บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๓๙/๒ - โจโฉแตกทัพ
3 มิ.ย. 2561

 

เมื่อโลซกลงจากเขาไปแล้ว โลซกสั่งทหาร ๑๒๐ คนที่รายล้อมโรงพิธี ไม่ให้ใครแปลกปลอมเข้ามาได้เป็นอันขาด ไม่ให้ใครพูดอะไร ผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกประหารชีวิต  อันนี้กลับคุ้มกันขงเบ้งโดยตรง ขงเบ้งก็ขึ้นสู่ที่บูชา จุดธูปเทียนเครื่องเช่นไหว้ทั้งปวง เสร็จแล้วก็แหงนหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้า บริกรรมคาถาเรียกลม พอจบก็ลงมาจากประรําพิธีเข้าพักอยู่ ณ กระโจม ทหารที่รายล้อมก็ให้หยุดพักด้วย ทําอย่างนี้ ๓ ครั้งในวันนั้นลมสลาตันก็ยังไม่มา จิวยี่ก็สั่งให้อุกายเตรียมพร้อม
 
อุยกายเขียนจดหมายไปบอกโจโฉว่า ให้สังเกตเรือที่มีธงมังกรเขียวปักอยู่ จะขโมยเสบียงมา จะแล่นเรือพุ่งตรงเข้าไปหา ให้เปิดรับด้วย ฝ่ายทางอุยกายก็จัดเรือเสบียง ๒๐ ลํา แล้วเอาหญ้าแห้งและฟางบรรทุกลง เอาน้ํามันปลาราดให้ชุ่มเป็นเชื้อเพลิง เอาดินประสิวมาโปรยบนหญ้าและฟาง คลุมด้วยผ้าดําชุ่มน้ํามัน เอาธงสีเขียวปักหัวเรือเป็นสําคัญ ธาตุไม้เสริมธาตุไฟ ตามที่นัดหมายไว้กับโจโฉที่วันก่อน กําเหลงก็เลี้ยงดูชัวต๋ง กับชัวโฮที่เป็นไส้ศึกอย่างดี ไม่ให้หลบหนี 
 
พอย่างเข้าวันแรม ๕ ค่ํา ท้องฟ้าวันนั้นโปร่งตลอดวัน เรียกว่าลมเงียบสงัด ไม่มีเค้าเลย จิวยี่ก็พูดกับโลซกว่า สงสัยถูกหลอกแน่นอน มีอย่างที่ไหน ลมสลาตันจะพัดมาในฤดูหนาวอย่างนี้ โลชกก็ตอบว่า ขงเบ้งไม่เคยหลอก แล้วก็ไม่เคยผิดคําพูด พอถึงเวลายาม ๓ เกิดเสียงลมอื้ออึงไปทั่ว จิวยี่ดีใจออกมาดูนอกค่าย เห็นธงปลิวสะบัด ลมพัดมาจากทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ก็ร้องว่าลมสลาตันมาแล้ว ดาวเกตุสําแดงพลัง 
 
จิวยี่ขนลุก เกิดความหวาดหวั่นอนุภาพของขงเบ้งขึ้นมา คิดว่าขืนปล่อยให้ขงเบ้งมีชีวิตสืบไป อาณาจักรกันตั๋งคงไม่ปลอดภัยเป็นแน่ ก็สั่งให้ เตงฮองกับชีเซ่ง นายทหารฝีมือดีคุมทหารไปจับขงเบ้ง ให้เตงฮองไปจับตัวบนเขา ส่วนชีเซ่งให้ไปสกัดอยู่ที่ริมตลิ่ง ถ้าขงเบ้งหนีลงเรือก็ให้ประหารเสียที่นั่น 
 
นายทหารทั้ง ๒ รับคําสั่งแล้ว รีบควบม้าออกจากค่ายฝ่าลมสลาตันตรงไปที่หมาย เตงฮองขึ้นไปโรงพิธี ก็เห็นทหารถือธงยืนเฉยอยู่โดยรอบ แต่ไม่เห็นตัว ก็ถามทหารว่าขงเบ้งอยู่ไหน ทหารก็ตอบว่า ลงไปข้างล่างเมื่อครู่นี้เอง เตงฮองก็ควบม้าไปค้นหาขงเบ้ง  แต่ได้ความจากทหารที่รักษาการณ์ที่ตลิ่งว่า ขงเบ้งลงเรือเล็กแจวไปทางเหนือแล้ว จึงลงเรือชักใบติดตาม ไปพอใกล้จะทัน ชีเซ่งก็ร้องตะโกนบอกว่า หยุดก่อนท่านอาจารย์ ท่านแม่ทัพเชิญไปพบหน่อย ขงเบ้งนั่งอยู่กลางลําก็ร้องตอบว่า เจ้าจงกลับไปบอกท่านแม่ทัพเถิดว่า ให้รู้จักใช้คนดีด้วย ข้าจะไปนั่งเป่าคาถาอยู่ที่ทางเหนือ วันหลังจะมาเยี่ยม 
 
ชีเซ่งก็ร้องตะโกนอีก หยุดประเดี๋ยว ข้าพเจ้ามีเรื่องสําคัญจะบอกท่าน ขงเบ้งก็ตอบว่า ข้ารู้เรื่องแล้ว ท่านแม่ทัพเอาข้าไปเพื่อเอาชีวิตข้าเสีย เจ้าอย่าเข้าใกล้เราเลย เจ้าจะมีอันตรายแน่นอน ชีเซ่งไม่ฟัง แล่นเรือเข้าไปใกล้ จูล่งยืนอยู่ที่ท้ายเรือ ก็ตวาดว่า มึงรู้จักกูไหม กูคือจูล่ง มาทําหน้าที่ป้องกันท่านอาจารย์ มึงตามมาทําไม กูจะฆ่ามึงเสียด้วยเกาทัณฑ์ ก็จะผิดใจกันระหว่างนายต่อนาย เอาเพียงสอนให้เห็นถึงฝีมือก็พอ แล้วก็ยกเกาทัณฑ์ยิงไปถูกสายชักรอกเรือใบขาดลดฮวบลง เรือชีเซ่งก็เสียหลักขวางลำ ไม่สามารถตามได้ จูล่งก็ให้ทหารชักใบ เรือก็วิ่งฉิวหายลับไป 
 
ขงเบ้งให้ปลูกประรําพิธี เป็นการถ่วงเวลา ให้ทหารล้อมรอบเป็นชั้นๆ บนเขา จะได้มองไม่เห็นตัว เวลาส่งทหารมาฆ่า จะสามารถหลบหลีกออกไปได้ เพราะขงเบ้งมองออกตั้งแต่แรกแล้วว่า จิวยี่มีความอิจฉาริษยา ต้องหาทางฆ่าขงเบ้งทิ้งแน่นอน และแสดงออกมาโดยตลอด 
 
ขงเบ้งคาดการถูก อย่างฤกษ์ที่จะเกิดลมสลาตัน ช่วงที่ดาวเกตุธาตุลมมีองศาทับกับดาวมฤตยูเป็นธาตุลม ดาวเกตุจะโคจรอยู่ในระหว่างราศึกุมภ์กับราศีมังกร เมื่อไรก็ตาม ที่ดาวเกตุมีองศาเท่ากับดาวมฤตย ก็จะเกิดลมสลาตันขึ้นในวันนั้น การคํานวณในวันนั้นจึงตรงกับแรม ๕ ค่ําในเวลายาม ๓ คือคํานวณลัคนาออกมาชัดเจน สมัยก่อน เขาจับลัคนาใช้จับแบบนิ้วมือจับยามสามตานั่นเอง ลมสลาตันเป็นลมที่ย้อน เป็นลมตะวันออกเฉียงใต้ 
 
ขงเบ้งหนีจิวยี่มาถึงค่าย ก็เข้าพบเล่าปี่ ขงเบ้งก็ไม่ได้หยุดพัก วางแผนตีทัพโจโฉทันที  ในขณะที่จิวยี่เอง ทอดถอนใจใหญ่ พูดว่า ขงเบ้งหลุดมือไปแล้ว กูคงหาความสงบไม่ได้ โลซกต้องเตือนว่า ให้ทำการรบกับโจโฉให้เสร็จเสียก่อน ค่อยมาคิดจัดการขงเบ้ง  จิวยี่ทําควบคู่กันตลอดเวลา เหมือนเปิดศึก ๒ หน้า ในขณะที่ขงเบ้งเรียงตามลําดับ พอถึงค่ายก็ไม่คิดถึงจิวยี่อีก วางแผนการรบทันที โดยให้จูล่งคุมทหารไปซุ่มใกล้ตําบลฮัวหลิม ให้เตียวหุยไปสกัดอยู่ ณ เนินเขาปากทางตําบลโฮโลก๊ก ให้บิต๊ก บิฮองและเล่าฮอง คุมเรือรบลาดตระเวนอยู่ตามริมน้ํา ให้เล่ากี๋คุมเรือรบอยู่ที่ตําบลฮูเชียง เหลือกวนอูคนเดียว ขงเบ้งไม่ได้สั่งให้ไปปฏิบัติการที่ไหน 
 
คนที่มีจิตวิทยาดีต้องมีดาว ๔ ที่ดี มีทั้งไหวพริบปฏิภาณ ตอนนั้นกวนอูน้อยใจ พูดกับขงเบ้งว่า ตัวข้าพเจ้าอยู่กับเล่าปี่มาหลายปี เล่าปี่จะทําการสิ่งใด ก็ใช้ข้าพเจ้าก่อนเสมอ ครั้งนี้เป็นงานใหญ่ ท่านแคลงใจข้าพเจ้าด้วยเหตุใด จึงไม่ใช้ข้าพเจ้า ขงเบ้งตอบว่า ท่านอย่าประหลาดใจ ข้าพเจ้าอยากจะให้ท่านไปปฏิบัติการที่สําคัญที่สุดแห่งหนึ่ง แต่มีบางสิ่งติดอยู่ จึงไม่ได้ออกคําสั่ง 
 
กวนอูก็ถามว่าท่านติดใจเรื่องอะไร ช่วยบอกให้ทราบด้วย ขงเบ้งจึงว่า ครั้งหนึ่งโจโฉเคยมีบุญคุณเลี้ยงดูถึงขนาด คนอย่างท่านเป็นคนมีกตัญญูรู้คุณคนที่สุด ข้าพเจ้าคาดการว่า โจโฉจะแตกไปตามทางสายฮัวหยง กันตั๋งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ มีแม่น้ํากั้นกลาง ฮัวหยง คือเมืองที่ขงเบ้งอยู่ จะมีทั้งเขาและลําน้ํา คงต้องมาเส้นทางนี้แน่ ถ้าให้กวนอูไปสกัด ก็เกรงว่า กวนอูจะปล่อยโจโฉไปเพื่อตอบแทนพระคุณ 
 
กวนอูก็บอกว่า อันภูมิปัญญาของท่านนั้นลึกซึ้งหลักแหลม โจโฉเคยมีบุญคุณกับข้าพเจ้า ก็เป็นความจริง แต่ข้าพเจ้าได้อาสาฆ่างันเหลียงกับบุนทิว ทหารเอกของอ้วนเสี้ยว ทดแทนคุณไปแล้ว ถ้าหากให้ข้าพเจ้าทําหน้าที่สกัดโจโฉครั้งนี้ เชื่อว่ายากที่โจโฉจะพ้นมือ ขงเบ้งบอกว่า ถ้ากวนอูยอมให้โจโฉผ่านทางไป จะว่าอย่างไร กวนอูบอกว่า ให้จัดการกับข้าพเจ้าตามบทพระอัยการศึก ขงเบ้งจึงบอกว่า ท่านจงเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ กวนอูก็เขียนหนังสือรับรองไว้ เรียกว่ากวนอูให้สัตย์แน่นอนจะต้องฆ่าโจโฉให้ได้ ก็บอกว่าทางสองแพร่งที่เมืองฮัวหยง จะผ่านชอกเขา ให้นําทหารขนฟืนและฟางไปสุมไฟไว้ที่ปากทางลัด โจโฉเห็นไฟก็จะหนีไปทางลัดนั้นอย่างแน่นอน
 
กวนอูค้านว่า ถ้าโจโฉเห็นแสงไฟคงไม่เข้าไปทางลัด ด้วยรู้ว่ามีข้าศึกชุ่มอยู่ ขงเบ้งตอบว่า ท่านไม่เข้าใจในพิชัยสงคราม โจโฉมีความคิดอ่านสูงก็จริง แต่คราวนี้ท่านจะเอาชนะโจโฉได้ เพราะโจโฉคิดสูงเกินไป ท่านจงตัดศีรษะโจโฉไว้ให้จงได้เถิด คือความหวาดระแวงทําให้คิดสูง ขงเบ้งก็มองนิสัยของโจโฉออก คือทําตัวเป็นโจโฉ จึงจะรู้ทางของโจโฉ กวนอูรับคําขงเบ้งแล้วก็ออกไปปฏิบัติ 
 
เมื่อกวนอูไปแล้ว เล่าปี่ก็บอกกับขงเบ้งว่า กวนอูเป็นคนกตัญญ ข้าพเจ้าเกรงว่ากวนอูพบโจโฉแล้ว กวนอูคงจะปล่อยโจโฉผ่านไป การทั้งปวงที่ท่านวางไว้ก็คงจะเสีย ขงเบ้งก็บอกว่า ได้ตรวจดูดาวประจำตัวของโจโฉแล้ว เห็นยังรุ่งเรืองสุกใสอยู่ ก็เลยให้กวนอูไปตามการนั้น เพื่อจะได้แทนคุณโจโฉให้จบสิ้นกันไป สืบต่อภายหน้า กวนอูจะได้ปฏิบัติการกับโจโฉอย่างเต็มที่ เล่าปี่ก็สรรเสริญ