บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๖๓/๒ - หมอฮัวโต๋
21 ม.ค. 2562

 

ขณะนั้นกวนอูนั่งเล่นหมากรุกอยู่ แม้จะปวดแขนสักเพียงใด ก็แกล้งทําเป็นไม่ใยดี  หวังจะให้ทหารทั้งปวงมีกําลังใจที่จะสู้กับข้าศึก พอแลเห็นหมอฮัวโต๋ กวนอูก็ดีใจ เชิญให้นั่งในที่มีเกียรติ เชิญให้ดื่มน้ําชา แล้วจึงให้หมอฮัวโต๋ตรวจโดยละเอียด ก็บอกว่า ยาพิษบนหัวลูกเกาทัณฑ์เป็นยาพิษร้ายแรง เรียกว่าหัวดํา กําลังซึมลึกเข้าถึงกระดูก ถ้ารักษาไม่ดีแขนนี้ต้องพิการไปตลอดชีวิต

 

กวนอูถามว่าท่านจะรักษาได้หรือไม่ หมอฮัวโต๋บอกว่าได้ แต่เกรงว่าท่านจะทนไม่ไหว กวนอูก็หัวเราะแล้วตอบว่า ความตายข้าพเจ้ายังไม่กลัว จะมากลัวท่านรักษาแขนมีหรือ ข้าพเจ้าเห็นว่าความตายก็คือการกลับบ้านเก่าเท่านั้นเอง หมอฮัวโต๋ก็บอกว่าข้าพเจ้าจําเป็นต้องสวมปลอกรัดแขนท่านไว้กับเสา แล้วใช้ผ้าปิดตาท่านไม่ให้เห็นข้าพเจ้าทําการ ข้าพเจ้าต้องผ่าเอาเนื้อร้ายออก แล้วขูดกระดูกมิให้ยาพิษหลงเหลืออยู่ เสร็จแล้วจึงจะเย็บแผลแต่งแผล แล้วรักษาแผลให้ท่านจนหาย

 

กวนอูหัวเราะแล้วบอกว่า ข้าพเจ้ายอมให้ท่านทําให้ทุกอย่าง แต่ไม่ต้องปิดตาสวมปลอกรัดแขน กวนอูเลี้ยงดูหมอฮัวโต๋อย่างอิ่มหนําสําราญ แล้วเรียกสุรามาดื่มมึนๆ ก็ยื่นแขนขวาออกไปให้หมอฮัวโต๋ผ่า ส่วนมือซ้ายก็เล่นหมากรุกต่อไป

 

หมอฮัวโต๋เตรียมมีดและอ่างน้ํา แล้วจึงร้องห้ามว่าท่านอย่าเพิ่งเล่นเลย ข้าพเจ้าจะลงมือผ่าตัดแล้ว กวนอูบอกว่าท่านจะทําอะไรก็ทําไป ข้าพเจ้ายอมให้ท่านทําตามสบาย ไม่ต้องกลัวข้าพเจ้าเจ็บ หมอฮัวโต๋จึงลงมือผ่าตัด กรีดเนื้อแหวะไปถึงกระดูก เห็นกระดูกซาบยาพิษสีซีด จึงขูดยาพิษออกจนเกลี้ยง บรรดานายทหารที่นั่งล้อมกวนอูก็ทําหน้าเสียวไส้ ส่วนกวนอูนั่งเล่นหมากรุกเฉยอยู่ นานๆ ก็ดื่มเหล้าเสียจอกหนึ่ง ไม่แสดงกิริยาเจ็บปวดเลย เมื่อหมอฮัวโต๋เย็บแผลเสร็จแล้ว กวนอูก็ลุกขึ้นยืน ยึดแขนไปมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แล้วบอกว่าแขนนี้ใช้การได้ ไม่เจ็บปวดอีกแล้ว

 

ดาว ๗ ดาวแห่งความอดทน ดาว ๖ เป็นดาวแห่งสมาธิ

 

กวนอูก็สรรเสริญหมอฮัวโต๋ว่าเป็นหมอเทวดา หมอฮัวโต๋ก็สรรเสริญกวนอูว่า ข้าพเจ้ารักษาคนเจ็บมามากมายนับไม่ถ้วน ยังไม่เคยเห็นใครอดทนเหมือนกับท่านสักคนเดียว ท่านนี้เป็นเทวดามาเกิดโดยแท้ กวนอูก็จัดโต๊ะเลี้ยงอาหารเป็นเกียรติแก่หมอฮัวโต๋อย่างสูง แล้วมอบเงิน ๑๐๐ ตําลึงเป็นรางวัล หมอฮัวโต๋ไม่รับ บอกว่าข้าพเจ้าตั้งใจมารักษาพยาบาลให้ท่านเอง ด้วยความเสื่อมใสศรัทธาในคุณธรรมความดีของท่าน ไม่ใช่ปรารถนาต้องการรางวัลใดๆ ก็หาไม่ กวนอูก็เสนอให้ตําแหน่งราชการในเมืองเกงจิ๋ว หมอฮัวโต๋ก็ไม่รับ ขอทําหน้าที่เป็นหมอประชาชนรักษาคนทั่วไปจนตลอดชีวิต แล้วหมอฮัวโต๋เตือนกวนอูว่า ในระหว่าง ๑๐๐ วันนี้ จะต้องสงบสติอารมณ์ ทําใจให้สบาย อย่าโกรธ ยาพิษจะไม่กําเริบ พ้น๑๐๐ วันไปแล้วอาการของท่านจะเป็นปกติทุกประการ จากนั้นก็ลากวนอูเดินทางไปที่อื่นต่อ

 

ครั้งโจโฉป่วยเป็นโรคเส้นประสาท เห็นปีศาจมาหลอกหลอน ตอนนั้นกวนอูตายแล้ว เห็นผีกวนอูทุกวัน ไม่เป็นอันกินอันนอน ทราบว่าหมอฮัวโต๋มารักษาประชาชนอยู่ที่เมืองกิมเสีย ก็ให้ทหารไปเชิญตัวมารักษา

 

หมอฮัวโต๋ตรวจอาการของโจโฉอย่างละเอียด ก็บอกว่าอาการของท่านเกิดจากเส้นประสาทในสมองพิการ ลําพังกินยาอย่างเดียว ไม่สามารถรักษาให้หายได้ เพราะอาการหนัก เหลืออย่างเดียวคือการผ่าตัด โจโฉถามว่าจะผ่าตัดอย่างไร หมอฮัวโต๋บอกว่า จะให้รับประทานยาที่ประกอบด้วยกัญชา เมื่อเมาได้ที่แล้วก็ผ่าศีรษะด้วยขวาน ขูดโรคร้าย แล้วจึงเย็บแผลแต่งแผลให้เรียบร้อย อาการป่วยก็จะหาย

 

โจโฉโกรธตวาดว่า ไปรับสินบนใครมาฆ่ากู หมอฮัวโต๋แปลกใจจึงว่า กวนอูถูกเกาทัณฑ์อาบยาพิษที่ไหล่ พิษกําชาบถึงกระดูก ข้าพเจ้าทําการผ่าตัด กวนอูก็มิได้ขัดขืนหรือติดใจสงสัยอะไรเลย โรคของท่านเพียงเท่านี้ ไฉนจึงคิดว่าข้าพเจ้าจะฆ่าท่านเสียล่ะ โจโฉได้ยินชื่อกวนอู ได้เห็นผีกวนอูทุกคืนก็โกรธใหญ่ ร้องตวาดว่า อันเจ็บที่ไหล่นั้น หากจะผ่าก็สมควรแก่โรค แต่เจ็บที่หัว จะมาผ่าหัวเราด้วยขวานได้อย่างไร คงรับสินบนอ้ายกวนอูมาฆ่าเราเป็นแน่

 

โจโฉสั่งให้บูซูจับตัวหมอฮัวโต๋ไปขังคุก ให้เฆี่ยนตีทรมานถามความจริงว่า รับสินบนใครมา กาเซี่ยงที่ปรึกษาห้ามไว้ว่า อย่าทําร้ายหมอฮัวโต๋เลย คนดีอย่างนี้คงไม่รับสินบนใครเพื่อทําลายวิชาชีพตน ความรู้ความชํานาญของหมอฮัวโต๋ไม่มีผู้ใดเสมอ เป็นที่เชื่อถือของประชาชนทั่วไปในทุกประเทศ ควรเทิดทูนไว้ดีกว่า โจโฉไม่ฟังเสียง บอกว่ามันมีแผนฆ่าข้าพเจ้าเป็น แน่อย่าขัดขวางเลย อ้ายหมอนี่เหมือนหมอเกียดเป๋งที่คบคิดกับอ้ายตังสินจะวางยาพิษกับข้าพเจ้าเมื่อคราวที่แล้ว

 

เมื่อหมอฮัวโต๋ถูกเฆี่ยนตี ถูกทรมานต่างๆ นานา ก็คงยืนคําว่าไม่ได้รับสินบนจากใครมา แล้วว่าโรคของโจโฉถ้าไม่ได้ผ่าตัดก็ไม่มีทางหาย โจโฉเมื่อไม่ได้รับคําสารภาพตามที่ต้องการก็ให้ขังไว้อย่างนั้น ที่นี้ หงออาย ผู้เป็นนายพัศดีสงสาร ก็เลยคอยดูแลส่งเหล้าส่งข้าวปลาทุกเวลาไม่ได้ขาด หมอฮัวโต๋สํานึกในบุญคุณ วันหนึ่งก็เขียนจดหมายถึงหงออายว่า ข้าพเจ้าคงตายในไม่ช้า ไม่มีสิ่งใดตอบแทนคุณนอกจากวิชาแพทย์ ให้เอาจดหมายนี้ไปให้ภรรยาของข้าพเจ้า แล้วขอรับเอาตํารับตําราเหล่านั้นมา ข้าพเจ้าจะถ่ายทอดวิชาความรู้ให้

 

หงออายดีใจที่จะได้เป็นหมอ จะได้เลิกอาชีพพัศดีเสียที จึงถือจดหมายไปรับตํารับตําราแพทย์มาจากบ้านของหมอ พอมาถึงบ้านตนเอง หงออายก็เอาตํารามาซ่อนไว้ที่บ้าน ศึกษาวิชาทุกวัน ต่อมาหมอฮัวโต๋ถึงแก่กรรม หงออายก็ซื้อโลงมาใส่อาจารย์ ประกอบพิธี แล้วก็ไปฝังไว้ แล้วก็ลาออกจากตําแหน่งพัศดีกลับมาบ้าน คิดศึกษาหาความรู้จากตําราของอาจารย์ให้แตกฉาน ปรากฏว่าภรรยาของหงออายเผาทิ้งจนหมด เพราะเห็นว่า ถ้าหงออายศึกษาตํารานี้ต่อไป อาจตายเหมือนหมอฮัวโต๋

 

หงออายกลับมาถึงบ้าน เห็นตําราอยู่ในกองเพลิงก็รีบคว้าออกมา ที่เหลือรอดคือตําราตอนเป็ดตอนไก่เท่านั้น ตำราแพทย์ที่เหลือเป็นอันว่าสูญไปกองเพลิง ฝ่ายโจโฉเมื่อไม่ยอมให้หมอฮัวโต๋ผ่าตัดศีรษะ ไม่ช้าก็ถึงแก่ความตาย