บทความพิเศษ

 

ประวัติศาสตร์นอกตำรา ตอน ซุนปิน (ตอนที่ 1)
17 พ.ค. 2558

 

 

อาจารย์แอน, ประวัติศาสตร์, โหราศาสตร์, ajarnann, ซุนปิน

 

 

ซุนปิน ตอนที่ 1
โดย...อาจารย์ษณอนงค์ คำแสนหวี (อ.แอน)

        ซือหม่าเชียน ที่เคยเรารู้จักจากภาพยนต์เรื่อง หมอดูเทวดา สมัยฮั่นอู่ตี้ ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก มีตัวจริงในประวัติศาสตร์ เขียนถึง ซุนปิน ว่า

         "เมื่อซุนหวู่ตายไปประมาณร้อยปี นับไปได้ห้าชั่วคน ถึงซุนปิน ทายาทชั้นเหลน เกิดที่อำเภอจ้วน จังหวัดโว (ปัจจุบันคือ อำเภอ จ้วนเฉิง มณฑลซานตง) ซุนปินทำศึกมีชัยชนะต่อศัตรูคู่แค้นด้วยกลศึกที่แยบยล ต่อมาลาออกจากราชการเพื่อเขียนตำราพิชัยสงครามอันเลื่องลือว่า "ซุนปิงปิงฟะ" (“ตำรายุทธพิชัยสงครามซุนปิ้น (孙膑兵法)”) 

         ตามประวัติ ซุนปิน เป็นศิษย์สำนักหุบเขาปีศาจ ซึ่งในยุคจ้านกว๋อนั้น จัดเป็นสำนักที่มีชื่อเสียงโด่งดัง น่ากลัว โด่งดัง เพราะศิษย์สำนักนี้ได้เป็นที่ปรึกษาหรือเสนาธิการชั้นเลิศทุกคน น่ากลัว คือวิธีการฝึกศิษย์  แต่ไม่มีใครบันทึกไว้เป็นหลักฐานแน่ชัด อาจเป็นเพราะรับยาก จบยาก มีน้อย และก็เป็นที่ปรึกษากันไปหมด ที่มีชื่อในประวัติศาสตร์ ก็มี ซุนปิน กับ ผางเจวียน ที่กำลังจะแนะนำตัวรายต่อไป

         เจ้าสำนัก หรืออาจารย์เจ้าสำนัก มีเพียงฉายาที่ไม่ปรากฏนามจริงว่า "กุ่ยกู่เซียนเซิง"  สาเหตุที่เป็นซินแสที่มีฉายาว่าตามนามหุบเขาปีศาจ เพราะไม่มีใครเคยเห็นตัวเลย แม้ในหุบเขาก็คงไม่มีใครเคยเข้าไป เพราะเยือกเย็นเงียบเหงาปานนั้น สมัยก่อนกลัวภูตผีปีศาจกว่าปัจจุบันเยอะ ไม่มีแทรกเตอร์ ไม่มีเสียงอึกทึก เลยปล่อยเงียบไม่มีใครเข้าไป ความลึกลับก็เป็นที่ที่ถูกเหมาว่ามีปีศาจ 

         แท้จริงแล้ว กุ่ยกู่เซียนเซิง คือทายาทสืบทอดของซุนหวู่ เพราะไม่เคยมีประวัติว่ารับศิษย์ใดอีกนอกจากซุนปิน ถึงจะมีผางเจวียนก็ไช่ว่าจะเต็มใจรับ และวิธีการรับก็แสนจะพิศดาร คือ ต้องเด็ดใบไม้หน้าหุบเขาส่งเข้าไปก่อน โดยมีเด็กรับใช้หน้าตายเป็นผู้รับเข้า ไปให้อาจารย์ดู และสังเกตวิธีเด็ดด้วยว่า เด็ดด้านหน้าต้นไม้ หรืออ้อมหลัง เด็ดใบแก่ อ่อน เด็ดแล้วมียางหรือไม่ เด็ดแล้วลากเอาเปลือกไม้มาด้วยหรือเปล่า วิธีเด็ดเป็นอย่างไร ให้กลับมารายงานให้ละเอียด

         ครั้งนั้นซุนปิน หนุ่มน้อย อยากเป็นศิษย์ ทั้งที่รู้ข่าวว่าไม่มีใครผ่านได้ ก็อยากลองเสี่ยงดู ไปกับเพื่อนรุ่นพี่ นามว่าผางเจวียน ตัวเองผ่านข้อทดสอบ ถูกเรียกเข้าไปสัมภาษณ์ดูตัว แต่ผางเจวียนไม่ผ่าน ผางเจวียนขอรอเพื่อนอยู่ข้างนอกด้วยความเป็นห่วง 

         สรุปว่าผ่าน เพราะวิธีเด็ดใบไม้ของซุนปินแสดงถึง ความเป็นคนซื่อ ใจเย็น หนักแน่น รอบคอบ คำนึงถึงคนอื่น ในขณะที่ของผางเจวียนแสดงถึงความโหด ใจร้อน และไม่คำนึงถึงใคร

         ซุนปินสู่อุตส่าห์ขอร้องแทนเพื่อนให้อาจารย์รับศิษย์อีกคนเป็นเพื่อนกัน อาจารย์โหดแต่ชื่อแต่ใจดี ก็ยอมตามรับคู่กัน เรียนทั้ง บุ๋นและบู๊ 

         ถึงตอนนี้คงอยากรู้ว่าเด็ดใบไม้อย่างไรถึงใจเย็น รอบคอบ นึกถึงคนอื่น

         ซุนปิน เด็ดใบไม้เลือกใบแก่ เป็นประการแรก ผางเจวียน เลือกใบอ่อนเพราะเด็ดง่าย แสดงให้เห็นว่า เอาง่ายไว้ก่อน หยาบเกินกว่าที่จะคิดว่า ใบอ่อนยังเติบโต ให้ความสวยกับต้นและให้ความร่มเย็นได้อีก  ที่ซุนปินเลือกใบแก่เพราะไม่ปรารถนาทำลายต้นไม้ ใบแก่กำลังจะร่วงอยู่แล้ว เด็ดก็ง่ายเหมือนกันเพราะยังไงก็ร่วงอยู่แล้ว ยางก็น้อย แสดงว่าเป็นคนใจเย็น รอบคอบและนึกถึงผู้อื่น 

         ประการที่สอง ซุนปินอ้อมไปเด็ดด้านหลัง เพราะไม่อยากให้ต้นไม้แหว่ง หรือถ้ามียาง จะไหลเห็นร่องรอย คือความรอบคอบ นึกถึงผู้อื่น ผางเจวียนนั้น เด็ดคือเด็ด ไม่คำนึงถึงความสวยของหุบเขาปีศาจ ซุนปินสังเกตว่าต้นไม้เยอะ สวยงาม แสดงว่าเจ้าหุบเขารักต้นไม้ แสดงถึงความเป็นคนช่างสังเกต เพราะผู้ที่จะร่ำเรียนวิชานี้ต้องเป็นคนช่างสังเกตอย่างมาก ไม่เหลวไหลหรือเผอเรอ

         ประการที่สาม ซุนปินเด็ดใบไม้ ปลิดขั้วโดยใช้สองมือ ไม่กระเทือนถึงเปลือกไม้ ผางเจวียนเด็ดด้วยมือเดียวมีเปลือกติดมาด้วย สองมือคือ ระมัดระวัง ตั้งใจ มือเดียวคือ ไม่ใส่ใจ ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง

         เห็นไหมกระทั่งวิธีเด็ดใบไม้ยังบอกถึงลักษณะนิสัยของคนและยังทายอนาคตได้อีกด้วยดังที่จะขยายความต่อ ๆ ไป

         เมื่อเข้าเป็นศิษย์แล้วเรื่องราวที่น่าสนใจจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป  ตอนนี้ก็ไปฝึกเด็ดใบไม้ก่อน เผื่อว่าเจ้าหุบเขาปีศาจ จะฟื้นคืนชีพมาสอนวิชาให้เรา


(ยังมีตอนต่อ)