บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๔๔/๑ - ม้าเฉียว
11 ส.ค. 2561

 

ระหว่างนั้น ม้าใช้ของเล่าปี่ถือหนังสือมาถึงม้าเฉียว เนื้อความว่า เล่าปี่อวยพรมาถึงม้าเฉียว โดยโจโฉเป็นอุปราชอยู่ในเมืองฮูโต๋ คิดทําการหยาบช้าต่างๆ จนพระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงพระอักษรเลือดให้ตังสินนั้น บิดาท่านกับเราก็ได้ร่วมลงชื่อ ร่วมคิดกันว่าจะทําการกําจัดโจโฉให้จงได้ บัดนี้เราได้แจ้งว่า บิดาของท่านได้ทําการเสียทีกับโจโฉจนสิ้นชีวิต ตัวท่านก็เป็นชายชาติทหาร เห็นมีใจเจ็บแค้นแทนบิดาอยู่ แม้ท่านจะยกทัพไปตีเมืองฮูโต๋แก้แค้นเมื่อใด เราจะยกทัพเมืองเกงจิ๋วไปช่วยกัน คิดอ่านกําจัดโจโฉเสียให้จงได้ จะได้ทะนุบํารุงแผ่นดินพระเจ้าเหี้ยนเต้เป็นสุขสืบไป

 

ม้าเฉียวตอบตกลงไปทันที แล้วจัดแจงกองทัพจะยกไปตีเมืองฮูโต๋ ก็พอดีมีนายทหารของหันซุยเชิญให้พบ เมื่อไปถึง หันซุยก็บอกว่า โจโฉมีหนังสือมาถึง ให้จับตัวม้าเฉียวกับม้าต้าย ส่งกลับไปที่เมืองฮูโต๋ แล้วก็จะแต่งตั้งหันซุยเป็นเจ้าเมืองเสเหลียง ม้าเฉียวรีบคํานับลงกับพื้น แล้วก็บอกว่า ท่านกับบิดาของข้าพเจ้าเป็นสหายกัน บัดนี้โจโฉได้ฆ่าบิดาของข้าพเจ้าเสียแล้ว ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ ขอท่านจงเห็นแก่บิดาของข้าพเจ้า

 

หันซุยกล่าวว่า บิดาเจ้ากับข้าก็รักใคร่กัน ซึ่งโจโฉฆ่าบิดาท่านเสียนั้น เราก็มีใจเจ็บแค้นอยู่ เจ้าจะยกไปแก้แค้นเมืองฮูโต๋เมื่อใด เราก็จะไปด้วย เป็นอันว่าม้าเฉียวกับหันซุยร่วมกันที่จะไปแก้แค้น ก็ให้เอาตัวทหารของโจโฉที่ถือหนังสือไปประหาร แล้วทั้งสองก็คุมทหาร ๒๐ หมื่น พร้อมด้วยทหารเอกอีก ๘ นาย ยกไปเมืองฮูโต๋ทันที

 

ม้าเฉียวรบเก่ง มีดาว ๕ กับ ๗ และ ๒ กับ ๘ ถึงกัน คู่สมพลคือมีสมัครพรรคพวกเยอะ เข้าร่วมกับใครก็รวมสมัครพรรคพวกเต็มไปหมด แต่อาจจะมีดาวพระเคราะห์ที่เป็นบาปเคราะห์มากุมลัคนาอยู่ด้วย แล้วโยคถึงกันด้วย ทําให้ชะตาชีวิตของม้าเฉียวเหมือนกับติดๆ ขัดๆ ไปรบ รบชนะตลอดแต่ก็ไม่ได้ดีถึงที่สุด ถึงจะเป็นหนึ่งในห้าทหารเสือ ก็ไม่รุ่งถึงที่สุด ในเรื่องของดาวบาปเคราะห์กับศุภเคราะห์ ก็ยังมีบทบาทในเรื่องของดวงชะตาที่จะส่งให้ถึงที่สุดอีกด้วย

 

ตอนนั้น ม้าเฉียวกับหันซุยยกไปถึงเมืองเตียงอัน จงฮิวเจ้าเมือง ก็มีใบบอกแจ้งให้โจโฉทราบ แล้วยกทหารออกมารับนอกเมือง จงฮิวรบกับม้าต้ายซึ่งเป็นกองหน้าได้เพียงเพลงเดียว ก็ยกทหารถอยกลับเข้าเมือง สู้ไม่ได้ แล้วจัดแจงให้ทหารรักษาอยู่ที่เชิงเทินไว้อย่างเข้มแข็ง ม้าเฉียวกับหันซุยก็ยกทหารมาล้อมเมืองไว้ รอถึง ๑๐ วันไม่มีใครออกมาสู้รบด้วย แต่ก็ตีหักเมืองไม่ได้เช่นกัน

 

โจโฉมีดาวศุภเคราะห์ ๑ ๔ ๖ อยู่ในดวง รบที่ไหนก็แพ้ทุกครั้ง ขณะที่ม้าเฉียวรบเก่ง นิสัยก็ดีไม่เหมือนลิโป้ ไม่หุนหันพลันแล่นเหมือนจิวยี่ ตอนนั้นบังเต็กทหารเอกและเป็นที่ปรึกษาของม้าเฉียว ก็ออกอุบายให้ม้าเฉียวสั่งทหารที่ล้อมเมืองให้ถอยออกไปซุ่มอยู่ใกลเมือง พวกทหารและราษฎรที่เมืองเตียงอันกำลังขาดแคลนอาหารรวมทั้งน้ําและฟืนด้วย พื้นที่เมืองเตียงอันนั้นเป็นดินแล้ง ถึงจะขุดบ่อให้ลึกเท่าไรก็ไม่ได้น้ํา ครั้นเห็นกองทัพของม้าเฉียวถอยไปก็ดีใจ เปิดประตูเมืองพากันออกมาหาเสบียง ในการรบต้องสังเกตด้วยว่าดินนั้นเป็นอย่างไร การวางอุบาย ต้องมองทําเลประกอบด้วย พวกชาวเมือง ทหาร ก็เปิดประตูเมืองออกมาตัดฟืนตักน้ําไปใช้เป็นการใหญ่

 

บังเต็กกับทหารคนสนิทก็ปลอมตัวเป็นชาวเมือง แล้วเข้าไปในเมืองพร้อมชาวเมืองด้วย คราวนี้ม้าเฉียวก็กลับเข้ามาล้อมเมืองเอาไว้อีก จงฮิวก็สั่งให้รักษาเชิงเทินและปิดประตูเมืองไว้อย่างเดิม พอถึงยามสาม (๑ ยามมีชั่วโมงครึ่ง นับจาก ๖ โมงเย็นเป็นต้นไป ยามสามประมาณ ๔ – ๕ ทุ่ม) บังเต็กก็จุดเพลิงทางด้านทิศตะวันตก น้องชายจงฮิวที่คุมประตูด้านนั้นก็พาทหารมาช่วยกันดับเพลิง บังเต็กควบม้าไปสกัดหน้าแล้วฟันตกม้าตาย ทหารทั้งหลายก็พากันหนีไปหมด บังเต็กฟันกุญแจประตูเปิดรับม้าเฉียวและทหารเข้าไปในเมือง จงฮิวพาทหารหนีไปที่ตรงด่านตงก๋วน ม้าเฉียวกับหันชุยก็ยกทัพตามไปอีก

 

ฝ่ายโจโฉรู้ข่าว ก็ให้โจหองทหารเอกซึ่งเป็นญาติผู้น้อง คุมทหารหมื่นหนึ่งมาช่วยจงฮิวรักษาด่านตงก๋วนไว้อย่าให้เป็นอันตราย ภายใน ๑๐ วัน โจโฉจะยกทัพใหญ่ตามมา ม้าเฉียวกับหันซุยยกทัพมาถึงด่านตงก๋วนก็ล้อมไว้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดออกมารบเช่นเดิม ม้าเฉียวให้ทหารไปร้องด่าโจโฉทุกวันด้วยถ้อยคําหยาบช้า ลําเลิกไปถึง ๓ ชั่วโครต โจหองทนฟังถึง ๙ วัน เกิดโทสะ เอาทหารสามพันเปิดประตูด่านออกมา ก็เจอกับม้าเฉียวที่คอยรับมืออยู่ แม้ว่าซิหลงกับจงฮิวจะออกมาช่วยก็ไม่ทันการ ม้าต้ายยกทหารมาดักด้านข้าง บังเต็กยกสกัดหลัง โจหองเห็นเหลือกําลังทิ้งด่านตงก๋วนหนีไป จนเจอกองทัพใหญ่ของโจโฉที่ยกตามมา จึงกลับมาล้อมด่านตงก๋วนที่ม้าเฉียวกับหันซุยยึดไว้ กลยุทธด่ามีตลอดสามก๊ก แสดงว่าคนเรามีจุดอ่อนเหมือนกัน