บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๔๕/๒ - ม้าเฉียวระแวงหันซุย
12 ส.ค. 2561

 

รุ่งเช้าทั้งสองฝ่ายนําทหารออกมาเผชิญหน้ากัน ม้าเฉียวชักม้าออกมาข้างหน้าทหาร แล้วชูทวนประกาศว่า ผู้ใดเป็นทหารเสือจงออกมาสู้กัน นี่เป็นลักษณะของดาวอังคาร  คือใจกล้า ผู้ที่ดาว ๕ ถึงดาว ๗  ดาว ๕ ถึงดาว ๘  ดาว ๗ ถึงดาว ๘ เป็นดวงแม่ทัพ กล้าลุย

 

เคาทูขับม้าออกมาต่อสู้กับม้าเฉียว ทั้งสองรบกันได้ถึง ๑๐๐ เพลง ไม่ได้เพลี่ยงพล้ําต่อกันจนม้าทั้งสองอ่อนแรง ต่างก็ถอยม้ากลับไปเปลี่ยนม้าใหม่อีก คราวนี้เคาทูเกิดโทสะ คิดว่าใส่เกราะแล้วมันหนัก ถอดเกราะออกรบตัวเปล่าเลย สู้กันรอบนี้ก็ไม่ถูกคมอาวุธให้บาดเจ็บแต่อย่างใด

 

ทหารทั้งสองฝ่ายเห็นนายทัพของตนฝีมือเข้มแข็ง ต่างก็ไม่ย่อท้อกันทั้งสองฝ่าย ก็โห่ร้องเอิกเกริกกันดังลั่นไปทั้งสนามรบ ทั้งคู่รบกัน ๑๓๐ เพลง เคาทูเมื่อปราบฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ก็โกรธ พอได้ทีก็ฟาดง้าวไปเต็มแรง ม้าเฉียวหลบทัน เอาทวนแทงสวนไปที่อก เคาทูเห็นจวนตัวก็ทิ้งง้าวเอามือรับไว้ ทั้งสองฝ่ายก็ยื้อแย่งทวนกันอย่างอุตลุด จนทวนหักออกเป็น ๒ ท่อน เหลือแต่ด้ามทวนก็ตีกันต่อ ดุเดือดมาก เลื่องลือกันไปไกล รบทุกรูปแบบ

 

โจโฉเห็นไม่ได้การ สั่งให้แฮหัวเอี๋ยนขับม้ามาช่วยเคาทู บังเต็กกับม้าต้ายก็ชักม้าออกมาช่วยม้าเฉียว คราวนี้ก็ตะลุมบอนกันอลหม่านกันไปหมด ม้าเฉียวยิงเกาทัณฑ์ติดหลังเคาทูไป ๒ ดอก แล้วไล่ตีทหารของโจโฉแตกพ่ายหนีเข้าค่ายไป ม้าเฉียวชนะอีก

 

ม้าเฉียวคุมทหารกลับค่าย พบหันซุยก็บอกว่า ตั้งแต่ทําการรบพุ่งมา คนที่จะรบพุ่งได้เข้มแข็งและกล้าหาญเหมือนเคาทูไม่มีเลย ฝ่ายเคาทูก็ชมว่า ตั้งแต่รบมา ไม่มีใครเข้มแข็งเหมือนม้าเฉียวเลย

 

ต่อมา โจโฉยกทัพพาทหารไปตั้งค่ายทางด้านตะวันตกขนาบม้าเฉียวเอาไว้ แล้วแฮฮัวเอี๋ยนก็อาสามารบกับม้าเฉียว แต่ก็แพ้อีก ม้าเฉียวชนะทุกครั้ง แต่ไม่สามารถเอาชนะได้โดยเด็ดขาด ทั้งสองฝ่ายต่างก็ปรึกษากันใหญ่ จะเอาอย่างไรกันดี รบอย่างไรก็ไม่ชนะกัน กองทัพโจโฉพ่ายแพ้ทีไร ก็สามารถลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้ทุกครั้ง แต่ก็อ่อนแรงด้วยกันทั้งสองฝ่าย

 

ม้าเฉียวออกความเห็นว่า โจโฉทําการครั้งนี้เข้มแข็งนัก ให้ท่านคิดอุบายมาเป็นไมตรีกันเสียดีกว่า อย่าทําสงครามเลย เลิกทัพกันไปก่อน พอพ้นหน้าหนาวค่อยคิดทําการกันต่อไป

 

หันซุยเห็นด้วย ให้ทหารถือหนังสือไปขอหย่าศึกกับโจโฉ โจโฉก็เห็นด้วยที่จะให้ต่างฝ่ายเลิกทัพกลับไป แต่ตอนนั้นโจโฉเริ่มวางอุบาย โจโฉให้ทหารทําสะพานเพื่อยกพลกลับ ม้าเฉียวเองก็ไม่ค่อยไว้ใจ ให้หันซุยคุมทหารระวังทัพโจโฉด้านหน้า ตัวม้าเฉียวคอยดูด้านหลังที่มีข้าศึกขนาบอยู่

 

วันต่อมา โจโฉแต่งตัวตามสบาย ไม่สวมเกราะ ทรงยศเครื่องขุนนาง ยกทหารออกมา เชิญหันซุยออกไปสนทนากัน หันซุยขี่ม้าออกไปหาโจโฉคนเดียวไม่มีทหารตาม ต่างฝ่ายต่างคํานับกัน โจโฉก็ปราศัยว่า ตัวท่านกับข้าพเจ้ามิใช่คนอื่น บิดาของท่าน ข้าพเจ้าก็คํานับว่าเป็นอา เราทั้งสองเมื่อหนุ่มเป็นขุนนาง ทําราชการมาด้วยกัน เป็นคนชอบพออัธยาศัยกัน บัดนี้จากกันมาช้านานเพิ่งได้เห็นกัน อายุท่านสักเท่าไร หันซุยพาซื่อ บอกว่าอายุ ๔๐ แล้ว คือโดยมาก คนมีดาวอังคารหรือนักรบทั้งหลาย ไม่เห็นต้องใช้อุบายในการพูดกัน ก็พูดกันตรงๆ โจโฉก็ทําเป็นเอามือลูบอก ก็บอกว่า เราทําราชการในเมืองหลวง จากกันมาไม่ทันจะเหลียวหลัง อายุก็ล่วงเลยถึงเพียงนี้แล้วเมื่อไรหนอบ้านเมืองจะราบคาบเป็นปกติ เราทั้งสองจะได้อยู่เย็นเป็นสุขด้วยกัน

 

ม้าเฉียวได้รับรายงานจากทหารที่อยู่บนเชิงเทินถึงเรื่องที่หันซุยไปคุยกับโจโฉ ก็ถามหันซุยว่าออกไปเจรจากับโจโฉวันนี้ พูดจาสิ่งใดกัน หันซุยก็บอกว่า พูดจาเนื้อความที่ทําราชการมาด้วยกันแต่ก่อน ม้าเฉียวก็ถามว่า ไม่ได้พูดกันถึงเรื่องสงครามนี้เลยหรือ  หันซุยบอกว่า ไม่ได้พูดกันเลย ม้าเฉียวไม่เชื่อ ชักสงสัย แต่ก็นิ่งไว้ในใจ พิษของความระแวงเกิดขึ้นแล้ว

 

วันรุ่งขึ้น โจโฉก็ดําเนินกลอุบายต่อ ให้ทหารถือหนังสือมาให้ หันซุยยังไม่ได้เปิดผนึกออกอ่าน ม้าเฉียวรู้ข่าวก็มาถามว่า โจโฉส่งหนังสือมาว่าอย่างไร หันซุยก็ส่งหนังสือให้ม้าเฉียวเปิดออกมาอ่าน ปรากฎว่าจดหมายไม่มีข้อความอะไรเลย มีแต่กระดาษเปล่า ม้าเฉียวก็สงสัยว่าหันซุยคงจะต้องซ่อนหนังสือเอาไว้ ก็ถามว่า ท่านเอาหนังสือไปซ่อนไว้ที่ใหน หันซุยตอบตามจริงว่า หนังสือโจโฉให้มาอย่างนั้นเอง เรายังไม่ทันฉีกผนึก ท่านก็มา ซึ่งจดหมายไม่ได้มีอักษรมานี้ ชะรอยโจโฉหลงไป ไม่ได้เอาหนังสือใส่ผนึก เอากระดาษเปล่าใส่มา หากเป็นขงเบ้งจะต้องคิดแล้วว่า มันต้องมีอุบาย

 

ม้าเฉียวก็พูดว่า ท่านไม่เหตุมีผลเลย โจโฉมีสติปัญญามั่นคง จะลืมหนังสือเสียนั้นผิดไป ชะรอยท่านจะเข้าด้วยโจโฉคิดทําร้ายเรา ส่งหนังสือมาถึง กันไม่ให้เราแลเห็น แกล้งอากระดาษเปล่าให้เราดู หันชุยก็ยืนยันว่าเป็นความจริง ถ้าท่านสงสัยแคลงใจ พรุ่งนี้เราออกไปพูดกับโจโฉนอกค่าย ท่านจงแอบฟังอยู่ ถ้าได้ยินเราบอกกับโจโฉพูดเป็นผิด ก็แทงเราให้ตกม้าตายไปเลย ม้าเฉียวเห็นแสดงความซื่อสัตย์อยู่แต่ก็ยังไม่สิ้นความระแวงสงสัย