ความรู้เกี่ยวกับโหราศาสตร์

 

ดูวาสนาผ่านดวงดาว ตอนที่ ๒
13 ม.ค. 2561

 

ดาวพฤหัส (๕) ในราศีเมษ

 

คือกลุ่มคนเกิดปีมะโรง เป็นผู้ที่มีโชควาสนา มีโชคช่วย ผู้ใหญ่คอยให้การสนับสนุนค้ำจุน ปัญญาก็มี  เกียรติยศก็มี อันนี้  “สังคหวัตถุ” ครบถ้วน ทำบุญกุศลโดยที่ไม่ได้คาดหมาย ไม่ตั้งใจมาก่อน หรือรู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน หรือคนเจ็บไข้ได้ป่วย เช่นให้ยืมยานพาหนะไปหาหมอ  เมื่อเกิดใหม่จะเป็นคนที่มีคนอุปถัมภ์ค้ำจุนตลอด ถึงแม้ปัจจุบันเราเป็นคนแบบนี้ ก็เทียบเท่ามีอยู่ในดวงเช่นกัน (สร้างได้เอง)

 

ดาวพฤหัส (๕) ในราศีพฤษภ

 

อำนวยผลในเรื่องเกี่ยวกับทรัพย์สิน มรดก ถือได้ว่าเป็นเศรษฐี มีโชคลาภวาสนา เช่น (๕) ดาวพฤหัส ปัจจุบันถ้าใครทำบุญในด้านการบริจาคทรัพย์สินเงินทองให้กับมูลนิธิไปใช้ประโยชน์ หรือบริจาคทรัพย์สินอยู่เสมอ เทียบเท่ามี (๕) ที่พฤษภ จะเป็นคนที่อยู่ดีกินดี และร่ำรวยแทบทุกราย การดูบุญกรรมดูได้จากดวงชะตาไม่ใช่นั่งทางใน เช่น ดาว (๕) เป็นดาวแห่งศีลธรรม พรหมวิหาร สังคหวัตถุ การปฏิบัติ แนวทางต่าง ๆ

 

ดาวพฤหัส (๕) ในราศีตุลย์

 

ถือเป็นดาววาสนา เป็นผู้มีโชควาสนาดีเด่น มนุษย์สัมพันธ์ดี ส่งเสริมให้เด่นในสังคม เข้าหาใครๆ ก็ดี มีศีล มีวิทยาการสูง มีกาลเทศะ รอบรู้เหตุการณ์ เชี่ยวชาญการพูดการติดต่อ เชี่ยวชาญกฎหมาย ระเบียบแบบแผน มีชื่อเสียง รู้จักกันดีในหมู่ผู้คน ฐานะก็ดี และชอบในสิ่งที่หรูหรา ร่ำรวย หากเราไม่มีดาวพฤหัสที่ราศีตุลย์ เราก็ต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ดี มีอัตถจริยาช่วยเหลือผู้อื่น สมานัตตาไม่ถือตัว มีทาน ปิยะวาจา เวลาไปไหนใครก็ต้อนรับ เพราะเราเป็นคนพูดจาดีตลอด ฟังแล้วสบายใจ ฉะนั้นจึงตรงกับดาววาสนาว่า “ เข้าหาใครก็ดีมีศิลปะ” จากนั้นก็หมั่นฝึกฝนตนเองให้มีความรู้ความสามารถด้านใดด้านหนึ่ง พยายามตั้งจิตไว้ให้ดี การสั่งสมบุญบารมี ถ้ามีมากมันจะส่งผลก่อนกรรม

 

ดาวศุกร์ (๖) ในราศีธนู "ดาวมหาจักร"

 

เป็นคนที่เชื่อผลกรรมทางศาสนา และสร้างกุศล ทำให้เป็นคนที่ล่วงรู้การณ์ภายหน้า มองการณ์ไกลได้ถูกต้อง และร่ำรวย ถ้าเราไม่มีไม่ต้องรอ แต่ให้ปฏิบัติ คือ ต้องมีสัมมาทิฐิ มีมรรค ๘ สร้างกุศล มองการณ์ไกล คิดวางแผนให้เป็นระบบ

 

เพราะฉะนั้นในการดูดวง พยายามหาดาวดี ๆ เพราะนั่นคือ บุญของเขาในอดีต ก็ให้เสริมดาวตัวนั้น และก็ปฏิบัติตรงนั้นต่อไป มันก็จะได้บุญตรงนั้น มันเป็นหลักพิชัยสงครามอย่างหนึ่ง

 

ดาวแต่ละดวง แสดงผลของบุญกรรมต่างกัน ฉะนั้นบุคคลที่เรียนวิชาโหราศาสตร์ประกอบไปด้วยกันกับเรื่องของบุญ กรรม รู้วาสนา หรือรู้แนวทาง เราจะได้รู้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวเราในทุกเวลานาที ว่าเราจะตัดสินใจไปในทางดีหรือไม่ดี มันเท่ากับเป็นการบอกอนาคตของเรา ถ้าเราเลือกในทางดี อนาคตของเราก็ดี ถ้าเราเลือกไม่ดีอนาคตเราก็ไม่ดี เป็นการสร้างดวงในวันข้างหน้า แล้วก็ในชาติหน้าได้อีกด้วย

 

เพราะฉะนั้น การเรียนโหราศาสตร์ ให้ถูกต้อง ควรจะเข้าใจถึงความลึกซึ้งของดวงดาว เพราะว่าคนเรา เวรกรรมนำมาเกิดภายใต้นักษัตร แต่ตัวเราเป็นผู้เลือกทางเดินอีกทีหนึ่ง หรือจะเป็นผู้ที่สร้างบุญหรือสั่งสมบุญบารมี เพราะเขาให้ทางมาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคำว่า ฟ้า ๕๐ คน ๕๐ ต้องตีความให้ดี ไม่ใช่ปล่อยให้ตัวเองอยากทำอะไรก็ทำ ไม่คำนึงถึงเวรกรรม มิจฉาทิฐิ แต่ถ้าเราศึกษา รู้ว่าสิ่งที่เราเผชิญอยู่มันเป็นวิบากกรรมมาจากอะไร แล้วเราจะทำอะไรต่อไป หรือว่าเราควรจะรักษาบุญที่มีอยู่แล้วต่อไป

 

อย่างดวงชะตาบุคคลที่มีดาวเคราะห์เป็นเกษตร โดยทั่วไป ทางโหราศาสตร์ถือว่าเป็นผู้มีโชควาสนาอันดับหนึ่ง ถือว่าเป็นผู้ที่เคยทำบุญในเรื่องของวิหารทาน สังฆทานมา เป็นผู้ที่มากไปด้วยบุญ ยิ่งมีดาวเคราะห์เป็นเกษตรมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นคนมีโชควาสนาสูงส่งเพียงนั้น ถือว่าเป็นผู้ที่สร้างผลบุญผลกรรมแต่ชาติปางก่อนไว้ดีมาก

 

ในขณะเดียวกัน หากบุคคลที่ไม่มีดาวเกษตรเลย  แต่ถ้าหมั่นทำบุญสังฆทาน วิหารทานด้วยจิตที่เป็นกุศล ไม่ได้ทำบุญเอาหน้า หรือสักแต่ว่าชักชวน หรือสักแต่ว่าทำ บุญนั้น ก็จะเป็นบุญใหญ่ บุญมหาศาล และเป็นสังฆทานที่ตั้งใจทำด้วยจิตอันผ่องใส ให้ก็ศรัทธาในการให้ ให้แล้วมีความสุข คิดย้อนหลังก็ยังศรัทธา นี่คือบุญที่จะมีผลทันที ก็เท่ากับเรามีเกษตรอยู่ในดวง

 

ยังมีดาวอุจจ์ที่ถือว่าเป็นผู้มีโชควาสนาดี ๒ ชั้น เพราะว่า หมายถึงมีสติปัญญา มีบริวารล้อมหน้าล้อมหลัง จะทำอะไรก็มีคนรองรับสนองตอบ เพราะถือว่า เมื่อก่อนเวลาทำบุญ ก็ชักชวนให้ผู้อื่นทำบุญไปด้วย แล้วก็นำประโยชน์มาสู่คนอื่น อันนี้จะสร้างมหาอุจจ์ขึ้นในดวง (อย่าไปขู่เข็ญบังคับ เพราะจะกลายเป็นนิจไป)

 

ผู้ที่มีดาวเคราะห์บ่งบอกว่าเป็นผู้มีวาสนา จะถือว่าเป็นคนที่มี “ดวงแข็ง” แสดงว่าดาวมีตำแหน่งไม่เกษตรก็อุจจ์ แล้วก็จะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถคู่กันไปด้วย โชควาสนา นอกจากจะมีดาวเกษตร ดาวอุจจ์ จะต้องแสดงถึงสติปัญญา ความสามารถ ความมานะบากบั่น ขยันหมั่นเพียร จะไม่ใช่คนขี้เกียจ คนที่ขี้เกียจแล้วบอกว่าเป็นคนมีวาสนา อันนี้ไม่จริง แม้ว่าจะต้องล้มลุกคลุกคลานแต่ก็สามารถลุกตั้งตัวได้ สร้างตนให้เป็นปึกแผ่น มั่นคงถาวรได้ดีด้วย

 

แต่ผู้ที่ไม่มีดาวที่แสดงถึงโชควาสนา ก็ต้องเป็นคนที่มีคุณสมบัติของตนที่มีโชควาสนา คือ มีความรู้ ความสามารถ ก็คือ สร้างสมฝึกฝนตนเองให้มีความรู้ ความสามารถ หรือจะมีความรู้เพียงอย่างเดียวก็ได้ แต่ต้องมีความมานะบากบั่น ขยันหมั่นเพียร แม้จะล้มลุกคลุกคลานอย่างไร ต้องพยายามที่จะต่อสู้ อย่าท้อแท้ อันนี้ก็จะมีความหมายไปในทางที่ว่า “ดวงแข็ง และมีโชควาสนา” เหมือนคนที่มีดาวอุจจ์ ดาวเกษตร

 

“อย่ากินข้าวร้อน อย่านอนตื่นสาย อย่าท้อแท้ อย่าเบื่อหน่าย อย่าทิ้งอะไรลงกลางครัน ต้องมีกำลังใจตลอด”

 

ตัวอย่างของคนจีนจากโพ้นทะเล พยายามมาเมืองไทย เพียงเสื่อผืนหมอนใบ ถ้านำดวงมาวิเคราะห์ ไม่อาจบอกได้เลยว่าจะร่ำรวย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของแต่ละคน ที่พยายามฝ่าฟันอุปสรรคจนประสพความสำเร็จในชีวิต นี่คือตัวอย่างความหมายที่ว่า “ฟ้า ๕๐ คน ๕๐“ ถ้ารู้ดวง ควรตีให้ออกว่ากรรมเราอยู่ตรงไหน จะแก้อย่างไร ไม่ใช่แค่เพียงสะเดาะเคราะห์ แต่ต้องปฏิบัติช่วยตัวเองด้วย

 

ดาวเคราะห์ต่างๆ ในจักรราศีที่มีตำแหน่งบอกถึงโชควาสนา มักจะชี้ไปในทางที่ว่า กล้าหาญ กล้าแข็ง ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก สามารถฟันฝ่าอุปสรรคและก้าวหน้า ชนิดล้มก็ต้องลุกได้ทันที เป็นดวงชะตาที่ยืนหยัดได้มั่นคงแข็งแรง และไม่จำนนง่ายๆ มีความขยันหมั่นเพียร รู้จักคิดรู้จักทำ และรู้จักอบรมประพฤติตนดีขึ้น เป็นผู้เจริญ เป็นผู้ไม่ประมาท เป็นผู้มีช่องทางอำนวยผลให้สำเร็จลุลวงสมหวังในชีวิตและดีเด่น แต่ถ้าเราปฏิบัติตามนี้ เรายิ่งกว่ามีดาวในดวง จะสร้างดวงดาวที่ดีในตัวเอง เข็มแข็ง อดทน ระวังตนไม่ประมาท

 

ส่วนบุคคลที่มีดาวเคราะห์ที่เป็นดาวโชควาสนาที่ส่งเสริม ก็อย่าเหลิง อย่าหยุด อย่ายกตนอวดตนว่ารวย ว่าดี ว่าทำบุญมาดี แต่ว่าให้ทำต่อ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ สังคหวัตถุ อ่อนน้อมถ่อมตน อย่าว่า อย่านินทา อย่าบ่น อย่าไปโทษโชคชะตา หรือโทษกรรม ทุกอย่างมนุษย์เป็นผู้สั่งสมเองทั้งสิ้น นอกจากจะส่งเสริมในเรื่องต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว ยังส่งเสริมให้เป็นคนมีเกียรติ มีหน้ามีตา ทรัพย์สินเงินทอง และเป็นคนสำคัญในหน่วยงานนั้น ๆ และหากเราปฏิบัติสิ่งต่าง ๆ จนเกิดเป็นนิสัย สิ่งที่เราเรียกว่า โชควาสนาก็จะติดตามมาเอง คนที่มีความมั่นคงในอารมณ์ หรือมีกำลังใจตลอดจะกลายเป็นหลักให้แก่ผู้อื่นได้ด้วย