- ฮวงจุ้ยพื้นฐาน
- รูปภาพและความหมาย
- ฮวงจุ้ยสำนักงาน
- ฮวงจุ้ยที่ดิน
- ฮวงจุ้ยร้านค้า
- ฮวงจุ้ยบ้านเรือนที่อยู่อาศัย
- ข้อห้ามเกี่ยวกับการเลือกที่อยู่อาศัย
- ทำเลเสียดูอย่างไร
- ดาว ๙ ยุคคืออะไร
- ดวงจีน
- การดูลักษณะภูเขา
- กรณีศึกษาฮวงจุ้ย
- ประสบการณ์การดูทำเลของอาจารย์แอน
- คำคม..ข้อคิด
- เกร็ดความรู้จากพุทธศาสนา
- เกร็ดความรู้ที่ได้จากวรรณคดี
- บทความพิเศษ
16 ก.ค. 2558
ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ต้องใช้ศาสตร์และศิลป์ควบคู่กัน ฮวงจุ้ยเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ในตัวของมันด้วย เพราะฉะนั้น คนที่มีหัวในทางศิลป์จะเรียนฮวงจุ้ยได้ดีที่สุด เพราะจะรู้จักพลิกแพลง ศาสตร์แบบนี้ยึดเกาะตามตำราไม่ได้ ต้องอาศัยความเข้าใจ พลิกแพลง ดัดแปลง ใช้ความสมดุล ใช้ความรู้สึก เข้ามาผสมผสานในการเรียนรู้ หรือใช้ศิลปะนั่นเอง เช่น การจัดบ้าน สอนกันตามทฤษฏี แต่ผู้จัดไม่มีศิลปในการจัดตกแต่งบ้านเลย การจัดปรับทำเลก็ทำได้ยาก เพราะจะเกาะติดตำรา ไม่รู้จักดัดแปลงใช้ให้สอดคล้องกลมกลืน กับคนในบ้าน กับสิ่งแวดล้อมของบ้าน หรือจัดออกมาแล้วไม่สวยไม่งามเลย เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ในการจัดทำเล ต้องเป็นคนที่รักการจัดบ้านด้วย ต้องจัดให้เหมาะสมกลมกลืนทั้งตนเองและบุคคลอื่นๆในบ้าน บุคคลที่เป็นประเภท “ขุนสุม ถนัดโปะ” ไม่เหมาะจะจัดทำเลฮวงจุ้ย ต้องใจรักในการจัด จัดได้อย่างสมดุลและสอดคล้องกับหลักวิชา เพราะฉะนั้นคนจัดบ้านเก่งได้เปรียบ และต้องถือความกลมกลืน ความเป็นธรรมชาติเป็นหลักในวิชาฮวงจุ้ย
ภาพวาด รูปปั้น และงานศิลปะอื่นๆ ที่ทำให้ผู้พบเห็นเกิดความประทับใจ คนส่วนใหญ่มักมองข้ามว่า เวลาไปที่ไหน เข้าบ้านใครแล้วเราประทับใจอะไร ลองเก็บมาเป็นประสบการณ์ ดัดแปลงมาใช้ ศิลปะในการจัดฮวงจุ้ยไม่ได้เจาะจงเฉพาะว่าต้องเป็นสิ่งของเกี่ยวกับจีน เราใช้ได้ทุกอย่าง ไม่กำหนดว่าต้องใช้ลูกท้อ หยก กระจกแปดเหลี่ยม ซึ่งเป็นวัตถุมงคล เป็นวัฒนธรรมของจีน ของทางไทยก็เป็นพวกตลับเบญจรงค์ สังข์ น้ำเต้าไทย เครื่องเงิน เครื่องทอง เครื่องแก้ว
ภาพวาด และรูปปั้นต่างๆ จะกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองทางอารมณ์ได้ แม้แต่คนที่ขาดความรู้สึกละเอียดอ่อน เมื่อเห็นภาพที่สวยงามในบางครั้งบางคราว สามารถกระตุ้นให้มีความอ่อนโยนเกิดขึ้นในใจ สิ่งแวดล้อมที่เกิดจาก ภาพวาด การจัดของรอบๆ ตัว หรือรูปปั้น จึงเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง เพราะสามารถดึงจิตใต้สำนึกของคนออกมาได้
ยกตัวอย่างเช่น ภาพวาด หรืองานศิลป์ต่างๆ ที่แสดงถึงความยากจน ความสกปรกโสโครก หรือความน่าเกลียดน่าชัง ไม่ว่าภาพนั้นจะวาดด้วยศิลปะดีแค่ไหนก็ตาม ภาพวาดเหล่านั้นก็จะสามารถดึงอารมณ์ของเราให้ลงต่ำ หดหู่ ความประทับใจจะพิมพ์ลงสู่จิตใต้สำนึกของเรากับภาพเหล่านั้น มีผลต่อจิตใจทันทีที่ได้จ้องมองลงไป หรือถ้าเป็นภาพน้ำตกที่ไหลซู่ซ่า ความรู้สึกของเราจะรู้สึกสดชื่นตามไปด้วย ตามสภาพของน้ำ แต่ถ้าภาพน้ำตกนั้นเป็นหินผาชะโงก เราก็จะมีความรู้สึกว่าดิ่งตามเขานั้นไปด้วย
ภาพวาดที่แสดงถึงความเศร้าหมอง โศกเศร้า ทึม หรือภาพที่ใช้สีที่ดูแล้วปวดหัวเวียนหัว เช่น พวกภาพ modern art ที่แสดงความรู้สึกและอารมณ์ของศิลปิน ณ ขณะนั้นว่ามีอารมณ์แบบไหน ภาพ abstract ทั้งหลาย ที่ไม่สามารถแยกแยะส่วนของภาพได้ ไม่มีรูปทรง แสดงความสับสนวุ่นวาย ภาพรถแข่ง ให้ความหมายถึงการแข่งขัน แข่งกับเวลา ภาพต่างๆ ที่เรามอง ไม่ว่าจะตั้งใจมองหรือไม่ก็ตาม แต่ต้องผ่านไปผ่านมา มองเห็นอยู่เสมอๆ ภาพเหล่านั้นก็จะเข้าไปอยู่ในจิตใต้สำนึกของเราอย่างสม่ำเสมอ อยู่ในห้องนั้น บรรยากาศอย่างนั้น หรือภาพงานศิลป์ที่แสดงสรีระของมนุษย์ที่บิดเบี้ยว ก่อให้เกิดความประทับใจในด้านลบ น่ากลัว แล้วถ้านำภาพนี้ไปติดในห้องเล็กๆ แคบๆ ในมุมของเรา ภาพเหล่านี้จะทำให้เราปวดศีรษะ หรือเกิดอาการเครียด ภาพที่แสดงถึงกายภาพ การบิด การเจ็ดปวด ภาพกล้ามเนื้อบิดตัว แต่ไม่ได้ติดในห้องออกกำลังกาย แต่กลับไปติดในห้องที่ใช้สำหรับพักผ่อน ห้องอาหาร จะก่อให้เกิดความตึงเครียด กระเพาะอาหารหดตัว ทำให้เป็นโรคกระเพาะได้
เพราะฉะนั้น ฮวงจุ้ย ไม่ใช่แค่สิ่งที่คุกคาม อะไรที่มันแหลมทิ่มตา ขวางประตู สามแพร่ง ฯลฯ แต่จากห้องของเรา มองออกไปเห็นอะไร การจัดบ้านมีความประทับใจมากน้อยแค่ไหน ตู้เสื้อผ้ามีลายที่คุกคาม เช่น ลายสามเหลี่ยม กระจกเป็นรูปตัวที หรืออะไรที่มีลักษณะก้าวร้าว ศิลปะเหล่านี้ต้องอาศัยว่าเรามองแล้วเกิดความรู้สึกอะไรอย่างไร
ภาพต่างๆ ไม่ว่าจะแสดงอารมณ์อะไรออกมานั้น ก็ย่อมขึ้นอยู่กับความชอบซึ่งประกอบด้วยความรู้สึกส่วนตัว ทั้งๆที่รู้ว่ามันจะส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกอย่างไร เมื่อมองแล้วถ้าชอบก็ใช้ได้ แต่ถ้าต้องการจัดทำเล ภาพที่แสดงอารมณ์รุนแรงต่างๆ ก็ต้องเอาออก ถ้าเราต้องการความอ่อนโยน ยกตัวอย่างเช่น ห้องผู้บริหารท่านหนึ่ง ภาพหลังโต๊ะทำงาน เป็นภาพครุฑกำลังจิกพญานาคต่อสู้กันอยู่ เป็นภาพที่แกะบนผนัง ลงสีลงทองอย่างดี ถามว่าทำไมตัวเขาจึงมักขัดแย้งกับบุคคลอื่นไปทั่ว รูปนี้มองได้ ๒ แบบ แบบแรกคือ สำหรับคนใจอ่อน รู้สึกสงสาร แบบที่สอง คนเข้มแข็ง มองแล้วไม่รู้สึกอะไร ถือเป็นการต่อสู้เฉยๆ แต่ทั้งสองฝ่ายมีจิตใต้สำนึกตรงกันคือ ขัดแย้ง การรังแก การฆ่ากัน เพราะฉะนั้นรูปนี้ก็จะมีอิทธิพลต่อคนตรงนั้น ไม่ว่าจะนั่ง เดินผ่าน มองบ้างไม่มองบ้าง รู้สึกบ้างไม่รู้สึกบ้าง แต่สิ่งเหล่านี้ได้เข้าไปอยู่เป็นภาพใต้จิตใต้สำนึก และยอมรับว่า ภาพนี้มีความหมายถึง การต่อสู้ การขัดแย้ง รูปภาพในหน้าหนังสือพิมพ์ก็มีผลเช่นกัน