ฮวงจุ้ย
- ฮวงจุ้ยพื้นฐาน
- รูปภาพและความหมาย
- ฮวงจุ้ยสำนักงาน
- ฮวงจุ้ยที่ดิน
- ฮวงจุ้ยร้านค้า
- ฮวงจุ้ยบ้านเรือนที่อยู่อาศัย
- ข้อห้ามเกี่ยวกับการเลือกที่อยู่อาศัย
- ทำเลเสียดูอย่างไร
- ดาว ๙ ยุคคืออะไร
- ดวงจีน
- การดูลักษณะภูเขา
- กรณีศึกษาฮวงจุ้ย
- ประสบการณ์การดูทำเลของอาจารย์แอน
ผลงานและบทความพิเศษของอาจารย์แอน
- คำคม..ข้อคิด
- เกร็ดความรู้จากพุทธศาสนา
- เกร็ดความรู้ที่ได้จากวรรณคดี
- บทความพิเศษ
ฮวงจุ้ยพื้นฐาน
การตั้งตี่จู้ และ นางกวัก
16 ก.ย. 2560
16 ก.ย. 2560
พูดถึงการจัดทำเลธุรกิจให้สอดคล้องกับธุรกิจร้านค้า ก็จะมีคำถามว่า การวางตี่จู้นั้นจำเป็นหรือไม่
ฮวงจุ้ยที่ดีจะต้องนำหลักศีลธรรมประเพณีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จริงๆ แล้วการตั้งตี่จู้จะเป็นของทางซัวเถาที่มาสู่เมืองไทย ที่เมืองนี้ทำการเกษตรและมีการบูชาเจ้าที่ดิน ปีไหนพืชผลดี จะบูชาเจ้าที่ด้วยกระดาษเงินกระดาษทอง ยกศาลเจ้าที่ให้ดีขึ้น ต่อมามีเงินไปซื้อบ้านในเมือง ก็เอาเจ้าที่ไปอยู่ด้วย เป็นที่มาของการตั้งตี่จู้
ถ้าถามว่าต้องตั้งตี่จู้ไหม อาจารย์จะถามกลับว่า ของคุณต้องตั้งไหม ถ้าต้องตั้ง ก็จะบอกว่าตั้งอย่างไร ถ้าเกิดว่าปู่ย่าตายายนับถือมาก็ตั้ง บางคนที่ไม่จำเป็นต้องตั้ง ก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลตามแนวพระพุทธศาสนาไปเลย แต่ไม่ใช่ว่าตั้งแล้ว ก็ยกทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของตี่จู้ หมายถึงว่า จุดธูปบอกทุกวันให้วันนี้ขายดีๆ นะ พอขายไม่ดีก็กลับมาต่อว่า เราก็สงสัยว่าเราขายไม่ดี เพราะตั้งตี่จู้ไม่ดี ต้องตั้งให้ใหญ่กว่านี้หรือเปล่า
มีบ้านหลังหนึ่ง เขาเชิญให้ไปดูที่บ้าน คุณพ่อป่วย และเขาก็ทำออฟฟิตที่บ้านด้วย อาจารย์ไปถึงก็ค่ำพอดี โชคดีที่ไปตอนค่ำ เพราะเห็นบ้านหลังนี้สีแดงแต่ไกลเลย เพราะว่าเขาเปิดไฟบูชาตี่จู้ เลยกลายเป็นว่าบ้านหลังนี้คือตี่จู้ทั้งหลัง เพราะว่าเป็นสีแดงเรืองๆ ออกมาเลย เขาเจ็บไข้ได้ป่วยบ่อยมาก ทำธุรกิจก็ติดขัดตลอด ทำร้านเพชรก็ไม่ดี ทำก่อสร้างก็ไม่ดี ทำอะไรก็ไม่ดีทั้งนั้นเพราะว่าเขาอยู่ในศาล เมื่อเข้าบ้าน สิ่งที่ประทะสายตาเราก่อน ก็คือตี่จู้ขนาดมหึมาติดไฟสว่างไสวสีแดง และเขาก็จะเปิดไฟเฉพาะห้องทำงาน แบบนี้ไม่ได้ คือเราจะเอาโลกของความเป็นหยินมาใหญ่กว่าโลกที่ทำธุรกิจที่เป็นหยางไม่ได้
อีกหลังหนึ่ง ตั้งตี่จู้และตั้งหิ้งบูชาเทพด้วยด้วย พอเปิดประตูเข้าไป เอ๊ะ เรามาศาลเจ้าหรือเปล่า คือตั้งซะใหญ่อลังการทั้งบนและล่าง ข้างซ้ายขวา เดินเลี้ยวเข้าไปห้องรับแขก รูปที่โดดเด่นที่สุด คือรูปรวมญาติในวันเชงเม้ง ใส่สีขาวสวมหมวกเหมือนชุดไว้ทุกข์ ลองนึกดูว่าเรากำลังเข้าโรงเจหรือเปล่า สภาพของที่นี่เหมือนโรงเจ ก็ต้องให้ทานอย่างเดียว ออกหมดทุกอย่าง นี่คือตัวอย่าง จะถามว่าจำเป็นไหม แล้วแต่ แต่ว่าอย่าเกินความพอดี คือถ้าจะตั้ง ต้องตั้งให้ถูก ตั้งให้เหมาะสม อย่าให้หยินฆ่าหยาง เพราะคนในบ้านเป็นโรคเกี่ยวกับขาหมดเลยทุกคนเลย เพราะในร่างกายของเรา ส่วนที่เป็นหยางมากที่สุดคือขา เพราะว่ามันเคลื่อนไหวตลอด พอขาเดินไม่ได้แสดงว่าหยินฆ่าหยางแล้ว
การตั้งตี่จู้ ต้องตั้งให้ตี่จู้มองเห็นประตูบ้าน ข้างหน้าตี่จู้ควรจะโล่ง ไม่ควรตั้งของอะไรบังเกะกะ เดิมมีความเชื่อว่าตั้งอย่างนี้เจ้าที่จะได้กลับบ้านได้ ไว้ใต้บันไดไม่ได้ ข้ามไม่ได้
ส่วนปึงเถ้าเหมือนกับเจ้าที่ คนจีนก็จะนิยมสร้างใกล้ๆ ประตู หันหน้าออกเหมือนกัน ปึงเถ้าเอาไว้เหนือตี่จู้ได้ ไว้เป็นแนวเดียวกัน แต่ว่าอยู่ข้างบนได้
คนจีนอาจจะไว้ตี่จู้ แต่ว่าร้านค้าของคนไทยจะไว้นางกวัก ซึ่งนางกวักมีเรื่องราวในสมัยพระพุทธกาล เดิมนางกวักเป็นลูกสาวพราหมณ์ผู้ค้าขาย ชื่อนางสุภาวดี เป็นคนที่มีปิยะวาจา เวลาไปทำการค้ากับพ่อ ก็ช่างเจรจา วันไหนที่พานางสุภาวดีไปด้วย ของก็จะขายดี ในอดีตกาล นางสุภาวดีเป็นคนที่มากไปด้วยการให้ทานรักษาศีล ในชาติที่เป็นนางสุภาวดีก็ให้ทานรักษาศีล ใครอยากจะขายดี ก็จะเชิญนางสุภาวดีไปที่ร้านสักพัก ก็จะขายดิบขายดีอย่างนี้เป็นประจำ เมื่อนางสุภาวดีสู่สุขคติ เหล่าพ่อค้าพราหมณ์ทั้งหลาย ก็ปั้นรูปนางสุภาวดีเอาไว้ เอามือกวักเข้าร้าน
ของญี่ปุ่นก็มีแมวกวัก แมวเป็นลักษณะว่านำโชคมาสู่ แล้วแต่ประเพณีความเชื่อของแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน แต่ว่าเด็กสมัยใหม่ไม่เอานางกวักมาตั้งในร้าน แต่ไปเอาแมวญี่ปุ่นมาตั้งแทน สำหรับอาจารย์แล้ว อาจารย์ถือตามบารมีทาน เพราะนางสุภาวดีคือผู้ที่มีบารมีทาน แมวมีทานบารมีหรือเปล่า หรือเราจะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นผู้ที่มีทานบารมี ก็จะทำให้เราทำมาค้าขึ้น
จริงๆ แล้ว การทำมาค้าขึ้นนั้น มีองค์ประกอบหลายอย่างไม่ใช่ว่ามากด้วยทานอย่างเดียว ฟ้าประทาน มีดวง มีชนกกรรม เป็นผู้มากไปด้วยการให้ทาน ดินบันดาล คือทำเลที่เหมาะสม ประสานบุคคล เรามีปิยะวาจาไหม เรามีสังคหวัตถุ มีคนรักเราหรือไม่