โดยปกติเมื่อกล่าวถึงดาว ๖ ทุกคนก็จะนึกถึงความสวยความงาม เทพเจ้าแห่งความงาม (Venus) แล้วยังเป็นดาวที่สุกใสสวยมาก หรือที่เรียกว่า “ศุกร์เทวะ” คือจะขึ้นตอนเช้าประมาณ ๐๒.๐๐ – ๐๕.๐๐ น. ทางด้านฝั่งตะวันออก ส่วน “ศุกร์อสูร” ก็คือขึ้นเป็นดาวประจำเมือง จะขึ้นทางด้านทิศตะวันตก จะขึ้นหลังจากพระอาทิตย์พ้นขอบฟ้าไปแล้ว เพราะฉะนั้นดาว ๖ เราจะสามารถเห็นได้สองครั้ง ซึ่งล้วนแล้วสุกสว่าง สวยงาม ซึ่งตามคติโหราศาสตร์ จะจัดอยู่ในประเภทดาวศุภเคราะห์

ในหลักสามประสาน มีหลักอยู่ว่า

     ๑. ฟ้าประทาน คือการศึกษาในเชิงเปรียบเทียบว่าสิ่งที่เราทำ อยู่ในประเภทของดาวอะไร แล้วในตลอดปีนั้น ดวงดาวนี้เดินอย่างไร ก็จะมีอิทธิพลต่ออาชีพของเรา ส่งเราไปเกี่ยวข้องกับดาว ๖ เป็นไปตามนั้นด้วย

     ๒. ดินบันดาล คือ การจัดทำเล สภาพแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งที่เราทำ เป็นการส่งเสริมให้เกิดความเจริญ

     ๓. ประสานบุคคน หากว่ามีความเพียร ความตั้งใจแล้ว ย่อมไปถึงความสำเร็จ

อย่างไรก็ตาม เรายังถือว่า “บุคคล” สำคัญที่สุด จะไปทางอกุศลหรือกุศล หรือจะสร้างดาวดวงใหม่ให้ดีล้วนอยู่ในตัวเราทั้งหมด ไม่ใช่โทษว่าเป็นเรื่องของชาตาเพียงอย่างเดียว ชาตานำเรามา แต่ที่จะนำเราต่อไปคือ “ตัวเราเอง”

เพราะฉะนั้น ดวงดาวเป็นเครื่องบอกเราว่า อดีตเราทำอะไรมา ปีนี้เราต้องรับอะไร ดินบันดาล คือการเสริมตัวเราให้เกิดมีพลัง เพื่อที่จะประสานบุคคล คือการปฏิบัติให้เกิดความเจริญในชีวิต

ดาวศุกร์แทนด้วยเลข ๖ ตามคติโหราศาสตร์ จัดอยู่ในประเภทดาวศุภเคราะห์ เป็นดาวที่ให้คุณ ความหมายของดาวดวงนี้ เขาเรียกว่า ดาวยั่วยวน กิเลสตัณหา แล้วก็ให้สุขสำราญในทางโลก เพราะฉะนั้นถ้าดาว ๖ ใครเสีย อย่าคิดว่าไม่ดี เบื่อหน่ายทางโลกได้ง่าย หันสู่ทางธรรมได้ดี

ความสุขของดาว ๖ เป็นความสุขที่เจือปนไปด้วยกิเลส เป็นความยั่วยวน มัวเมา และเป็นตัวหลงด้วย เป็นเจ้าแห่งความสวยงาม เป็นเจ้าแห่งศิลปะ บันเทิง ร้องรำทำเพลง สนุกสนาน การสมรส รวมถึงการเงิน การหมกมุ่น หลงใหล ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นไปในเรื่องของกิเลสหรือความฟุ่มเฟือยในชีวิต ความหลงในรูป รส กลิ่น เสียง เพราะฉะนั้น ทางโหราศาสตร์จึงบอกว่า ทายกิเลสหลงใหลให้ทายดาว ๖

ดาว ๖ ที่สัมพันธ์กับลัคนา จะทำให้เป็นคนอ่อนไหวง่าย เพราะว่าเป็นดาวอ่อน รักง่าย ไม่ว่าจะกุมหรือเล็ง มักจะมีแต่เรื่องยุ่งๆ แต่จิตใจรักความสวยงาม มีอารมณ์ขัน เป็นคนมีรสนิยม เป็นคนที่มีศิลปะค่อนข้างมาก ชอบสิ่งแวดล้อมที่มีเครื่องบำรุงบำเรอความสุข ความฟุ่มเฟือย รักเสียงเพลง ดนตรี เป็นชีวิตจิตใจ ชาวดาว ๖ ทั้งหลายจะเป็นลักษณะนี้ ซึ่งความจริงแล้ว คนไทยเรานี้เป็นชาวดาว ๖ คือโดยส่วนลึกแล้วเป็นคนที่ชอบในด้านนี้ เหตุเพราะว่าดาว ๖ มาอยู่ในภพวินาศของดวงเมืองนั่นเอง ทำให้ในส่วนลึกของคนไทย เป็นคนชอบสนุกสนาน ชอบเล่น ดังนั้นดาว ๖ วินาศ จึงมีความหมายว่า ในส่วนลึกจะมีความสนุกสนานร่าเริง คือไม่เอาจริงเอาจังในสิ่งใด ลืมก็ง่าย แต่ก็เป็นคนรักเกียรติ รักหน้า โอ่อ่าสักนิด ชอบใช้เครื่องประดับ เสื้อผ้าหรูหรา ให้ตัวเองดูโก้เก๋ มีเสน่ห์ ทันสมัย นี่คือชาวดาว ๖ ร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใส ชอบสังคม ชอบคบหาเพื่อนฝูง

แต่ถ้าดาว ๖ ได้รับกระแสเบียนจากดาว ๘ อย่างชัดเจน จะชอบมั่วสุม ชอบดื่มจัด ติดยาและการพนัน จะออกไปในทางนั้น แต่ถ้าไม่ใช่ดาว ๘ ก็จะเป็นคนที่ชอบสนุกสนานเฮฮา พิถีพิถัน สุภาพอ่อนหวาน เจ้าสำราญ ทำนองนี้

ในด้านของความรักความใคร่ ดาว ๖ มักจะท้าทาย มีการลองดี สะเทือนใจ อ่อนไหวง่าย โรแมนติก และถ้าหากว่าได้รับกระแสสัมพันธ์จากดาวพลูโต ก็มักจะผิดพลาด ผิดหวังจากความรัก ถ้าใครเคยดูภาพยนต์เรื่อง   Shakespeare in love เป็นภาพยนตร์ที่แสดงถึงดาว ๖ แท้ๆ ที่แสดงถึง ความอ่อนไหว การประสพความผิดพลาด ผิดหวัง นี่คืออิทธิพลของดาว ๖ กับดาวพลูโต

แต่ถ้าเป็นดาว ๖ สัมพันธ์กับดาว ๑ ก็จะแจกจ่ายความรักไปทั่ว

ดาว ๖ ถ้าสัมพันธ์กับดาว ๔ คือ จะเป็นคนที่มีเสน่ห์ มีหลักการ มีคำพูด มีการชวนเชื่อ เป็นคนที่ทำบัญชีได้ดี มีความรอบคอบ คือดาว ๔ ๖ แต่ถ้าขาดความยับยั้งชั่งใจ รวนเรไปด้วยกัน อย่างนี้ก็จะพังกันไปเลย เพราะว่ารวนเร

ดาว ๖ ไม่ค่อยคิดมาก แต่ถ้าเป็น ๖ วินาศ, ๖ เสีย, ๖ กาลกิณี หรือเป็นนิจ จะเป็นคนที่มีความคิดหน่อย แต่ถ้าเป็น ๖ โดยทั่วแล้ว ถ้าดีเกินก็จะขาดความคิด ขาดการมองการณ์ไกล เอาเฉพาะหน้า ขาดความยับยั้งชั่งใจ