บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๑๓/๓ - อ้วนสุด
4 ม.ค. 2559

 

 

ตอนนี้ อ้วนสุด ถึงคราว ดาวราหูจรมาเล็ง แถมน่าจะ ดาวพักร์ เสริด มนท์ โคจรมาต้องลัคนา  ที่ปรึกษาแนะนำให้พาครอบครัว ถอยไปหลบที่เมืองห้วยหนำ ปล่อยให้ทหารเอกสี่นายกับทหารเกณฑ์สิบหมื่นอยู่รักษาเมือง โจโฉ ตีหักเอาจนได้ ก็จับนายทหารทั้งสี่ไปประหาร แล้วเผาเมืองเสียเรียบ


อ้วนสุด แพแตก ไม่มีเมืองจะอยู่ ได้ทราบข่าวอ้วนเสี้ยวพี่ชายรบชนะ กองซุนจ้าน ได้เมืองปักเป๋งแล้ว  จึงติดต่อกับพี่ชาย จะมอบตราหยกให้ เพื่อจะได้รวมตัวกันเป็นใหญ่ต่อไป  ยังไม่เลิก ดาว ๗ เป็นประ.... ดื้อซะไม่มี อย่างนี้ ต้องมีดาว ๓ เล็งด้วยถึงแตกหักยับเยินในที่สุด

 

เล่าปี่จึงขออาสาโจโฉ ยกกองทหารไปยับยั้งไม่ให้อ้วนสุดบรรจบกับอ้วนเสี้ยวที่เมืองชีจิ๋วได้


ดังนั้น เมื่ออ้วนสุดยกทัพจากห้วยหนำมาถึงชายแดนเมืองชีจิ๋ว  ก็ต้องพบกับทัพของเล่าปี่ขวางหน้าอยู่ จึงให้กิเหลงออกหน้า


กิเหลงออกมารบกับ เตียวหุย ซึ่งใช้เสียงตวาดทำให้ม้าของกิเหลงตกใจ ถึงกับถอยหลังทรุดลงไป  เตียวหุยได้ทีเอาทวนแทงกิเหลงตกม้าตาย ทหารทั้งหลายก็แตกกระจัดกระจายไปยังทัพหลวงของอ้วนสุด

 

เล่าปี่ จึงให้ กวนอู เตียวหุย เป็นปีกขวา  จูล่ง ล่อเจียว เป็นปีกซ้าย  เล่าปี่เป็นกองกลาง  จัดทัพแบบ “ครุฑนาม” ไงคะ คุมกระหนาบโอบปีก ล้อมอ้วนสุดแถมร้องด่ากำกับว่า


“อ้ายขบถ ไม่รู้จักวันตาย ได้ตราหยกแล้ว ตั้งตัวเป็นเจ้า  บัดนี้ พระเจ้าเหี้ยนเต้ให้กูยกกองทัพมาปราบ ถ้ามึงรักชีวิตอยู่ เร่งลงจากม้ามาคำนับกู แม้ขัดแข็งอยู่มิงอนง้อ ตัวมึงแลญาติพี่น้องก็จะพลอยตายเสียสิ้น..”

 

อ้วนสุดมีหรือจะยอมแพ้ ด่าตอบ แบบเจ็บแสบไม่แพ้กัน


“ตัวมึง ชาติอ้ายทอเสื่อ ตระกูลต่ำ  อ้างอวดว่าได้ถือรับสั่ง จะให้กูนบนอบนั้น กูหายอมไม่  อันฝีมือมึงนั้นก็แจ้งอยู่ว่า จะฆ่าใครตาย”  ก็เป็นการรื้อฟื้นชาติกำเนิด ถึงตอนนี้ถึงรู้ว่าคนจีนปากจัดมาแต่ดึกดำบรรพ์


ทั้งสองฝ่ายก็ตะลุมบอน รบพุ่งกันเต็มกำลัง เล่าปี่ทำเป็นถอย เป็นอุบายให้ อ้วนสุดถลำตามไป  ในที่สุดอ้วนสุดเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ทหารอ้วนสุดล้มตายเป็นอันมาก ซากศพก่ายกันมากมาย เลือดไหลเต็มแผ่นดิน กองทัพอ้วนสุดแตกพ่ายพินาศยับเยิน

 

แต่อ้วนสุดยังไม่ตาย แตกทัพก็เสียใจ พาครอบครัวและทหารที่เหลือ หนีไปทางเมืองฉิวฉุน  ระหว่างทาง เคราะห์กระหน่ำซ้ำเติม ถูกโจรปล้นสะดมตีชิงเอาทรัพย์สินที่เหลือไปหลายครั้งหลายครา จนถึงตำบลกังเต๋ง เหลือแต่ทหารที่แก่เฒ่าอยู่เพียงพันเศษ มีข้าวสาลีเหลืออยู่ ๓๐ เกวียน ไม่พอกิน ต้องขอทานชาวบ้านมาเพิ่มเติม บ้างก็อดอยากล้มตาย

 

ช่วงนั้น เป็นช่วงฤดูร้อน  พวกพ่อครัวมีใจเจ็บแค้นว่า อ้วนสุดทำโทษมาแต่ก่อน คือ เป็นคนไร้น้ำใจ ขาดความเมตตา จึงเอาข้าวสาลีทั้งเปลือกหุงให้อ้วนสุดกิน


อ้วนสุดจึงว่า “เรากินมิลงคอ จงหาน้ำผึ้งมาให้เราละลายกิน”


คนเรานั้นยามตก ก็ไม่มีคนนับถือ พวกพ่อครัวแสดงอาการโกรธว่า “จะได้น้ำผึ้งที่ไหนในที่ทางกันดารเช่นนี้ มีแต่โลหิตคน”


อ้วนสุดคงจะถึงที่สุดแล้ว มีความน้อยใจสุดขีด ร้องตวาดด้วยเสียงอันดัง แล้วอาเจียนโลหิตออกมาทะนานหนึ่ง ล้มจากเตียงก็ขาดใจตาย


เมื่ออ้วนสุดตายนั้น พระเจ้าเหี้ยนเต้มาอยู่ฮูโต๋ได้ ๔ ปี ๘ เดือน

 

ฝ่ายอ้วนอิ๋นผู้หลาน เมื่ออ้วนสุด ผู้น้าตายแล้ว จึงเอาศพใส่โลง แล้วพาครอบครัวกับตราหยก และศพอ้วนสุดกลับไปเมืองลำหยง แต่พอเดินทางมาถึงโลกั๋ง  “ชีจิ๋วเป๋ง” ชาวเมืองโกเหลง คุมสมัครพรรคพวกมาสกัดโจมตีอ้วนอิ๋นและครอบครัว และฆ่าตายจนหมดสิ้น แล้วนำตราหยกเอาไปให้โจโฉ ที่เมืองฮูโต๋  โจโฉ มีความยินดีเป็นอันมาก แต่งตั้งให้ ชีจิ๋วเป๋ง เป็นเจ้าเมืองโกเหลง แล้วปูนบำเหน็จ เป็นอันมาก


สามก๊กตอนนี้ สมควรตั้งชื่อว่า “หยกมหาภัย” อะไรที่ไม่ใช่ของเรา จะนำความหายนะมาสู่ดังนี้แล..