที่อยู่อาศัย
- ทำเลเสียดูอย่างไร
- ดาว ๙ ยุคคืออะไร
- ดวงจีน
- การดูลักษณะภูเขา
- กรณีศึกษาฮวงจุ้ย
- ประสบการณ์การดูทำเลของอาจารย์แอน
- คำคม..ข้อคิด
- เกร็ดความรู้จากพุทธศาสนา
- เกร็ดความรู้ที่ได้จากวรรณคดี
- บทความพิเศษ
3 เม.ย. 2556
โดย...ษณอนงค์ คำแสนหวี (อาจารย์แอน)
วันนี้จะพูดถึงการสังเกตสภาพแวดล้อมในการเลือกที่อยู่อาศัย ความจริงเราอยู่ในเมือง ก็มักจะมีสองอย่างคือ พักอาศัยขอสงบ ก็โน่นอยู่นอกเมือง ใช้เวลาเดินทางเกือบสามชั่วโมง จนสงบเพียงพอแล้วก็ขอย้ายมาซื้อคอนโดในเมือง
อีกอย่างคือ เลือกทำเลทำการค้า ประกอบธุรกิจ ซึ่งไม่จำเป็นต้องอยู่ในเมือง แต่ต้องเป็นชุมชน และขึ้นอยู่กับการค้าที่สอดคล้องกับชุมชนนั้นๆ
แต่ที่จะพูดถึงเป็นอันดับแรก คงเอาต่างจังหวัดจริงๆ ธรรมชาติจริงๆ เพื่อเปรียบเทียบทำเลในเมือง
เริ่มต้นอันแรก ว่ากันว่า บ้านที่สร้างตรงหุบเขา สร้างใต้หน้าผา หรือปากทางทางน้ำไหลออก จะถือว่าร้าย
ขอยกตัวอย่างจากธรรมชาติ ครั้งหนึ่ง เคยไปจังหวัดเพชรบูรณ์ในช่วงที่มีน้ำท่วม เพียงแต่ตอนที่ไปน้ำยังไม่ท่วม ผ่านไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ชี้ให้ลูกศิษย์ที่ไปด้วยกันดูว่าตำแหน่งนี้เป็นร่องน้ำ ก็เห็นบ้านหลังหนึ่ง ปลูกบ้านคร่อมร่องน้ำ อธิบายกับลูกศิษย์ว่า ถ้าน้ำท่วม บ้านหลังนี้จะไปก่อน ด้วยเหตุนี้ ปกติเขาจะไม่สร้างบ้านคร่อมร่องน้ำหรือทางน้ำกัน แต่ที่นี่คงจะไม่เคยน้ำท่วมมาก่อน เลยคิดว่าไม่เป็นไร แต่ในปีนั้นมีน้ำท่วม แล้วในคืนวันนั้นเองมีน้ำป่าไหลบ่ามา ก็มีข่าวว่าบ้านหลังนั้นพัง เลยบอกกับลูกศิษย์ว่านี่เป็นกรณีตัวอย่าง
จากธรรมชาติตรงนั้น เราสามารถเปรียบเทียบคำว่า ร่องน้ำ ว่าหมายถึง ช่องหรือร่องของชี่สังหาร เราก็มาปรับประยุกต์กับฮวงจุ้ยในเมือง เช่น ระหว่างตึก 2 ตึก มีลม ก็เรียกว่า ร่องลม ซึ่งร่องลมหรือน้ำ ก็เหมือนกัน จึงถือว่าเป็นข้อห้าม
หรือว่า บ้านที่มีลักษณะแปลกมาก คือ เข้าได้ทั้ง 2 ทาง จะเข้าด้านหน้าก็ได้เป็นถนน จะเข้าด้านหลังก็ได้อีกเป็นถนน แต่แปลกตรงที่ถนนด้านหนึ่งไม่ขนานไปกับตัวบ้าน กลับพุ่งตรงเข้าชนบ้าน
ถ้าเป็นถนนที่ขนานไปกับตัวบ้าน อย่างมากก็จะแก้ได้ด้วยการให้เลือกที่จะเข้าบ้านด้านใดด้านหนึ่งให้เป็นด้านหน้า แล้วด้านหลังก็ปิดประตูตายไปเลย หากเจ้าของอ้างว่าไม่สะดวก ก็จะบอกไปว่า ถ้าอย่างนั้นก็ต้องอยู่ไปอย่างปราณรั่ว เจ้าของบ้านก็ตัดสินใจได้ว่าจะต้องเลือกเข้าด้านใดด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านก็ปิดไป
แต่ด้วยเหตุของลักษณะการตัดถนน ทำให้มีถนนพุ่งมายังบ้านหลังนี้ จึงทำให้เหมือนสร้างบ้านคร่อมอยู่บนถนน
การตัดถนนนั้นจะทำให้เกิด 2 ประการคือ ด้านหนึ่งเจริญ แต่อีกด้านหนึ่งไม่เจริญ เหมือนการตัดถนนผ่านภูเขา การที่เคยเดินทางไปเส้นทางสายไหมทำให้เห็นตัวอย่างแบบนี้ได้ชัด การตัดถนนทำให้ซึกเขาหนึ่งเจริญ แต่อีกซึกหนึ่งไม่เจริญ แม้แต่ในประเทศไทยนี่ก็มีเหมือนกัน อย่างการสร้างถนนตัดจากอำเภอหนึ่งไปสู่อำเภอหนึ่ง ทำให้อีกซีกหนึ่งเจริญช้ากว่าอีกซีกหนึ่ง
อย่างบ้านหลังที่ยกตัวอย่างนี้ ด้วยการตัดถนนแยกจากถนนใหญ่ไปเป็นถนนในหมู่บ้าน ตัดไปตัดมาทำให้บ้านหลังนี้เหมือนกับอยู่ตรงทางสามแพร่ง พอต่อมา มีการขยายโครงการด้านหลังออกไป ก็มาสุดทางที่บ้านหลังนี้อีกเหมือนกัน ดังนั้น แม้ว่า ประตูบ้านทั้งหน้าและหลังจะไม่ตรงกันแค่เยื้อง ๆ กัน แต่ก็เท่ากับว่าตั้งอยู่ตรงกลางของพื้นที่พอดี ลักษณะแบบนี้ถือว่าเป็นบ้านแตก ทำให้คนในบ้านมีปัญหาสุขภาพ การแตกกันของคนในบ้าน มีความคิดเห็นแตกกัน หรือมีปัญหาหน้าที่การงาน
วิธีแก้สำหรับบ้านหลังนี้ก็คือ ปิดประตูหนึ่งด้าน แล้วใช้ประตูด้านเดียวโดยให้เขาเลือกว่าจะใช้ประตูไปด้านใดด้านหนึ่ง แล้วก็ปลูกต้นไม้ใหญ่แทน เช่น ต้นชมพู่ ต้นจามจุรี ต้นขนุน จะทำให้คนที่มาจากทางสามแพร่งเมื่อมองเข้ามาก็จะเห็นต้นไม้ใหญ่ แทนที่จะมองเห็นตัวบ้าน
ทั้งหมดนี้ใช้ลักษณะทางธรรมชาติของร่องน้ำมาอ่านแล้วเปรียบเทียบ