บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๖๔ - เตียวหุย
21 ม.ค. 2562

 

เตียวหุย เป็นคนที่แม้จะไม่ได้เสพสุรา ปกติก็เป็นคนมุทะลุดุดันอยู่แล้ว แถมเป็นคนชอบดื่มสุราอีก แต่เป็นคนที่มีความจงรักภักดีต่อเล่าปี่อย่างสุดชีวิต และมีฝีมือรบพุ่งเป็นเอก เป็นที่ไว้วางใจของเล่าปี่ ลักษณะแบบนี้อยู่ภายใต้อิทธิพลของดาวราหู ดาวราหูจะให้ผลในเรื่องกินเหล้า กินเนื้อสัตว์ มุทะลุตึงตัง ส่วนโมโหง่ายคือดาวอังคาร

 

เมื่อครั้งเล่าปี่และกวนอูไปทําศึกชิงเมืองลําหยงของอ้วนสุด ตอนนั้นยังไม่ได้ตั้งเป็นสามก๊ก ทิ้งเมืองชีจิ๋วให้เตียวหุยดูแล เรื่องตอนนั้นบอกนิสัยและวงจรชีวิตเตียวหุยได้ดี  เตียวหุยกับตันเต๋งคอยดูแลเมือง เตียวหุยเกิดเปรี้ยวปากอยากกินเหล้า ก็แต่งโต๊ะแล้วเชิญขุนนางฝ่ายทหารและพลเรือนมาพร้อมกัน เตียวหุยกล่าวว่า เมื่อเล่าปี่ก่อนยกทัพไป ได้กําชับไว้ว่าอย่าเสพสุรามากนัก แต่วันนี้เราสบายใจ จึงแต่งโต๊ะเชิญท่านทั้งปวงมาร่วมเสพสุรากันเฉพาะวันนี้วันเดียว ต่อไปห้ามกินเป็นอันขาด ตั้งหน้าตั้งหน้ารักษาเมืองให้เป็นปกติจนกว่าเล่าปี่จะยกกลับมา

 

ว่าแล้วก็รินสุราคํานับให้ขุนนางทั้งปวง พอมาถึงขุนนางฝ่ายทหารคนหนึ่งชื่อ โจป้า ไม่ยอมรับจอกสุรา กล่าวว่า ข้าพเจ้าได้สาบานต่อหน้าเทพเทวดาว่า ข้าพเจ้าจะไม่กินเหล้าเป็นอันขาด เตียวหุยบอกว่า ตัวเองเป็นทหารทําไมจึงไม่เสพสุรา ให้ดื่มสักจอกหนึ่ง ถ้าไม่ดื่มเราไม่ฟัง โจป้าไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อเจ้านายให้ดื่มก็นิดหนึ่ง ยอมขัดต่อคําสาบาน จิบไปแล้วก็น่าจะเพียงพอ เตียวหุยกลับไม่พอใจให้ดื่มอีก คราวนี้โจป้าปฎิเสธ ไม่ยอมดื่มอีก เตียวหุยบอกว่า เมื่อกี้บอกว่าดื่มไม่ได้ยังดื่มเข้าไปเลย บอกดื่มไม่ได้เท่ากับแกล้งบิดพริ้ว เราไม่ฟังแล้ว เราจะให้ดื่มให้จงได้ โจป้าคราวนี้ไม่ยอม เตียวหุยโกรธ บอกว่าตัวเป็นผู้น้อยกว่าเรา ไม่เสพสุราด้วยเรานั้น เท่ากับตัวไม่ได้เกรงกลัวเรา จึงสั่งให้คนเอาโจป้าไปตี ๑๐๐ ที

 

ตอนนั้น ตันเต๋งเห็นว่าเตียวหุยชักจะวุ่นวายกันไปใหญ่ จึงเตือนสติเตียวหุยว่า เมื่อครั้งที่เล่าปี่ได้ยกกองทัพไปนั้น ได้สั่งความไว้กับท่านว่าอย่างไร เตียวหุยกลับตอบว่า เราได้แบ่งให้ท่านว่าราชการข้างพลเรือน ตัวเราบังคับบัญชาฝ่ายทหาร โจป้าเป็นทหาร ท่านอย่าได้มาก้าวล่วงเลย ตันเต่งก็เงียบ ไม่รู้จะพูดอะไร ฝ่ายทหารเขาจัดการกันเอง พลเรือนไม่เกี่ยว เท่ากับโจป้าต้องช่วยตัวเอง

 

โจป้าก็เลยอ้อนวอนเตียวหุยว่า ข้าพเจ้าขอให้ยกโทษสักครั้งหนึ่งเถิด ถึงแม่ว่าไม่เห็นแก่หน้าข้าพเจ้า ก็เห็นแก่หน้าบุตรเขยของข้าพเจ้าบ้าง เตียวหุยถามว่า ใครเป็นบุตรเขย โจป้าตอบว่าลิโป้ คําตอบของโจป้าเหมือนกับเอาน้ํามันราดลงบนกองไฟ เพราะเตียวหุยเกลียดลิโปยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เมื่อได้ฟังโจป้าพูดก็ยิ่งโกรธ ตวาดว่าเราทําครั้งนี้หวังจะล้อเล่น ตัวเอาชื่ออ้ายลิโป้มาขู่ให้เราเกรง เราหาเกรงไม่ จะตีในบัดนี้จริงๆ ให้กระทบถึงอ้ายลิโป้ผู้เป็นลูกเขย ผู้ซึ่งตัวนับถือว่าดี เตียวหุยก็เลยเร่งให้เอาตัวโจป้าไปตี ตีได้ ๕๐ ที ขุนนางทั้งปวงก็ขอไว้ เตียวหุยเลยงดไว้

 

ฝ่ายโจป้าครั้นกลับมาบ้าน ก็มีความแค้นเป็นอันมาก จึงแต่งหนังสือภายในคืนนั้น ให้ม้าเร็วถือไปให้ลิโป้ที่เมืองเสียวพ่าย เป็นใจความว่า บัดนี้ เล่าปี่ยกทัพไปตีเมืองลําหยง เตียวหุยเสพสุราเมาได้ตีเรา แล้วว่ากล่าวหยาบช้ากระทบถึงลิโปด้วย ขอให้คุมทหารมาตีเมืองชีจิ๋วในคืนนี้เห็นจะได้โดยง่าย เพราะเตียวหุยกําลังเมาสุราอยู่ ลิโป้ก็ทําตามคําแนะนําของโจป้า เพราะเสียวพ่ายกับชีจิ๋วอยู่ใกล้กันนิดเดียว เป็นอันว่าชีจิ๋วก็เสียแก่ลิโป้โดยง่าย

 

ถึงกาลที่เตียวหุยชะตาขาด ด้วยนิสัยวงจรอันนี้มิได้เลิก คือในตอนนั้น พระเจ้าเล่าปี่ได้เกณฑ์ทัพใหญ่จะไปตีกังตั๋ง เพราะเหตุว่ากวนอูถูกฆ่าตาย เสียเมืองเกงจิ๋วไปแล้วตอนนั้นกวนอูรักษาอยู่ ถูกลิบอง เตียวจี๋ นายทหารกังตั๋งจับได้ พระเจ้าซุนกวนสั่งให้ประหารชีวิต

 

ตอนนั้นเตียวหุยกลับไปที่เมืองลองจิ๋ว สั่งให้ทหารเตรียมเครื่องศาสตราวุธและผ้าขาวเครื่องนุ่งห่มขาวเพื่อไว้ทุกข์ให้กวนอู สั่งให้พร้อมภายใน ๓ วัน จัดเตรียมทหารเพื่อไปสมทบกับกองทัพพระเจ้าเล่าปี่ แต่กองทหารของเตียวหุยจัดยาก เพราะเตียวหุยไม่ได้เป็นที่รักของลูกน้อง นายทหาร ๒ คนชื่อฮอมเกียงกับเตียวตัด เข้าไปแจ้งกับเตียวหุยว่า ซึ่งท่านให้เตรียมธงขาวกับม้าขาวและเครื่องนุ่งห่มขาว ให้พร้อมใน ๓ วันนั้น มันเร็วไปเห็นทีทหารจะเตรียมไม่ทัน

 

เตียวหุยโกรธตวาดว่า เราจะยกทัพไปให้ทันกําหนด แต่ว่าการเท่านี้ มาบอกว่าไม่ทัน ถ้าไม่ทันภายในพรุ่งนี้ จะฆ่าเสียทั้ง ๒ คน ว่าแล้วก็สั่งให้เอาตัวฮอมเกียงกับเตียวตัดไปผูกกับต้นไม้ สั่งตี ๕๐ ทีอีก

 

ฮอมเกียงกับเตียงตัดได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกตีจนโลหิตไหลออกจากทางปาก ก็เกิดความแค้น ปรึกษากันว่าเตียวหุยขี้โมโห โกรธขึ้นมาแล้วเหมือนไฟไหม้ นี่ขนาดไม่ได้เสพสุรา ถ้าพรุ่งนี้การไม่พร้อม เราคงตายเป็นมั่นคง เตียวตัดก็บอกว่า อย่าเพิ่งให้มันฆ่าเราเลย เราฆ่ามันเสียก่อนดีกว่า ฮอมเกียงบอกว่า เราจนใจที่เราเข้าใกล้มันไม่ได้ ถ้าเข้าไปได้ จะฆ่ามัน ตัดเอาศีรษะไปถวายพระเจ้าซุนกวน พระเจ้าซุนกวนก็จะชุบเลี้ยงเรา เตียวตัดบอกว่า สุดแล้วแต่บุญกรรม ถ้าบุญเราไม่ถึงที่ตาย มันก็จะกินเหล้าเมา ออกมานอนที่ว่าราชการเหมือนแต่ก่อน เราก็เข้าไปฆ่าให้ตายเสียได้ แต่ถ้ากรรมของเราจะถึงที่ตาย มันคงไม่เมาเหล้า ก็จะทําไม่ได้

 

ในคืนนั้น เตียวหุยให้เดือดร้อนนอนไม่หลับ จึงออกมาคุยกับพวกทหารว่า วันนี้เรานอนไม่หลับเอาเสียเลย เดือดร้อนรําคาญหงุดหงิดไปหมด ทหารบอกว่า อาจจะมีความวิตก คิดถึงถึงกวนอู เตียวหุยก็เรียกเอาสุรามาดื่มกับทหาร เตียวหุยเสพสุราเมาหนักจนไม่รู้สึกตัว นอนอยู่ที่นั้นกับทหารทั้งปวง

 

ครั้นเวลาสองยาม ฮอมเกียงกับเตียวตัดเอากระบี่ซ่อนไว้ในเสื้อพากันเข้าไป ตกลงกันว่า ถ้าเตียวหุยนอนหลับอยู่ก็ให้ฆ่าเสียให้ตาย ครั้นเดินเข้าไป เห็นเตียวหุยนอนตาค้างอยู่เหมือนหนึ่งตาย อันนี้เป็นลักษณะของโหงวเฮ้งอย่างหนึ่งคือ นอนตาไม่ปิดสนิท ไม่ดี คือมีอุบัติเหตุ มองเห็นหนวดสั่นเพราะหายใจ คิดว่าตื่นอยู่ก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ พอได้ยินเสียงกรนจึงได้รู้ว่าหลับ คนหนึ่งเอากระบี่แทงที่ซอกคอ อีกคนหนึ่งแทงที่ท้อง เตียวหุยร้องได้คําเดียวก็ตาย ตายง่ายเหลือเกิน ทั้งที่เตียวหุยเป็นทหารที่มีความเก่งกล้าในการรบ แต่กลับมาตายด้วยฝีมือทหารที่ไม่มีชื่อ ทหารเลวก็ว่าได้ ไม่มีโอกาสแสดงศักดิ์ศรีเลย ฮอมเกียงกับเตียวตัดก็เอาศีรษะเตียวหุย พาพรรคพวกประมาณ ๓๐ คนหนีไปกังตั๋งในคืนนั้นเอง

 

เล่าปี่เสียน้องร่วมสาบานไป ๒ คน เสียแบบกวนอูยังพอว่า เสียเตียวหุยเป็นอาการที่ถ้าไม่เมาก็ไม่ตาย ถ้าไม่นอนกรนก็ไม่ตาย บางทีในวงจรชีวิตของเรา ถ้าหากว่าทําอะไรผิดพลาดไปแล้ว เวลาที่จะตาย มันจะกลับเข้าวงจรเดิม ตอนที่เตียวหุยเสียเมืองชีจิ๋วในอดีต ก็ด้วยเหตุเดียวกัน คือเฆี่ยนคนโดยไร้สาเหตุ เตียวหุยก็เอานิสัยนี้ติดตัวมาใช้อีกตามเคย โดยไม่ได้ใคร่ครวญ กลายเป็นว่าครั้งนี้ไม่ได้เสียเมือง แต่ถึงกับเสียชีวิต

 

การที่เป็นคนหุนหันพลันแล่น ขี้โกรธ ไม่ได้เป็นที่รักของลูกน้อง ไม่เป็นที่รักของใคร แล้วไปเมาในที่ว่าราชการในยามศึกสงคราม ไปนอนในที่กลางแจ้ง เป็นความประมาทอย่างมากที่เตียวหุยมี เป็นอันว่าเตียวหุยไม่ได้อยู่ในมงคล ๓๘ ประการ เสียชีวิตเพราะทหารที่ไม่มีชื่อสองคน หลังจากนั้น ทหารทั้งสองคนนี้ก็หายไปจากประวัติศสตร์ ไม่ปรากฏอีกเลย ทั้งๆ ที่สังหารคนที่มีความสําคัญ เป็นน้องร่วมสาบานกับพระเจ้าเล่าปี่และเป็นห้าทหารเสือด้วย

 

คนที่ขาดความระมัดระวัง ขาดความรอบคอบ วู่วาม ชีวิตแบบนี้ไม่มีบอกในดวง แต่มันมีตัวนํามาก่อนคือ ราหู กับความวู่วามคือดาวอังคาร ลักษณะโหงวเฮ้ง ใบหน้าของเตียวหุย หนวดหยาบ คิ้วหนา ตาพอง เป็นลักษณะของดาวราหูชัดเจน ดูแววตาดุ  ท้าตีท้าต่อย มีลัคนาราศีอยู่ในธาตุน้ํา กัดกร่อน ขี้โมโห ทุกอย่างอยู่ในตัวพร้อม



 

 

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง
  • พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๑๙/๔ - จูล่ง
  • พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๖๖/๒ - เตียวคับ
  • พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๖๒/๒ - กังตั๋งกับเสฉวนเป็นพันธมิตรกัน
  • พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๖๒/๑ - กังตั๋งกับเสฉวนเป็นพันธมิตรกัน
  • พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๖๐/๑ - เล่าปี่สิ้นบุญ
  • พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๖๐/๒ - เล่าปี่สิ้นบุญ
  • พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๕๙ - ตั้งลกซุนเป็นแม่ทัพ
  • พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๕๘/๒ - เล่าปี่ไปตีกังตั๋ง
  • พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๕๘/๑ - เล่าปี่ไปตีกังตั๋ง
  • พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๕๗/๒ - แบ่งออกเป็น ๓ ก๊ก