บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๔๕/๓ - ม้าเฉียวระแวงหันซุย
12 ส.ค. 2561

 

รุ่งเช้า หันซุยออกจากค่ายไปเรียกโจโฉออกมาเจรจากันที่กลางแปลง โจโฉก็ไม่ออกมา ให้โจหองคุมทหารม้าออกมา ๓๐ นาย ออกมาคํานับหันซุยแล้วก็บอกว่า มหาอุปราชให้มากําชับท่านว่า หนังสือที่ให้ไปนั้นอย่าแพร่งพรายให้ใครรู้ จะเสียการ โจหองว่าแล้วก็กลับค่ายไป

 

ม้าเฉียวได้ยินดังนั้นก็โกรธ ขับม้าเข้ามาจะแทงหันซุย ทหารเอกทั้ง ๕ นายก็ช่วยป้องกันเอาไว้ หันซุยก็บอกว่าอย่าคิดมากเลย การที่จะคิดร้ายต่อท่านนั้นไม่มี เราคงต้องอุบายโจโฉ ม้าเฉียวกําลังโกรธก็ไม่ยอมเชื่อ ก็ชักม้ากลับเข้าค่าย

 

ก็เป็นอันว่าหันซุยกลับที่พัก ก็แน่ใจแล้วว่ามีความกินแหนงแคลงใจกัน ม้าเฉียวบอกว่าเราจะเข้ากับโจโฉ เอียวฉิวก็บอกว่า ม้าเฉียวเป็นคนที่ไม่นับถือผู้ใหญ่ โอหัง ถือตัวว่าเป็นคนมีฝีมือกว่า ถึงอย่างไรก็เอาชนะโจโฉไม่ได้ หันซุยไม่ควรไปง้อเด็ก ควรกลับเข้าไปเป็นพวกโจโฉเสียเลยก็แล้วกัน หันซุยก็บอกไม่ได้หรอก ม้าเฉียวรบเก่ง ลูกน้องก็บอกว่าอย่างนี้ต้องให้โจโฉช่วย หันซุยเลยมีหนังสือไปหาโจโฉให้มาช่วย

 

ม้าเฉียวเชื่อคนง่าย หวาดระแวง รบเก่งก็จริง เป็นโหงวเฮ้งของผู้ที่มีความสามารถในเรื่องการรบเพียงอย่างเดียว คือมีความกล้าแกร่ง ทนงในนิสัย จะคล้ายๆ กับลิโป้ แต่ดีกว่าตรงที่เป็นลูกที่มีตระกูลดี มีพ่อแม่เป็นตัวเป็นตน เป็นนักรบ ไม่ได้มาจากชีวิตที่ลำเค็ญเหมือนลิโป้ มีทรัพยสินที่มากพอ ชีวิตสบายๆ ส่วนลิโป้ชีวิตลําเค็ญ เลยต้องกินสินบาทค่าสินบน ทําให้ชีวิตตัวเองไม่ได้รับการนับถือจากใครเลย แต่ม้าเฉียวตรงกันข้าม ชาติตระกูลก็ดี รบเก่ง แต่ขาดความสุขุมรอบคอบ ขาดที่ปรึกษาที่ดี

 

ตรงนี้จะหมายถึงเรือนพันธุ คือภพที่ ๔ จากลัคนา หมายถึงที่ปรึกษา คนที่มีดาวแข็งแกร่งมากในดวง ต้องย้อนกลับมาดูเรือนพันธุว่าเสียหรือไม่ ถ้าเรือนพันธุเสีย เราจะทําอะไร คิดเองทําเองจะพลาดได้ง่าย ถ้าหากประกอบไปด้วยดาวบาปเคราะห์ ดาว ๕ ถึงดาว ๗  ดาว ๕ ถึงดาว ๘ คือดาวบาปเคราะห์ ดาว ๓ แข็งแกร่งคือบาปเคราะห์ทั้งสิ้น แม้ว่าจะมีตําแหน่งหน้าที่การงานสูง ก็ต้องหันมาดูภพพันธุนิดหนึ่ง ถ้าเรามีที่ปรึกษาไม่ดี ดวงชะตาบอกไม่มีที่ปรึกษา ต้องมีความรอบคอบ แต่นี่หวาดระแวงจนกระทั่งเกิดผลเสีย จนกระทั่งหันซุยต้องเปลี่ยนใจ มีหนังสือไปขอให้โจโฉช่วย เพราะรู้อยู่ว่าม้าเฉียวไม่ใช่ธรรมดา

 

พอตกตอนค่ํา ทหารของหันซุยที่ยังจงรักภักดีต่อม้าเฉียว ก็มาบอกม้าเฉียวว่า หันซุยให้มาเชิญไปกินโต๊ะ แต่เชื่อว่าหันซุยคิดทําร้าย ม้าเฉียวก็ไม่กลัว เมื่อไปถึง เห็นบังเต็กคุมทหารอยู่ ๓๐ คน ตัวหันซุยกําลังปรึกษาอยู่กับทหารคู่ใจทั้ง ๕  ม้าเฉียวก็ร้องด่าแล้วชักกระบี่เข้าไปฟันทันที หันซุยตกใจไม่ทันรู้ตัวก็ยกแขนขึ้นรับ ถูกคมกระบี่แขนขาดตกลงไป ทหารทั้ง ๕ นายก็ถอดกระบี่ออกต่อสู้ป้องกันหันซุย ม้าเฉียวฟันตายไปหนึ่งคน แทงตายไปอีกคน เหลือ ๓ คนคือ เฮาจุ้ย ลิขำ เอี่ยวฉิว ก็พาหันซุยหนีออกจากค่าย เป็นจังหวะเดียวกับที่นัดกับโจโฉไว้ พอดีบังเต็กกับม้าต้ายมาถึง  ทหารทั้งสองฝ่ายก็รบราฆ่าฟันกันชุลมุนไปหมด

 

ฝ่ายทหารของโจโฉยกเข้าค่ายมาได้ ม้าเฉียวก็พลัดกับบังเต็กและม้าต้าย ต้องพาทหาร ๑๐๐ คนที่ตามมาหนีศัตรู จะข้ามสะพานก็เจอกับ อีกิ๋ม ทหารเอกของโจโฉดักอยู่ พอหันกลับมาก็พบลิขำไล่ตามมา อีกิ๋มยิงเกาทัณฑ์หมายจะฆ่าม้าเฉียว แต่ม้าเฉียวเห็นลูกเกาทัณฑ์แหวอากาศมา ก็หมอบตัวลงแนบติดกับหลังม้า ลูกเกาทัณฑ์ก็ไปถูกลิขำตกม้าตาย ม้าเฉียวก็หันมาสู้กับอีกิ๋มต่อ อีกิ๋มสู้ไม่ได้ ชักม้าหนีไป

 

ทหารโจโฉก็สกัดไว้ตรงสะพานทั้งสองด้าน ระดมยิงเกาทัณฑ์มาเป็นห่าฝน ม้าเฉียวก็ปัดลูกเกาทัณฑ์ตกน้ําลงไปหมด ไม่ถูกตัวเลยสักดอกหนึ่ง แต่ว่าทหารตัวเองโดนเกาทัณฑ์เหลือน้อย ไม่อาจรับมือกับทหารโจโฉที่หนุนเนื่องเข้ามาได้ ม้าเฉียวจึงต้องตัดสินใจฝ่าออกไปแต่ผู้เดียว จนพบกับบังเต็กกับม้าต้ายคุมทหารมาช่วยไว้ จึงเอาตัวรอดไปได้

 

เป็นอันว่าสามสหายเหลือทหารอยู่เพียง ๓๐ คน รบต่อไปไม่ไหว ต้องรีบหนีเอาตัวรอดไปทางด้านทิศใต้ของเมืองเสเหลียง หนีออกไปนอกเขตแดนจีน ปล่อยให้หันซุยผู้พิการเป็นเจ้าเมืองเสเหลียงแทน  กลอุบายของโจโฉก็เป็นผลสําเร็จ ทั้งๆ ที่ตัวเองหวุดหวิดหลายรอบแล้ว แต่วาสนายังดีอยู่ แถมวางแผนทําให้ม้าเฉียวนักรบด่วนใจเร็วคนนี้ หันมาฆ่าพันธมิตรผู้เป็นสหายของบิดาด้วยความหวาดระแวง และพ่ายแพ้อย่างยับเยิน ทั้งๆ ที่มีฝีมือเป็นเลิศ ม้าเฉียวไม่มีที่ปรึกษาและอายุยังน้อย รบเก่ง แต่เรือนพันธุเสีย ทําให้ต้องออกร่อนเร่ ไม่ได้ที่ปรึกษาที่ดี