- ฮวงจุ้ยพื้นฐาน
- รูปภาพและความหมาย
- ฮวงจุ้ยสำนักงาน
- ฮวงจุ้ยที่ดิน
- ฮวงจุ้ยร้านค้า
- ฮวงจุ้ยบ้านเรือนที่อยู่อาศัย
- ข้อห้ามเกี่ยวกับการเลือกที่อยู่อาศัย
- ทำเลเสียดูอย่างไร
- ดาว ๙ ยุคคืออะไร
- ดวงจีน
- การดูลักษณะภูเขา
- กรณีศึกษาฮวงจุ้ย
- ประสบการณ์การดูทำเลของอาจารย์แอน
- คำคม..ข้อคิด
- เกร็ดความรู้จากพุทธศาสนา
- เกร็ดความรู้ที่ได้จากวรรณคดี
- บทความพิเศษ
1 ก.พ. 2554
สาวิตรี
ในบรรดาหญิงงามในวรรณคดี ผู้ที่พร้อมด้วยสติปัญญาและมีจิตใจที่มั่นคง และเป็นผู้ที่เผชิญเรื่องราวที่แตกต่างจากคนอื่น เป็นเรื่องราวที่ต้องนำมาค้นหาดวงประเทียบ เพื่อศึกษาอย่างพลาดไม่ได้
เป็นเรื่องราวของพระธิดา ซึ่งพระบิดาคือ ท้าวอัศวบดี ราชาแห่งแคว้นมัทราษฎร์ ได้บำเพ็ญตบะเป็นเวลาถึง ๑๘ ปี จึงได้พระธิดาที่งามพร้อมและได้รับพระนามว่า “สาวิตรี” ซึ่งมีดวงประเทียบดังนี้
สาวิตรี เป็นผู้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ซึ่งจะอนุมานหาลัคนาได้ดังนี้
- ผู้ที่มีลัคนาอยู่ในทวีป บูรพวิเทหะ คือ เมถุน กรกฎ สิงห์ และในจำนวนนี้ สิงห์ฉลาดที่สุด เพราะเมถุนนั้นฉลาดแต่ลังเล กรกฏ ฉลาดแต่พันตัวเองมักนึกถึงแต่ตนเอง แต่สิงห์นั้นฉลาด คิดถึงพวกพ้องและกล้าตัดสินใจ
- ผู้มีลัคนาอยู่ในราศีธาตุไฟ คือ เมษ สิงห์ ธนู เมษนั้นฉลาดในหลักการ ไม่ฟังคำท้วงติง เด่นแต่กล้าแข็ง สิงห์นั้นหยิ่งด้วยยศศักดิ์ แต่ธนูนั้นจะรอบคอบประนีประนอม อ่อนน้อมถ่อมตน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีเสน่ห์ด้วยวาจา
เมื่ออนุมานด้วยประวัติของสาวิตรีแล้ว กำหนดลัคนาอยู่ที่ราศีธนู มีดาว ๕ เป็นตนุลัคน์ เป็นประ อยู่ราศีเมถุน ซึ่งยังคงความหมายของสติปัญญา ที่เฉลียวฉลาดอย่างครบถ้วน ทั้งยังต้องเผชิญเรื่องราวที่ไม่เหมือนคนอื่น การขอร้องเพื่อคนอื่น ก็ดูเหมาะสมดีกับลัคนาที่อยู่ราศีธนู และดาว ๕ ตนุลัคน์ เป็นประอยู่ราศีเมถุน
สาวิตรีเจริญวัยสู่ความเป็นสาวด้วยความงามและสติปัญญา แต่ยังหาคู่ไม่ได้ โดยปกติถ้าดาว ๕ เล็งลัคน์อย่างนี้ มีความหมายในทางพินทุบาทว์ที่เกี่ยวกับคู่ครองโดยตรงอยู่แล้ว
ท้าวอัศวบดีกังวลพระทัยมาก จึงตัดสินใจให้สาวิตรีเลือกสวามีเองตามความชอบใจ เมื่อสาวิตรีออกประพาสในที่ต่าง ๆ ก็ได้พบเนื้อคู่ในป่าชายแดนของแคว้นมัทราษฎร์ ซึ่งดาวภพปัตนิ คือ ดาว ๙ ให้อยู่ในภพวินาศ ราศีพิจิก เนื้อคู่พบกันโดยบังเอิญในป่าที่ไม่คาดหมาย และภพวินาศก็เป็นภพของคนแปลกหน้า เพราะการพบเนื้อคู่ของสาวิตรีเป็นการพบเอง ไม่ได้เกิดจากพระบิดาแนะนำหรือเกิดในหมู่เครือญาติ
พระสัตยวาน ผู้เป็นเนื้อคู่ของสาวิตรีเป็นโอรสของท้าวทยุมัตเสน ราชาพระเนตรบอดของแคว้นศาลวะ ถูกศัตรูแย่งชิงบัลลังก์ ท้าวทยุมัตเสนจึงทรงนำพระนางไสพยามเหสี และพระสัตยวานราชโอรส หลบหนีศัตรูมาออกบวชเป็นฤๅษี ณ ราวชายป่าแคว้นมัทราษฎร์ และพระเนตรของพระองค์ก็มามืดบอดสนิทในตอนนี้เอง
เรื่องราวของเนื้อคู่ของสาวิตรี คือ ดาว ๙ มีชีวิตที่ระหกระเหินไร้บัลลังก์ เพราะอิทธิพลของดาว ๙ เอง และดาว ๘ กุมดาว ๑ เพราะถูกศัตรูราวี จึงใส่ดาว ๔ ดาวพระเคราะห์คู่ศัตรูของดาว ๘ ประกอบกับฤๅษีนารททำนายว่า “ท้าวสัตยวาน จะมีชีวิตได้อีกหนึ่งปีเท่านั้น” ก็คือเนื้อคู่ของสาวิตรีถูกเบียดเบียนด้วยพระเคราะห์คู่ศัตรู และดาว ๑ สามีในดวงชาตาอยู่ในภพวินาศ และถูกราหูกุมจึงต้องประสบชาตากรรมอย่างนี้
เมื่อสาวิตรีทูลท้าวอัศวบดีว่า นางตกลงใจเลือกพระสัตยวานเป็นสามี พระนารทซึ่งนั่งอยู่ด้วยก็ห้ามปรามเนื่องจาก ท้าวสัตยวานจะมีอายุอีกเพียงหนึ่งปีเท่านั้น แต่ด้วยจิตใจที่แน่วแน่ สาวิตรีไม่ยอมเปลี่ยนใจ อันเป็นลักษณะของตนุลัคน์ที่เป็นประและกุมดาวพลูโต ดาวแห่งความซื่อสัตย์ และรักเดียวใจเดียว
และเมื่อเวลาหนึ่งปีผ่านไป ในวันนั้น ท้าวสัตยวานและนางสาวิตรี ชวนกันออกไปประพาสป่าเพื่อเก็บผลหมากรากไม้และในขณะที่เดินไปอย่างเพลิดเพลินนั้น ท้าวสัตยวานก็เกิดอาการวิงเวียนหน้ามืด หมดสติไป
ขณะนั้น พระยมเทพเจ้าแห่งความตาย ได้เดินตรงเข้ามาหาท้าวสัตยวานที่นอนหมดสติอยู่บนตักของสาวิตรี ที่นั่งรอคอยอย่างสงบและมีสติปราศจากความหวาดกลัว เมื่อเห็นพระยายมเสด็จมานางก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า โดยทั่วไปผู้ที่มารับวิญญาณของคนตายมักเป็นพวกยมทูต ทำไมคราวนี้เป็นพระยายมเสด็จมาเอง
ด้วยความประหลาดใจที่นางสาวิตรีสามารถเห็นพระองค์ ก็ทรงตอบว่า “วิญญาณชั้นต่ำไม่ได้มีความดีงามเป็นพิเศษ พวกยมทูตจะเป็นผู้มารับ แต่ถ้าเป็นผู้ที่มีความดีงามพร้อมอย่างท้าวสัตยวาน พระองค์จะเสด็จมารับเอง”
ในวรรณคดีเฉลยที่นางสาวิตรีมองเห็นพระยายม เพราะนางมีบารมีเกิดจากการบำเพ็ญตบะ แต่ในหนังสือ “เรียนดวงจากวรรณคดี” ของอาจารย์แอนขอตอบตามหลักวิชาว่า การติดต่อกับโอปาติกะนั้นจะต้องพิจารณาจากภพมรณะ และภพวินาศเป็นสำคัญ
ภพมรณะ หมายถึงคนตาย หรือวิญญาณของคนตาย ส่วนภพวินาศหมายถึงความเร้นลับ ปรโลกภพที่ลึกลับ ภูมิสวรรค์ นรก
ในที่นี้ ดวงชาตาของนางสาวิตรีจึงให้ภพวินาศคือดาว ๓ กุมลัคนา และดาว ๒ ภพมรณะ เป็นมหาจักร ตรีโกณถึงลัคนา คือไม่เป็นภัยกับนางสาวิตรี แต่จะต้องเผชิญเรื่องราวที่ไม่เหมือนคนอื่นเกี่ยวกับภพความตาย และดาว ๐ ที่เป็นดาวศูนย์พาหะ เป็นดาวที่เกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ ดาว ๙ ขนาบหลัง เป็นดาวเกี่ยวกับจิตวิญญาณ
ดังนั้นดาว ๙ และดาว ๐ ที่ขนาบหน้าหลังและมาจากภพปัตนิกับภพสหัชชะ เป็นเรื่องใกล้ตัวเกี่ยวกับคู่ครองและการติดต่อวิญญาณ
นางสาวิตรีเดินตามพระยมซึ่งจูงท้าวสัตยวานเดินนำหน้า พระยมได้บอกให้นางสาวิตรีเลิกติดตามเพราะหนทางนั้นลำบากและอันตราย อีกอย่างพระสัตยวานนั้นตายแล้ว ย่อมไม่เกิดประโยชน์ที่จะตามไป นางสาวิตรีทูลตอบว่า “นางไม่หวั่นต่อความลำบากหรืออันตรายใด ๆ” ด้วยถือเอาตบะที่ได้บำเพ็ญเพียรมา ด้วยสัมมาคารวะที่มีต่อผู้หลักผู้ใหญ่และความกรุณาพระยมที่มีต่อนาง เป็นเกราะคุ้มครองป้องกันภัยตลอดการเดินทาง
พระยมพอใจในคำตอบของนางจึงประทานพรให้นางขอได้ทุกสิ่ง ยกเว้นชีวิตของพระสัตยวาน นางจึงขอให้พระเนตรของพระบิดาของพระสวามี คือท้าวทยุมัตเสน หายจากมืดบอด พระยมก็ประทานให้ตามที่นางปรารถนา
นี่เป็นเพราะดาว ๒ จากภพมรณะอยู่ในภพปุตตะ ดาวที่อุปถัมปภ์เมตตาเอ็นดู ไม่ให้ผลที่ร้ายแรง และดาว ๒ ยังส่งผลให้นางเป็นคนมีสัมมาคารวะ อ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ และอิทธิพลจากดาว ๖ ที่เป็นเกษตร คือเพียบพร้อมด้วยความงามและสติปัญญาความแน่วแน่และเป็นภพที่แสดงถึงความสำเร็จ เพราะอยู่ในตำแหน่งที่เข้มแข็งเป็นเกษตร โยคหลังลัคนา และเป็นดาวที่อยู่หลังดาว ๑ แสดงเจตนาที่แน่วแน่ และเสน่ห์ในการเจรจา
นางสาวิตรียังคงติดตามพระยมต่อไปซึ่งก็ได้รับการห้ามปราม และนางก็มีคำตอบว่า “เมื่อนางได้มีโอกาสอยู่ใกล้สามี นางไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย และไม่ว่าสวามีของนางจะอยู่ในสภาพใดนางก็จะขออยู่ในสภาพนั้น ” และนางเองก็ได้มีโอกาสร่วมทางกับพระยายมผู้ทรงคุณธรรมล้ำเลิศ ซึ่งย่อมเกิดผลดีอย่างแน่นอน
ความสามารถในการยกยอนั้น ยังคงเป็นดาว ๖ ที่เป็นเกษตร คือส่งผลให้มีปิยะวาจา ไม่ต้องสงสัยเลยเมื่อพระยมให้พรแก่นางสาวิตรีอีกครั้ง โดยมีข้อแม้ว่าไม่ขอชีวิตพระสัตยวาน นางก็ขอให้ท้าวทยุมัตเสนได้ราชสมบัติกลับคืน นี่ขอให้คนอื่นตามตนุลัคที่เป็นประ ซึ่งพระยมก็ไม่ขัดข้องอีกเช่นเคย พร้อมทั้งตรัสห้ามนางมิให้ตาม จนพระยมต้องให้พรข้อที่สาม โดยมีข้อแม้เดิม นางขอให้บิดาของนางมีบุตรสืบสกุล พระยมก็ประทานให้
นางสาวิตรีเดินตามอย่างไม่ลดละ จนได้พรข้อที่สี่ นางขอให้นางเองมีโอรสที่เรืองฤทธิ์ร้อยคน พระยมที่กำลังให้พรเพลินอยู่ไม่ทันฉุกใจคิด จึงออกโอษฐ์อย่างเคยชินรับปากนางทันที นางสาวิตรีไม่ปล่อยโอกาสอันดีงามนี้ผ่านพ้น เอ่ยสรรเสริญพระยมด้วยถ้อยคำที่อ่อนหวานต่อไป จนได้พรข้อที่ห้า โดยพระยมลืมเอ่ยถึงข้อแม้ เพียงตรัสว่า “นางขอ”
พรข้อที่ห้าที่นางสาวิตรีขอคือ ชีวิตของพระสัตยวาน โดยอ้างพรข้อที่สี่ ที่พระยมตรัสประทานให้นางมีโอรสผู้เรืองฤทธิ์หนึ่งร้อยคนว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าปราศจากท้าวสัตยวาน
ในที่สุดพระยมก็ทรงปล่อยวิญญาณของท้าวสัตยวานให้กลับสู่ร่างเดิม ความอดทนและความเพียรพยายามจนประสบความสำเร็จ คืออำนาจของดาว ๗ ที่อยู่ในเรือนคู่ธาตุ อยู่กลางฟ้าของเจ้าชาตานั่นเอง