บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๓๖/๑ - การชิงไหวพริบจิวยี่กับขงเบ้ง
12 เม.ย. 2561

 

ถ้าดาวอาทิตย์ พุธ เสาร์เสียพร้อมๆ กันทั้ง ๓ ดวง  ดาว ๑ คือดาวพิษครุฑ  ดาว ๔ คือพิษสุนัข  ดาว ๗ คือพิษนาค  ๓ พิษนี้ทำให้เกิดสภาพมลภาวะไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง เป็นหย่อมๆ ไป  ดาว ๑ คือเรื่องของเด็ก ดาวอาทิตย์เข้าเรือนราศีกุมภ์  ก็มีเรื่องราวของเด็กๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง  ต้องระวังครัวเรือนของเรา แก๊สรั่วอะไรต่างๆ ก็ต้องคอยดู  เรื่องไฟต่างๆ ก็เช็คระบบสายไฟให้ดี 

 

สามก๊กตอนนี้ เป็นเรื่องชิงไหวพริบระหว่างจิวยี่กับขงเบ้ง มีโลซกเป็นตัวกลางคอยวิ่งไปวิ่งมา จนกระทั่งโลซกต้องเตือนจิวยี่ว่า เวลานี้เป็นเวลาสำหรับใช้คนปฏิบัติการรบเพื่อเอาชนะโจโฉ ให้คิดถึงเรื่องของประเทศชาติเสียก่อน เมื่อโจโฉพ่ายแพ้ไปแล้ว จะคิดทำอะไรกับขงเบ้งก็ไม่ค้าน   จิวยี่ ความที่อาทิตย์โดดเด่นตั้งแต่วัยเด็ก เรียกว่าลบเหลี่ยมลูบคมไม่ได้  ก็ตกหลุมของขงเบ้งไปรอบหนึ่งแล้ว ดาวอาทิตย์โดดเด่นเกินไป  ดาวจันทร์ก็โดดเด่น หน้าตาก็ดีจนเรียกกันว่า สิงห์หน้าหยก  ศรีภรรยาฮูหยินก็แสนจะงดงาม จนกระทั่งโจโฉละเมอเพ้อฝัน อยากได้มาครอง  พฤหัสก็เด่นทำให้เป็นใหญ่กว่าคนทั้งปวงตั้งแต่อายุยังน้อย  ก็เกิดความลำพองใจ พอเห็นใครมาเก่งกว่าก็ยอมยาก คือทิฐิสูง  นี่คือคนที่มีดาว ๓ เทพโดดเด่นจนเกินไป ใช่ว่าจะเป็นข้อดี 

 

ฝ่ายเล่าปี่ทราบข่าวกองทัพเรือกังตั๋งยกมาถึงก็ส่งกำลังไปตั้งมั่นที่แฮเค้า  แล้วให้บิต๊กไปส่งข่าวขงเบ้ง บิต๊กไปพบจิวยี่แล้วขอตัวขงเบ้งคืนไปกังแฮ จิวยี่ก็ไม่ยอม  บอกว่าเรากำลังวางแผนรบกัน จะไปไหนยังไม่ได้ ให้เล่าปี่มาหามาปรึกษากันดีกว่า  บิต๊กก็รับคำ  โลซกก็ระแวงจิวยี่ให้ไปตามเล่าปี่มา มีกลอุบายด้วยหรือเปล่า จิวยี่ก็บอกว่า คนอย่างเล่าปี่มีอันตรายแก่เราในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน  ต้องกำจัดเสียตั้งแต่เสียเดี๋ยวนี้จะได้ไม่เสียกำลังมาก  อันนี้เป็นความจงรักภักดีของจิวยี่ที่มีต่อกังตั๋งต่อซุนกวน  ใครที่มาเป็นอันตรายอย่างไรก็ต้องกำจัดเสียก่อน โลซกก็บอกว่าอย่าเพิ่งทำเลย เพราะว่าถ้าหากเราทำตอนนี้จะเสียการใหญ่ แต่ว่าจิวยี่ก็ไม่ยอม สั่งให้จัดทหารฝีมือดีประมาณ ๕๐ คนซ่อนอยู่ในฉาก  ก็สั่งว่าเมื่อเล่าปี่มากินโต๊ะกับเรา  เราทิ้งจอกสุราลงเมื่อไร ให้ออกมารุมจับเล่าปี่ฆ่าเสีย 

 

ฝ่ายเล่าปี่ก็พาซื่อ ดาว ๑ ๔ ๖ ท่าทางจะอยู่ในราศีชั้นที่ ๓ จะต้องเป็นคนที่ซื่อ เชื่อคนก็ง่าย  พอทราบว่าจิวยี่เชิญไปพบก็รีบลงเรือรีบมา กวนอูก็ไม่ไว้วางใจ ฉวยกระบี่ตามไปกับทหาร ๒๐ คน ลงเรือลำเดียวกัน พอไปถึงค่ายของจิวยี่  เล่าปี่เห็นกำลังพลกังตั๋งมากมายก็มีความยินดี แทนที่จะนึกหวาดระแวง คิดว่ามีกำลังทหารสู้กับโจโฉได้แน่  คิดในแง่ดีไว้ก่อน  ทหารเข้าไปรายงานจิวยี่ว่าเล่าปี่มาถึงแล้ว ประโยคแรกที่จิวยี่ถามทหารก็คือ มากันกี่ลำเรือ  ทหารตอบว่าลำเดียว ๒๐ คน จิวยี่ก็ดีใจ  มันชะตาขาดแล้ว  จิวยี่คิดว่าอะไรก็ตามที่จะเป็นอันตรายต่อแคว้นกังตั๋งก็ต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม  ถ้าจิวยี่ทำงานสำเร็จในครั้งนั้น สามก๊กก็ไม่เกิด  กังตั๋งก็อาจจะรบกับโจโฉ ก็ไม่สามารถจะทำนายได้ว่าใครจะชนะ จะพูดไปแล้วจิวยี่คิดถูก  แต่ความคิดของจิวยี่นี่ขาดการสนับสนุน เพราะว่า คิดว่าตัวเองมีข้อมูลพร้อมอยู่แล้วไม่เชื่อใคร  ใครจะพูดอะไรไม่รู้  คิดว่าตัวเองมีทั้งสติปัญญา ความสามารถ  เป็นนักรบ  เพราะฉนั้นเหมือนทำงานคนเดียว  ใครก็ตามที่คิดว่าตัวเองเก่งและทำงานคนเดียวโดยไม่ประสานสัมพันธ์กับผู้ใดเลย  ก็จะไม่เกิดผล  เหมือนกับคนที่มีดาวดวงเดียว โดดเด่นเป็นดาวประจำตัว พอดาวดวงนั้นตก ไม่มีดาวดวงอื่นมาช่วยเลย คนเราถ้าจะดวงดีนั้น หมายความว่าจะต้องดีทั้งดวง  ไม่ใช่ดีเป็นดวงๆ ไป 

 

จิวยี่ก็ออกมารับเล่าปี่พาเข้าไปในค่ายแม่ทัพ เชิญให้นั่งในที่สูงเหนือกว่าจิวยี่เป็นการให้เกียรติ ซึ่งเล่าปี่ก็อ่อนน้อมถ่อมตนแล้วก็บอกว่า ท่านแม่ทัพเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ มีชื่อเสียงกึกก้องทั่วประเทศ ข้าพเจ้ายังด้อยนัก  โปรดอย่าให้เกียรติข้าพเจ้าจนเกินศักดิ์เลย  จิวยี่มีความพอใจ  จิวยี่จะพอใจทุกครั้งที่มีคนอ่อนน้อมเข้าไปหา  (เดชดาวอาทิตย์)  จึงสนทนาเป็นกันเองต่อเล่าปี่ แล้วให้แต่งโต๊ะเลี้ยงต้อนรับ 

 

ฝ่ายขงเบ้งทราบว่าจิวยี่เชิญเล่าปี่มาพบก็ตกใจ รีบเดินทางไปที่ค่ายแม่ทัพแล้วแอบดูเข้าไปข้างใน เห็นจิวยี่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดจะกินเลือดกินเนื้ออยู่แล้ว แอบเห็นทหารซุ่มอยู่ในฉากก็ยิ่งตกใจ   พอเห็นกวนอูถือกระบี่ทำหน้าที่องครักษ์อยู่เบื้องหลังก็ค่อยสบายใจ   ถอยออกมาดูเหตุการณ์ที่ริมฝั่งแม่น้ำ 

 

ฝ่ายจิวยี่เลี้ยงสุราเล่าปี่จนมึนเมา  พอคิดจะทิ้งจอกสุราเป็นสัญญาน เห็นกวนอูจ้องถมึงอยู่อย่างน่าเกรงขาม นึกครั่นคร้าม  จึงถามเล่าปี่ว่า นายทหารองครักษ์คนนี้คือใคร  เล่าปี่ตอบว่า กวนอูน้องข้าพเจ้าเอง จิวยี่ถามอีกว่า คนนี้ใช่ไหมที่ฆ่างันเหลียงกับบุนทิว ทหารเอกของอ้วยเสี้ยว  เล่าปี่ก็ตอบว่าใช่  จิวยี่ตกใจจนเหงื่อกาฬไหลโซมกาย แล้วรินสุราส่งให้กวนอูจอกหนึ่ง   พอดีโลซกเข้ามา  เล่าปี่จึงถามโลซกว่า ขงเบ้งอยู่ไหน กรุณานำมาพบข้าพเจ้าหน่อยได้ไหม  จิวยี่ขัดจังหวะว่ารอไว้ให้ชนะโจโฉเสียก่อนคงจะได้พบกันเอง  เล่าปี่มีความเกรงใจก็ไม่ได้พูดว่าอะไร พอเห็นกวนอูขยิบหูขยิบตา  เล่าปี่ก็ลุกขึ้นลากลับ จิวยี่ก็ตามมาส่งถึงประตูค่าย 

 

พอเล่าปี่มาถึงเรือ เห็นขงเบ้งนั่งคอยอยู่ก่อนก็ดีใจรีบเข้าไปคุยกัน  ขงเบ้งก็บอกว่า ท่านไม่รู้หรอกหรือว่า วันนี้อันตรายใหญ่หลวงหวุดหวิดจะมาถึงตัวท่าน  เล่าปี่ยังไม่รู้อีก ตกใจถามอันตรายอะไรข้าพเจ้าไม่รู้เรื่องเลย  ใครมี ๑ ๔ ๖  อยู่ในราศีชั้นที่ ๓  ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร  ขงเบ้งเผยว่าจิวยี่เตรียมการจับท่านฆ่าเสีย เคราะห์ดีกวนอูมาด้วย หาไม่ท่านคงตายไปแล้ว  เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจและเสียใจ  ชวนขงเบ้งกลับด้วย  ขงเบ้งก็ตอบว่าข้าพเจ้าปลอดภัยดี ถึงจะยืนอยู่ในปากเสือ  ข้าพเจ้าก็ยืนหยัดอยู่อย่างภูเขาไท่ซาน  ข้อหนึ่ง ข้าพเจ้าใคร่จะขอร้องท่าน ในเดือนอ้าย แรม 5 ค่ำ ท่านจงให้จูล่งเอาเรือลำเล็กๆ มาคอยรับเข้าพเจ้าที่ฝั่งใต้  ขอให้มาให้ได้ทีเดียว  เล่าปี่ก็ถามอาจารย์มีแผนอะไรหรือ  ขงเบ้งก็ตอบว่า ท่านคอยดูเอาเถิด วันนั้นจะมีลมสลาตันพัดจัด  ข้าพเจ้าจะกลับมาหาท่านในวันนั้น 

 

กวนอู, เล่าปี่