พระราชวังหลวงกรุงปักกิ่ง มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “ The Forbidden City”  หรือเมืองต้องห้าม ในขณะนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ของพระราชวัง หรือ Palace Museum ไปแล้ว

พระราชวังหลวงนี้ได้รับสมญาว่า “เป็นเมืองซ้อนกรุง” เพราะมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล ภายในกำแพงพระราชวังนั้นมีลักษณะสูงใหญ่ และยาวสุดลูกหูลูกตาทีเดียว ใครที่ดูอุ้ยเซี่ยวป้อ จะมีบางฉากที่ถ่ายให้เห็นกำแพงและทางเดินรวมถึงพระราชวังที่ถ่ายทำจากสถานที่จริง ซึ่งจะเห็นเพียงบางส่วนเท่านั้น

พระราชวังที่มีกำแพงใหญ่โตสูงใหญ่ จะล้อมรอบด้วยคูรอบกำแพง มุมกำแพงทั้งสี่ด้านยังมีหอคอยซึ่งมีขนาดและทรวดทรง รับกับกำแพงพระราชวังทั้งสี่ด้าน
 

พระราชวังหลวงมีประวัติการสร้างมาตั้งแต่ครั้งราชวงศ์หมิง (ช่วง พ.ศ. 1911 – 2187) โดยเริ่มสร้างปี พ.ศ. 1949 และใช้เวลาถึง 14 ปี วัสดุก่อสร้างที่นำมาใช้เป็นหลักได้แก่ ไม้และหินอ่อน

พระราชวังนี้ใช้เป็นที่ประทับ และเป็นที่ทรงราชการขององค์จักรพรรดิ ผู้มีอำนาจสูงส่งล้นฟ้าในยุคราชวงศ์ เปรียบประดุจโอรสแห่งสวรรค์ มังกรแห่งพื้นพิภพ ตามคตินิยมของจีนโบราณ การก่อสร้างจึงต้องยิ่งใหญ่สง่างาม ให้ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม สมกับเป็นครอบครัวอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ ให้บรรดาชนกลุ่มน้อยหรือชนเผ่านอกด่านหัวเมืองทั้งหลายกลัวเกรง

การสร้างพระราชวัง แบ่งเป็นสามส่วน คือ ส่วนหน้า ส่วนกลาง และส่วนใน จากข้อมูลระบุว่า มีห้องใหญ่น้อย รวมทั้งสิ้น 10,000 ห้อง อาคารสำคัญของพระราชวังได้แก่ พระที่นั่งใหญ่ 3 องค์ ตรงใจกลางของพระราชวังซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงปักกิ่งเช่นกัน ถือเป็นส่วนที่ว่าราชการขององค์จักรพรรดิ แต่ด้านข้างทั้งสองด้านตามภาพ เป็นที่ส่วนพระองค์
 

พระที่นั่งพระองค์แรก จะเริ่มต้นด้วยลานหินกว้างใหญ่ไพศาล จุคนได้เป็นหมื่น มีอาคารเก๋งจีนใหญ่เป็นประตูทางเข้าไปสู่พระที่นั่งองค์แรก

บันไดหลายขั้นหน้าพระที่นั่ง เป็นแผ่นหินชิ้นเดียวแกะสลักเป็นรูปมังกรเล่นคลื่นทอดยาวตามบันได มีประวัติถึงความยากลำบากทั้งในการขนย้ายจากมณฑลอื่น เพราะต้องใช้แรงจากคนอย่างเดียว เพราะสมัยนั้น ยังไม่มีเครน รถบรรทุก รถเข็น ฯลฯ เพื่อทุ่นแรง
 

จุดเด่นของพระที่นั่งนี้ คือ พระราชบัลลังก์ปิดทองบนแท่นลายมังกร หน้าฉากแกะสลักไม้อย่างประณีต ท่ามกลางเสาไม้สูงใหญ่ทาสีแดงชาดมีลายมังกรพันอยู่โดยรอบ พระราชบัลลังก์นี้ใหญ่โตมากใครมาเห็นมังกรที่นี้ จะเข้าใจความยิ่งใหญ่ของมังกรคตินิยมที่มีมานานนักหนา แล้วจะจัดทำเลมังกรให้ใครได้บ้าง ต้องมีดวงมีวาสนา มีความเพียรพยายาม มีความอดทน ถึงจะมีพลังปราณที่จะรับถึงความยิ่งใหญ่ของทำเลมังกร

พระราชบัลลังก์องค์นี้ เป็นสถานที่ออกท้องพระโรงเพื่อประกอบพระราชพิธีสำคัญ ๆ เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก หรือเฉลิมพระชนมพรรษา
 

พระที่นั่งองค์ต่อไปหรือพระที่นั่งองค์กลางเป็นพระที่นั่งองค์เล็กรูปสี่ เหลี่ยมจัตุรัส หลังคามีชั้นเดียวใช้สำหรับเป็นที่ประทับพักผ่อนพระอิริยาบถก่อนเสด็จไปทรง ประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ ณ พระที่นั่งองค์แรก
 

พระที่นั่งองค์สุดท้าย ตั้งอยู่บนฐานหินอ่อนระดับเดียวที่เชื่อมต่อเนื่องกันกับพระที่นั่งสององค์แรก
เป็นอาคารเก๋งจีนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหลังคาสองชั้นเหมือนพระที่นั่งองค์แรก แต่จะมีขนาดเล็กกว่าพระที่นั่งองค์นี้ จะใช้เป็นที่พระราชทานเลี้ยงเจ้าผู้ครองแคว้นต่าง ๆ และขุนนางผู้ใหญ่ ตลอดจนเป็นที่สอบคัดเลือกข้าราชการที่เรียกว่า “สอบจอหงวนหน้าพระที่นั่ง” อีกด้วย
 

เวลาเราดูหนังจีน เห็นมีอยู่ฉากเดียว ต่อไปนี้เวลาดูหนังที่เกี่ยวกับในวังจะได้เข้าใจว่า กิจกรรมอย่างหนึ่ง ก็จะอยู่ในพระที่นั่งสามองค์นี้แหล่ะค่ะ
 

รอบพระที่นั่งประธานทั้งสามองค์นี้มีอาคารน้อยใหญ่แวดล้อมอยู่นับไม่ถ้วน และด้านหลังก็จะเป็นส่วนพระราชฐานชั้นใน ซึ่งจะมีพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของพระราชวังหลวง เป็นที่ปฏิบัติ พระกรณียกิจและที่ประทับของฮ่องเต้ พระมเหสีและสนมกำนัล และเป็นเขตต้องห้ามโดยเด็ดขาดสำหรับฝ่ายหน้าในโบราณ