- ฮวงจุ้ยพื้นฐาน
- รูปภาพและความหมาย
- ฮวงจุ้ยสำนักงาน
- ฮวงจุ้ยที่ดิน
- ฮวงจุ้ยร้านค้า
- ฮวงจุ้ยบ้านเรือนที่อยู่อาศัย
- ข้อห้ามเกี่ยวกับการเลือกที่อยู่อาศัย
- ทำเลเสียดูอย่างไร
- ดาว ๙ ยุคคืออะไร
- ดวงจีน
- การดูลักษณะภูเขา
- กรณีศึกษาฮวงจุ้ย
- ประสบการณ์การดูทำเลของอาจารย์แอน
- คำคม..ข้อคิด
- เกร็ดความรู้จากพุทธศาสนา
- เกร็ดความรู้ที่ได้จากวรรณคดี
- บทความพิเศษ
19 ส.ค. 2561
วันหนึ่ง จิวเสี้ยน คนสนิทของซุนกวน ถือหนังสือมาให้ซุนฮูหยินที่เมืองเกงจิ๋ว ในหนังสือมีเนื้อความว่า บัดนี้ มารดาป่วยและระลึกถึงอยู่ จะขอให้เห็นหน้าสักครั้งหนึ่ง ให้รีบมาทั้งกลางวันและกลางคืนอย่าช้าได้ แล้วให้พาบุตรเล่าปี่มายังเมืองเราด้วย
ซุนฮูหยินสำคัญว่าจริงก็มีความเศร้า ถามว่ามารดาป่วยเป็นประการใด จิวเสี้ยนว่า มารดาท่านป่วยหนัก แม้นมิได้เห็นหน้าท่านก็จะตายเสีย และสั่งมาว่า ขอเห็นหน้าอาเต๊าหลานชายด้วย ซุนฮูหยินบอกว่า บัดนี้เล่าปี่ก็ไม่ได้อยู่ในเมือง จะไปนั้นจําจะต้องบอกขงเบ้งให้รู้เสียก่อน จิวเสี้ยนก็ห้ามว่า มารดาท่านป่วยหนัก จะรีบไปให้เห็นใจ ถ้าบอกแก่ขงเบ้งก่อน ถ้าขงเบ้งจะบอกไปถึงเล่าปี่ เล่าปี่ก็ไปทางไกล กว่าหนังสือจะไป กว่าจะตอบกัน จะไม่ทันเห็นใจมารดา
ซุนฮูหยินมีความรักมารดา ดั่งหนึ่งเพลิงสุมอยู่ในหัวใจ จะทําอย่างไรดีแม่ก็ป่วย ในที่สุดก็ตัดสินใจรีบจัดแจงแต่งตัว ให้สาวใช้สนิท ๓๐ คนที่ตามด้วยกันจากเมืองกังตั๋ง แต่งตัวรัดกุมถืออาวุธครบมือ อุ้มอาเต๊าขึ้นรถขับไปยังเรือของจิวเสี้ยนที่จอดรออยู่ที่ท่าเรือ พอดีจูล่งรู้ข่าวว่าซุนฮูหยินจะไปกังตั๋ง ก็คุมทหาร ๔ คนตามมาทันที่ท่าเรือ เห็นกําลังถอดสมอเรือ ก็ร้องเรียกไว้ว่าอย่าเพิ่งถอยเรือไป หยุดอยู่ก่อน เราจะพูดกับซุนฮูหยินสักสองคํา เตียนเสี้ยนไม่รู้จักจูล่งก็ตวาดว่า ผู้ใดบังอาจมาห้ามนายไว้ ไม่ได้ยําเกรง ก็เตรียมรบ จูล่งขับม้าตามมาตะโกนว่า ท่านจะไปก็ไปเถิด ข้าพเจ้าจะขอเจรจาคํานับสักหน่อยก่อน จิวเสี้ยนไม่สนใจ เร่งทหารให้แจวเรือรีบไป
จูล่งตามมาประมาณร้อยเส้น เห็นเรือหาปลาลําหนึ่งจอดอยู่ที่ริมตลิ่ง จึงลงจากหลังม้าพาทหาร ๔ คนลงเรือแจวตามเรือจิวเสี้ยนไป ตนเองก็ถือทวนเอื้อง่าอยู่หัวเรือ ทหารของจิวเสี้ยนยิงเกาทัณฑ์มา จูล่งเอาทวนปัดไปหมด ไม่ถูกตัว พอเทียบเรือจิวเสี้ยน ก็ชักกระบี่ฟาดฟันกับทหารบนเรือใหญ่ ให้ทหารของตนขึ้นเรือได้หมด ทหารของจิวเสี้ยนกลัวฝีมือก็ถอยไป
จูล่งเข้าไปในห้องเรือ เห็นซุนฮูหยินอุ้มอาเต๊านั่งอยู่ ก็เอากระบี่สอดเข้าฝักแล้วคํานับ กล่าวว่า ท่านจะไปไหน เหตุใดไม่แจ้งให้ขงเบ้งรู้ก่อน ซุนฮูหยินบอกว่า มารดาเราป่วยหนักจะรีบไป ไม่ทันไปบอกกับขงเบ้ง จูล่งก็บอกว่า ท่านในเยี่ยมมารดาก็ชอบแล้ว เหตุใดจึงเอาอาเต๊าไปด้วยเล่า ซุนฮูหยินบอกว่า อาเต๊าเป็นบุตรของเล่าปี่ ก็เป็นเหมือนบุตรของเราด้วย ตัวจะไปแล้วทิ้งลูกไว้กับเมือง เมื่อเล่าปี่รู้เข้า ก็จะน้อยใจว่าเราไม่รักลูก ประการหนึ่ง จะไว้ใจกับผู้ใดมิได้ เจ็บไข้ผู้ใดจะรักษาพยาบาล เราจึงพามาด้วย อันนี้เป็นความบริสุทธิ์ใจของซุนฮูหยิน
จูล่งบอกว่า เล่าปี่เจ้านายข้าพเจ้ามีบุตรผู้เดียวที่เป็นสายโลหิตในอก รักดั่งดวงใจ เมื่อครั้งทุ่งเตียนปันโบ๋ ข้าพเจ้าอุตส่าห์ตีฝ่าทหาร ๑๐๐ หมื่นเข้าไป ไม่ได้คิดแก่ชีวิต เพื่อประสงค์แก่อาเต๊า แก้วตาของเล่าปี่ ปิ่มตัวจะตายท่ามกลางทหารของโจโฉ ควรหรือท่านจะพาเอาดวงใจของเล่าปี่ไปด้วย
ซุนฮูหยินฟังจูล่งก็โกรธ เป็นแค่นายทหารควรหรือมาล่วงบังคับการในเรื่องฉะนี้ โอหังหนักหนา ไสคอออกไปเสียให้พ้น ว่าแล้วก็ให้สาวใช้ฉุดจูล่งให้ออกจากห้อง จูล่งสะบัดสาวใช้ล้มกลิ้งกระเด็นไป แล้วบอกว่า ท่านขืนเอาอาเต๊าไป ถึงชีวิตข้าพเจ้าจะตายที่นี่ก็ตาม ก็ไม่ให้เอาไป พูดแล้วจูล่งก็กระโดดไปชิงอาเต๊ามาจากมือซุนฮูหยิน พาออกมายืนอยู่หัวเรือ แต่ไม่รู้จะขึ้นบกได้อย่างไร เพราะเรือที่ตนแจวมาลอยไปไกลแล้ว จะเที่ยวไล่ฆ่าทหารของจิวเสี้ยนก็เกรงใจซุนฮูหยินอีก สาวใช้ที่มีฝีมือก็พยายามเข้ามาชิงอาเต๊าคืนไป จูล่งจึงควักเอากระบี่ออกมาป้องกัน จิวเสี้ยนก็เร่งทหารแจวเรือข้ามไปฟากเมืองกังตั้ง พอดีเตียวหุยรู้เรื่องเข้าก็ลงเรือมาดักหน้าอยู่ เมื่อเรือเข้ามาใกล้เตียวหุยคว้าทวนโจนขึ้นบนเรือ จิวเสี้ยนชักกระบี่ต่อสู้กับเตียวหุย เลยถูกเตียวหุยแทงล้มลง เตียวหุยตัดศีรษะโยนเข้าไปในห้องโดนซุนฮูหยินอีก นางก็ตกใจ เหตุใดเตียวหุยจึงมาทําหยาบช้าต่อเราดั่งนี้ เตียวหุยบอกว่า ท่านเป็นพี่สะใภ้ ไม่ได้รักพี่เราโดยสุจริต มาทิ้งเสียหนีไปเมือง ไม่ได้ยำเกรงถึงเพียงนี้
ซุนฮูหยินบอกว่า ตอนนี้มารดาเราป่วย จะรีบไป ครั้นจะบอกพี่ท่านก่อนก็จะช้าอยู่ ไม่ทันจะเห็นใจ ท่านทั้งสองไม่ให้เราไป เราจะโจนน้ําตาย เตียวหุยปรึกษากับจูล่งก็เห็นใจ จึงว่าแก่นางซุนฮูหยินว่า อันเล่าปี่เป็นอาของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ซึ่งท่านได้มาอยู่กับเรา พี่เราก็กรุณาเอ็นดูด้วย ถึงแม้ว่าตัวจะไป ก็ขอให้คิดถึงความอาลัยแต่หนหลัง ได้เป็นภรรยาสามีกันตามประเพณีทั้งปวง ก็ให้เร่งกลับมา ว่าแล้วเตียวหุยก็เข้าอุ้มอาเต๊าพาจูล่งลงเรือกลับไป ซุนฮูหยินเร่งทหารสิบคนที่เหลือแจวเรือกลับไปเมืองกังตั๋ง ได้พบกับซุนกวนพี่ชาย แทนที่นางจะได้พบกับมารดาที่ป่วยหนักพอเห็นใจอย่างที่คิด มารดากลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย ซุนกวนก็ว่า บัดนี้น้องได้กลับมาแล้ว อันเล่าปี่กับเรา ถือว่าขาดจากประเพณีที่จะผูกพันกันสืบไป เราจะยกทหารไปตีเมืองเกงจิ๋วคืนมาให้จงได้
เท่ากับซุนฮูหยินเป็นเครื่องมือที่ซุนกวนใช้สําหรับต่อรองกันเล่าปี่ทางการเมืองเท่านั้น นางหมดโอกาสที่จะกลับไปหาเล่าปี่อีกตามที่เตียวหุยขอร้องไว้ แม้นไม่ได้ตั้งใจ แต่เหมือนกับได้ทรยศกับสามี ก็ไม่มีใครรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดได้ นี่คือดาว ๗ กับ ๘ บาปเคราะห์ทับดาว ๑ ถึงสองดวงด้วยกัน เมื่อซุนกวนยกกองทัพไปชิงเอาเกงจิ๋วคืนมา ก็จับกวนอูซึ่งรักษาเมืองมาประหารอีก ในภายหลังจนกระทั่งเล่าปี่ได้ครองเมืองเสฉวน ประชาชนยกขึ้นเป็นฮ่องเต้แห่งจ๊กก๊กแล้ว ก็ยกทัพมาตีกังตั๋งเพื่อแก้แค้นแทนกวนอู ซุนกวนเมื่อรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ ส่งจูกัดกิ๋นพี่ชายของขงเบ้งเป็นทูตไปเจรจา และจะยอมส่งนางซุนฮูหยินมาถวายคืนพระเจ้าเล่าปี่ เล่าปี่เองก็ไม่สนใจ กลับไล่ทูตกลับไปเสียอีก ในที่สุด ซุนกวนได้แม่ทัพที่มีสติปัญญา สามารถตีทัพของเล่าปี่แตกย่อยยับ จนเล่าปี่ตรอมใจตาย
เมื่อซุนฮูหยินทราบข่าวการตายของพระเจ้าเล่าปี่ ก็รําพึงว่า เกิดมาเป็นผู้หญิงจะต้องให้มีชายถึงสองคนไม่ควรนัก บัดนี้ผัวเราก็ตายแล้ว จะอยู่ไปก็เป็นเครื่องราคี อายแก่คนทั้งปวง คิดแล้วก็ขึ้นรถขับไปยังฝั่งแม่น้ํา โจนลงแม่น้ําตายตามสามีไป นี่คือบั้นปลายของซุนฮูหยิน เป็นชีวิตที่ตกเป็นเครื่องมือของการเมืองเหมือนกับคนอื่น แต่ว่าจะหาใครอาภัพเหมือนซุนฮูหยินไม่มีเลย เล่าปี่เป็นผู้ที่มีชื่อว่า ใจอ่อน เมตตาอารีต่อคนทั้งปวง แต่กลับไม่นึกถึงน้ําใจของซุนฮูหยินเลย
ซุนฮูหยินไม่มีดาวศุภเคราะห์ที่ให้คุณคอยช่วยเหลืออยู่ เพราะว่าอาจจะเป็นคนสวย มีความสูงศักดิ์ คือมีดาวจันทร์ที่ดี แต่ว่าดาวจันทร์คงจะอยู่ในเรือนวินาศ ดาวจันทร์ไม่ส่งผลให้มีความละเอียดรอบคอบที่จะมองการได้กว้าง เลยตกเป็นเครื่องมือ ถ้ามองได้กว้างไกลเหมือนอย่างภรรยาขงเบ้ง คงไม่พบชะตากรรมอย่างนี้ ภรรยาของขงเบ้งก็พลัดพรากจากขงเบ้งเหมือนกัน