บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๔๕/๔ - ม้าเฉียวระแวงหันซุย
12 ส.ค. 2561

 

ม้าเฉียว บังเต็ก ม้าต้าย ไปแอบซุ่มอยู่ที่เมืองเจี๋ยง นอกเขตแดนจีนอยู่หลายเดือน สามารถรวบรวมผู้คนได้อีก ก็ยกพลเข้ามาตีหัวเมืองที่อยู่ในความปกครองของโจโฉที่อยู่ในด้านเหนือ โจโฉกรำศึกทางด้านเหนือมาตลอด ถ้าไม่มีสติปัญญา ไม่มีทหารเอก ถ้าจะแย่เหมือนกัน เรียกว่าตอนนั้น ม้าเฉียวตีหัวเมืองของโจโฉได้หลายเมืองทีเดียว จนมาถึงเมืองกิจิ๋วที่โจโฉตีแย่งมาจากอ้วนเสี้ยวผู้ยิ่งใหญ่ภาคเหนือในอดีต

 

ฮุยหองเจ้าเมือง มีหนังสือไปถึงแฮหัวเอี๋ยนให้ยกทหารมาช่วย แต่แฮหัวเอี๋ยนไม่ทันจะยกมา ม้าเฉียวก็เข้าล้อมเมืองได้หลายวันแล้ว ฮุยหองเห็นท่าไม่ดีจึงเปิดประตูรับม้าเฉียวเข้าเมือง แล้วก็ยอมอ่อนน้อมตามประเพณี แต่ม้าเฉียวเมื่อฮุยหองเปิดประตูเมืองยอมสวามิภักดิ์แล้ว กลับบอกว่า ตัวท่านเปิดประตูมาคํานับเราแบบนี้ หาได้มีความสุจริตใจไม่ เป็นเพราะเหตุว่าจวนตัวต่างหาก ถ้าหากท่านภักดีต่อเราจริง ก็ควรเปิดประตูเมืองมาคํานับเราแต่แรก ทําอย่างนี้สงสัยไม่สุจริต เกรงว่านานไปจะคิดทําอันตรายเรา ไว้ใจไม่ได้ ว่าแล้วก็เอาไปประหารทั้งหมดทั้งครอบครัว

 

ส่วนเอียวหู นายทหารเอก ซึ่งคัดค้านไม่ให้ฮุยหองขอมอบตัว ม้าเฉียวเห็นเป็นคนซื่อสัตย์ จะฆ่าเสียก็มิชอบ แล้วกลับแต่งตั้งให้เป็นขุนนางใหญ่ อยู่รักษาเมืองกิจิ๋วต่อไป เอียวหูคํานับม้าเฉียว แล้วบอกว่า บัดนี้ ภรรยาของข้าพเจ้าตายที่เมืองหลิมเอีย จะขอลาท่านไปทําศพเสีย ๒ เดือน ถ้าเสร็จงานแล้วจะกลับมาหาท่าน ม้าเฉียวก็อนุญาตให้ไปโดยไม่ระแวงสงสัย เอียวหูก็กลับไปที่เมืองลกเส เกลี้ยกล่อมให้เกียงขิมผู้พี่ ยกทัพมาตีเมืองกิจิ๋ว

 

ม้าเฉียวรู้ข่าวก็นำทหารยกไปตั้งรับนอกเมืองกับบังเต็กและม้าต้าย ให้เตียวเหงพวกของเอียวหูรักษาเมือง พอมาถึงกลางทางก็พบทหารของเอียวหูกับเกียงขิมก็รบกัน ทั้งสองฝ่ายล้มตายกันเป็นอันมาก พอดีทัพแฮหัวเอี๋ยนยกมาจากเมืองเตียงอันมาถึง จึงเข้าช่วยเหลือเกียงขิมกับเอียวหู ตีขนาบม้าเฉียวจนเหลือกําลังที่จะต้านทานได้ ก็ถอยจะกลับเข้าเมืองกิจิ๋ว เตียวเหงก็ไม่เปิดประตูรับ แถมยังจับเอาบุตรกับภรรยาพรรคพวกของม้าเฉียวตัดศีรษะ โยนออกมานอกกําแพงอีก

 

ม้าเฉียวโกรธจนหน้ามืดเป็นลม หมดปัญญาที่จะทําอะไรได้ ทหารก็เหลือน้อย ถ้าเรือนพันธุเสีย จะทําอะไรไม่สุขุมรอบคอบ แฮหัวเอี๋ยน เกียงขิม เอียวหูไล่ตามมาทัน เข้าล้อมม้าเฉียวไว้ที่นอกเมือง ม้าเฉียว บังเต็ก ม้าต้าย เหลือทหารประมาณ ๕๐ คน จึงช่วยกันตีฝ่าวงล้อมหลุดออกไปได้ แล้วรีบเร่งหนีไปตลอดวัน รบเก่งแต่ขาดสติ ขาดปัญญา มีความหุนหันพลันแล่นก็หมดตัวอีก จนค่ําหนีมาถึงกําแพงเมืองลกเส ทหารบนเชิงเทินตาไม่ดี คิดว่าเกียงขิมกับเอียวหูกลับมา ก็เปิดประตูรับ ม้าเฉียวกับพวกเข้าเมืองได้ ก็ไล่ฆ่าฟันชาวเมืองเป็นการแก้แค้นจนล้มตายเป็นอันมาก พอถึงบ้านเกียงขิม  ก็ลากมารดาเกียงขิม อายู ๘๐ ปี เอาออกมาฆ่าเสียที่กลางถนน

 

รุ่งเช้า แฮหัวเอี๋ยนติดตามมาถึง ม้าเฉียวก็พาพรรคพวกหนีออกจากเมืองลกเส  บังเอิญสวนทางกับเอียวหู ม้าเฉียวก็รบด้วยความแค้นอีก เอียวหูฝีมืออ่อนกว่าก็ถูก ทวนหลายแห่ง เจ็บปวดเป็นกําลัง แต่ก็แข็งใจไม่ยอมหนี ทนสู้จนแฮหัวเอี๋ยนวกกลับมาช่วยจึงรอดตาย ส่วนม้าเฉียว ม้าต้าย บังเต็กเหลือทหารอีก ๗ คนพากันหนีจนสุดฝีเท้าไปถึงเมืองฮันต๋ง

 

ทั้งสามคนเข้าไปหาเตียวล่อ ขออาศัยอยู่ด้วย เตียวล่อรู้ฝีมือม้าเฉียวดี ก็รับไว้เป็นกําลัง ไว้ตั้งตัวเป็นใหญ่ เพราะว่าเตียวล่อคิดจะต่อสู้กับโจโฉทางด้านตะวันออก แล้วจะคิดตีเมืองเสฉวนทางด้านตะวันตกด้วย นี่เป็นขุนศึกคนหนึ่งที่จะตั้งตัวเป็นใหญ่

 

ต่อมา เตียวล่ออยากจะผูกสัมพันกับม้าเฉียวไว้ จึงคิดจะยกบุตรีให้เป็นภรรยาของม้า เฉียว เอียวเป็ก ที่ปรึกษาของเตียวล่อทักท้วงว่า ซึ่งท่านจะยกบุตรีให้ม้าเฉียวนั้น  ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วย ม้าเฉียวรักษาภรรยาของตัวเองยังมิได้ ท่านจะเอาบุตรีไปยกให้นั้น สืบไปเบื้องหน้าเห็นจะรักษาไว้มิได้ ก็จะเป็นอันตรายเหมือนครั้งนี้ ขอให้คิดดูเสียก่อน เตียวล่อเชื่อฟังคําของเอียวเป็ก ก็ไม่ยกบุตรีให้ม้าเฉียว แต่ว่าได้พูดไปแล้ว ทําให้ม้าเฉียวคิดแค้นเป็นอันมาก ก็คิดจะกําจัดเอียวเป็ก แต่เอียวเป็กก็รู้ตัว ปรึกษากับเอียวสงพี่ชาย หาทางกําจัดม้าเฉียวเสียก่อน

 

ย้อนกลับไปทางฝ่ายเสฉวน ประจวบเหมาะที่เล่าปี่เสร็จศึกกังตั๋ง โจโฉก็ไม่ได้มารบ มัวแต่ไปรบอยู่กับม้าเฉียว ในช่วงนั้น เล่าปี่ก็ยกกองทัพจากเมืองเกงจิ๋วมาหาเล่าเจี้ยงเจ้าเมือง ซึ่งแซ่เดียวกัน เพื่อเกลี้ยกล่อมให้เข้ามาเป็นพวกด้วย แต่ในที่สุดก็ผิดใจกัน เล่าปี่ก็ยกทหารเข้าตีเมืองเสฉวนเสียเลย เล่าเจี้ยงก็มีหนังสือมาถึงเจ้าเมืองฮันต๋ง ขอให้ยกทัพไปช่วย