ฮวงจุ้ย
- ฮวงจุ้ยพื้นฐาน
- รูปภาพและความหมาย
- ฮวงจุ้ยสำนักงาน
- ฮวงจุ้ยที่ดิน
- ฮวงจุ้ยร้านค้า
- ฮวงจุ้ยบ้านเรือนที่อยู่อาศัย
- ข้อห้ามเกี่ยวกับการเลือกที่อยู่อาศัย
- ทำเลเสียดูอย่างไร
- ดาว ๙ ยุคคืออะไร
- ดวงจีน
- การดูลักษณะภูเขา
- กรณีศึกษาฮวงจุ้ย
- ประสบการณ์การดูทำเลของอาจารย์แอน
ผลงานและบทความพิเศษของอาจารย์แอน
- คำคม..ข้อคิด
- เกร็ดความรู้จากพุทธศาสนา
- เกร็ดความรู้ที่ได้จากวรรณคดี
- บทความพิเศษ
บทความพิเศษ
พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๒/๕ - ปราบกบฎโจรโพกผ้าเหลือง
21 พ.ย. 2558
21 พ.ย. 2558
ย้อนมาถึงสามพี่น้องตระกูลจาง อนาคตสั้น คือคิดการใหญ่เกินกำลังวาสนาของตน ทำให้เสียชีวิตในปีนี้สามคนรวด
ทีนี้เรามาย้อนดูดวงดาว เมื่อแรกเริ่มก่อการ คือ เป็นช่วงตรุษจีน และช่วงนั้น ดาว ๑ ต้องโคจรเป็นวินาศของดาว ๕ คือประมาณ วันที่ ๑๕ มีนาคม ถึง ๑๕ เมษายน ทำให้ดวงดาวคู่มิตรคู่นี้ ไม่ส่งผลถึงกันมีความหมายว่าจะขาดวาสนาและการอุปถัมภ์ค้ำจุน
ส่วนดาว ๗ ที่เป็นอุจจ์ อยู่ในตำแหน่งเข้มแข็งแต่อยู่ในตำแหน่งโดดเดี่ยวและอยู่ในราศีของชมพูทวีปที่มักจะเป็นไปตามสภาพแวดล้อม
กลุ่มชาวนาและกรรมกร จะเป็นกลุ่มที่ขาดการศึกษา บางครั้งไร้ระเบียบ จึงไม่อาจครองใจคนทั้งหมดได้
เห็นไหมเริ่มถูกฤดูกาลแต่ก็ผิดจังหวะของดวงดาว แสดงว่า การใช้วงจร ห้าธาตุ แปดทิศ สี่ฤดูกาล ต้องรู้จังหวะของดวงดาวด้วย
จางเจี่ยวป่วยตายเดือน ๘ คือช่วงที่ดาว ๑ เป็นนิจ อยู่ในตำแหน่งที่เสื่อมที่สุด
จางเหลียงถูกฆ่าตายในเดือน ๑๐ ช่วงนั้น ดาว ๑ อยู่ในเรือนของดาว ๗ ซึ่งหมายถึงอันตราย เพราะอยู่ในเรือนของดาวที่มีกำลังเหนือกว่า
จางเป่า น้องคนสุดท้องถูกฆ่าตาย เดือน ๑๑ ช่วงที่ดาว ๑ เป็นประ
เมื่อสามพี่น้องทำตัวเป็นดาว ๑ ดาวแห่งกษัตริย์และไม่มีวาสนาบารมีค้ำจุน แต่ไปทำการที่เกินตัวจึงต้องโค่นลงเมื่อดาว ๑ ตามจักรราศีโคจรเข้าสู่ที่เสื่อมนั่นเอง
จึงเป็นอุทาหรณ์สั้นๆ ง่ายๆ ว่า อย่าทำอะไรที่เกินวาสนาบารมีของตน แม้จะมีจังหวะดาวส่งผลก็ตาม เพราะดาวที่ส่งผลนั้น อาจเป็นดาวบาปเคราะห์ ที่เป็นภาพลวงตา หรือแม้แต่มีความรู้ตามตำราที่สามพี่น้องได้มา ซึ่งเชื่อว่าคือ ตำรายันต์แปดทิศ ถ้าใช้ไม่ถูกไม่เป็น ก็หายนะได้
และถ้าพื้นชาตาเดิมของเราไม่มีดาวศุภเคราะห์ที่มีกำลังเข้มแข็งจริงๆ นั่นหมายถึงบารมีเราไม่มี ก็อาจเป็นอันตรายต่อตนเอง และผู้อื่นได้เช่นกัน
ถึงแม้แกนนำทั้งสามคนตายติดต่อกัน แต่ขบวนการโจรโพกผ้าเหลืองยังดำเนินสืบต่อ ยุคนี้ประชาชนที่ร่วมด้วย ได้เปลี่ยนแซ่เดิมเป็นแซ่จางกันเป็นจำนวนมาก และยังคงนิยมเรื่องการปลุกเสกคาถาอาคม ลงเลขสักยันต์เพื่อป้องกันอันตรายจากการสู้รบ
ในขณะเดียวกัน ระบบราชการที่ขันทีเป็นผู้สร้าง คือปิดบังความดีความชอบ ถือเอาสินบาทคาดสินบน ทำให้คนดีเกิดความท้อแท้ในวงราชการ พากันลาออกเป็นจำนวนมาก รวมทั้งโจโฉ เล่าปี่ กวนอูและเตียวหุย
โจโฉลาออก เพราะถูกย้ายไปเป็นเจ้าเมืองตงจวิน ที่เป็นเมืองเล็กๆ
เล่าปี่ ก็ทิ้งตำแหน่งผู้บังคับการอำเภออานสี่ เพราะไม่พอใจผู้ตรวจราชการที่ใช้อำนาจไม่เป็นธรรมมาข่มขู่ สามพี่น้องรุมตีผู้ตรวจราชการแล้วจำต้องหนีก่อน เพราะตอนปราบโจร ผลงานก็ไม่ปรากฏ ไม่มีใครช่วยทูลเบื้องสูง
หวงฝูซงปราบกบฏมีผลงาน แต่ไม่ได้รับความดีความชอบ ถูกขันทีใส่ร้ายป้ายสีจนถูกลดอำนาจการคุมทหาร จึงต้องลาออก
การจลาจลก็ลุกลามไปเรื่อยๆ ถึงขนาดสังหารเจ้าเมืองหนานหยาง มณฑลจิงโจว หรือเมืองเก็งจิ๋วนั่นเอง
ในตอนนี้ มีมังกรน้อยก่อกำเนิด
ซุนเกี๋ยนซึ่งเป็นขุนศึกคนหนึ่งมีผลงานการรบที่โดดเด่นในภาคใต้ เริ่มมีสมัครพรรคพวกสะสมอิทธิพล เขาออกรบโดยพาลูกชายอีกสี่คนออกสนามรบด้วย เพื่อสอนลูกให้มีประสบการณ์ในการศึกสงคราม
ซุนเกี๋ยน มีฝีมือในการปราบกบฏจนมีชื่อเสียงโด่งดังในแคว้นเก็งจิ๋ว และได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองฉางซา ซึ่งปัจจุบันเป็นเมืองเอก ของมณฑลเหอหนาน และกินอาณาเขตไปถึงเก็งจิ๋วด้วย
เมื่อโจรโพกผ้าเหลืองไม่ได้ลดน้อยลง แต่ดูเหมือนจะมากขึ้น ขุนนางทั้งหลายที่ดีๆ ก็ต้องกลับเข้ารับราชการอีก
ในปี พ.ศ. ๗๓๐ กองซุนจ้าน เพื่อนรักของเล่าปี่ รับราชการได้เป็นเจ้ากรมทหารม้า
ในปี ๗๓๑ มีการปฏิรูปการปกครอง ให้ผู้ตรวจราชการมณฑลมีอำนาจมากขึ้น ควบคุมได้ทั้งทางทหารและพลเรือน เปรียบเสมือนแม่ทัพใหญ่ ดำเนินการปรากบฏ แต่ก็ไม่เป็นผลให้กบฏลดน้อยลง
โจโฉ กลับเข้ารับราชการในตำแหน่งผู้บังคับการกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ตอนนี้ โจโฉอายุ ๓๔ ปี และอยู่ใต้บังคับบัญชาของนายพลหยวนเส้า ซึ่งก็คือ อ้วนเสี้ยวนั่นเอง
เล่าปี่กลับเข้ารับราชการ ได้รับตำแหน่งปลัดอำเภอเซี่ยพี้ เมื่ออายุย่าง ๒๘ ปี สังกัด กองซุนจ้าน
กองซุนจ้านผู้นี้ ชอบใส่ชุดขาวเป็นชีวิตจิตใจ ยุคนี้กองซุนจ้านมีบารมีมาก เขาสวมชุดขาว ขี่ม้าขาว จึงถูกเรียกว่า “อัศวินม้าขาว” ดูท่าจะหล่อ แต่หลอกว้านจงไม่ได้ให้เป็นพระเอก เป็นแค่คนส่งให้เล่าปี่ดัง
กองซุนจ้านมีทหารยอดฝีมือ ซึ่งส่วนมากก็สวมใส่ชุดขาวเช่นกัน และมีอยู่หนึ่งคนเป็นทหารเอกที่เป็นยอดฝีมือ นามว่า “จ้าวจื่อหลง หรือ จ้าวหยุน” ซึ่งที่เรารู้จักกันดี คือ จูล่ง
เล่าปี่ รู้จักจูล่ง ตอนนี้แหละค่ะ
หวงฝูซง ก็ถูกเรียกตัวเข้ารับราชการเช่นเดียวกัน เพราะทางการต้องระดมขุนศึกยอดฝีมือให้มากที่สุด เพื่อกอบกู้สถานการณ์อันเลวร้ายของบ้านเมือง
ในที่สุดขบถโจรโพกผ้าเหลืองก็ราบคาบ ถูกปราบปรามเรียบร้อย แต่ความทุกข์ยากของประชาชนก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๓๘ - บังทอง พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๓๗/๓ - ขงเบ้งยืมลูกเกาทัณฑ์ พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๖๘/๑ - โจผี พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๖๗/๒ - แฮหัวตุ้น พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๖๗/๑ - แฮหัวตุ้น พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๑๙/๔ - จูล่ง พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๓๖/๑ - การชิงไหวพริบจิวยี่กับขงเบ้ง พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๖๖/๓ - เตียวคับ พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๖๖/๒ - เตียวคับ พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๖๖/๑ - เตียวคับ