บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๖๒/๒ - กังตั๋งกับเสฉวนเป็นพันธมิตรกัน
11 ม.ค. 2562

 

เสฉวนต้อนรับทูตของกังตั๋งอย่างใหญ่โต คืนแรกพระเจ้าเล่าเสี้ยนเลี้ยงพระกระยาหาร คืนที่สอง ขงเบ้งสมุหนายกจัดงานเลี้ยงต้อนรับ ขงเบ้งพูดกับเตียวอุ๋นว่า ครั้งพระเจ้าเล่าปี่นั้น กังตั๋งกับเสฉวนเป็นศัตรูกัน บัดนี้ท่านเห็นกับตาแล้วว่า ความเป็นศัตรูได้สูญสิ้นไปหมดแล้ว ขอให้เราทั้งสองฝ่ายจงลืมความหลังเสีย แล้วตั้งต้นผูกมิตรกันใหม่ ร่วมใจกันปราบพระเจ้าโจผีให้ราบคาบให้จงได้ ข้าพเจ้าจึงใคร่ขอเสนอให้เราทั้งสองประเทศเป็นพันธมิตรกัน

 

เตียวอุ๋นจึงพูดทางไมตรีว่า ซุนกวนมิได้ผูกพยาบาทเสฉวน ปรารถนาที่จะมีสันติภาพถาวรกับเสฉวนอยู่เสมอ ซึ่งได้ส่งข้าพเจ้าเป็นฑูตมาในครั้งนี้ ย่อมเป็นประจักษ์พยานแห่งความเป็นมิตรอยู่แล้ว ข้าพเจ้ากลับไป จะได้แจ้งให้เสด็จเจ้าทรงทราบถึงความปรารถนาอันดีของท่าน และข้าพเจ้าจะสนับสนุนแผนการเป็นพันธมิตรของท่านด้วย

 

ขงเบ้งจึงให้เตงจี๋เดินทางไปส่งเตียวอุ๋นถึงกังตั๋งอีกครั้งหนึ่ง เพื่อขอบคุณซุนกวนที่ได้ส่งเตียวอุ๋นเป็นทูตไปเยือนเสฉวน เจรจาการเป็นพันธมิตรกัน เตียวอุ๋นรายงานให้ซุนกวนทราบว่า ทั้งพระเจ้าเล่าเสี้ยนและขงเบ้ง ได้แสดงมิตรจิตมิตรใจต่อกังตั๋งเป็นอันดี และมีความกระตือรือร้นที่จะได้ผูกมิตรกับกังตั๋งเป็นพันธมิตร เพื่อสันติภาพอันถาวรจะได้ดํารงอยู่ระหว่างประเทศทั้งสองนี้

 

ซุนกวนหันมาถามเตงจี๋ว่า ถ้ากังตั๋งกับเสฉวนเป็นพันธมิตรร่วมกันปราบพระเจ้าโจผีลง แล้วแบ่งเขตกันปกครองนั้น ท่านคิดว่าจะนํามาซึ่งสันติสุขตลอดไปหรือ เตงจี๋ตอบว่า ฟ้าไม่มีดวงอาทิตย์ ๒ ดวงฉันใด ประเทศก็ย่อมไม่มีกษัตริย์ ๒ องค์ฉันนั้น ถ้าพระเจ้าโจผีล้มไปแล้ว การณ์ภายหน้าแล้วแต่ฟ้าจะกําหนด ใครจะได้เป็นกษัตริย์ขึ้นมาก็ตาม ผู้นั้นย่อมจะทรงไว้ซึ่งคุณธรรมความดี และบรรดาขุนนางจะต้องมีความจงรักภักดี ความยุ่งยากทั้งมวลจะสิ้นไปได้ ซุนกวนยิ้มถูกใจบอกว่า ท่านเป็นคนพูดตรงไปตรงมาดี ข้าพเจ้าชอบคนอย่างท่าน ก็เลยเอาของมีค่าเป็นรางวัลต่อเตงจี๋ไปหลายอย่าง แล้วตกลงร่วมเป็นพันธมิตรกับเสฉวนตามข้อเสนอของขงเบ้ง

 

พระเจ้าโจผีทราบข่าว โปรดเรียกประชุมคณะองคมนตรีกล่าวว่า กังตั๋งทําเช่นนี้ย่อมมุ่งหมายจะเข้าตีเรา จะต้องตีมันเสียก่อน ซินผี ที่ปรึกษาทูลว่า ประเทศของเรากว้างใหญ่ไพศาลแต่มีพลเมืองน้อย ระดมพลได้ไม่พอที่จะรบกับกังตั๋งและเสฉวนพร้อมกัน  ข้าพเจ้าเห็นควรจะรอไปอีกสักสิบปี ตั้งตัวให้เข้มแข็งมั่นคง ให้บริบูรณ์ทั้งอาหารและสรรพกําลัง จึงค่อยคิดการสงคราม โจผีไม่พอใจตรัสว่า ท่านพูดเหมือนคนบ้า กังตั๋งกับเสฉวนเป็นพันธมิตรกันแล้ว เขายกมาตีเราเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าขืนเราทำนาซ่องสุมผู้คน รอไปอีกสิบปี เราคงไม่มีแผ่นดินอาศัยเป็นแน่ ที่ประชุมได้ฟังดังนั้นก็ลงมติให้ระดมพล

 

สุมาอี้เสนอว่า สงครามครั้งนี้สําคัญนัก ขอให้พระองค์เสด็จไปบัญชาการรบเอง อันเมืองกังตั๋งนั้น ต้องใช้กําลังทางเรือเข้าตี เราต้องรีบต่อเรือลําเลียงสําหรับขนทหารให้มาก ที่ประชุมเห็นพ้องต้องกัน จึงให้เร่งต่อเรือลําเลียงขนาดใหญ่ยาวสี่สิบวา ๑๐ ลํา บรรทุกทหารได้ลําละ ๒๐๐๐ คน แล้วให้เกณฑ์เรือรบขนาดเล็กอีก ๓๐๐๐ ลําเตรียมอาวุธสําหรับยุทธนาวีในลําน้ํา ทหารบกทหารเรือที่ระดมมาได้ในครั้งนี้มีจํานวน ๓๐ หมื่น พระเจ้าโจผีทรงแต่งตั้งสุมาอี้เป็นผู้รักษาพระนคร แล้วทรงยกทัพมุ่งไปตีกังตั๋ง

 

ซุนกวนได้ข่าวศึก คิดจะเรียกตัวลกซุนจากเมืองเกงจิ๋วมาบัญชาการรบอีก แต่ที่ปรึกษาเห็นว่า ควรให้ลกซุนอยู่รักษาเกงจิ๋วดีกว่าเพราะเป็นที่มั่นสําคัญ จึงสั่งให้ชีเซ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ แล้วให้มีใบบอกไปยังเมืองเสฉวนให้ยกทัพมาช่วย ฝ่ายชีเซ่งจึงระดมกําลังเรียงรายป้องกันอยู่ริมน้ํา ซุนเกียว นายทหารหนุ่มผู้เป็นหลานของซุนกวนไม่พอใจ อยากจะข้ามฟากไปรบฝั่งโน้น ซีเช่งก็ไม่ยอม ซุนเกียวถือตนเป็นหลานของซุนกวนไม่ฟัง จะนําทหารข้ามฟากไปรบให้จงได้ ชีเซ่งก็โกรธตวาดว่า ข้าพเจ้าเป็นแม่ทัพ ว่ากล่าวท่านไม่ได้แล้วใครจะฟังบังคับบัญชาของข้าพเจ้าอีกต่อไป แล้วจึงให้บูชูเอาตัวซุนเกียวไปประหารชีวิต

 

ซุนกวนทราบข่าวก็ตกใจ รีบมาปล่อยตัวซุนเกียวแล้วเข้าไปหาชีเซ่งขอให้ไว้ชีวิต ชีเซ่งบอกว่า ท่านแต่งตั้งให้ข้าพเจ้าเป็นแม่ทัพเพื่อขับไล่โจผี ซุนเกียวเป็นทหารใต้บังคับบัญชาของข้าพเจ้า บังอาจขัดคําสั่งของแม่ทัพ ข้าพเจ้าใคร่ขอทราบว่า มีเหตุผลอันใดที่ข้าพเจ้าจะยกโทษให้แก่หลานของท่าน ซุนกวนอ้อนวอนว่า ซุนเกียวเป็นเด็ก ความคิดยังน้อย มีแต่วู่วาม ทําไปตามใจตนเอง ท่านสั่งลงโทษประหารชีวิตไปนั้นสมควรแล้ว แต่ข้าพเจ้าใคร่ขออภัยโทษไว้สักครั้งหนึ่งเถิด

 

ชีเซ่งไม่ยอม กล่าวว่าต้องเป็นไปตามบทอัยการศึก ซุนกวนก็บอกว่า ซุนเกียวทําผิด ท่านมีสิทธิ์วินิจฉัยลงโทษได้ทุกประการ แต่เมื่อครั้งซุนเซ็กพี่เราจะถึงแก่ความตาย ได้ฝากฝังเอาไว้ ถ้าหากจะประหารชีวิต ข้าพเจ้าจะต้องเสียคนแน่นอน ชีเซ่งจนใจ เลยต้องยกโทษให้ซุนเกียว

 

การกระทําแบบนี้ กลายเป็นว่าซุนเกียวได้ใจ ซุนกวนให้ซุนเกียวกราบขอบคุณท่านแม่ทัพ ก็ไม่ยอม แถมยังประกาศว่า ข้าพเจ้าจะยกทหารไปรบโจผีที่ฝั่งโน้นจนตัวตาย  จะยอมถอนความคิดไม่ได้เป็นอันขาด ชุนกวนได้ฟังก็โกรธ ไล่ซุนเกียวออกจากค่าย  แล้วพูดกับชีเซ่งว่า ข้าพเจ้าจะไม่ใช้สอยมันอีกแล้ว ขอให้ท่านระวังอย่าให้มันทําอะไรเสียหายขึ้นได้

 

ตกค่ำ ซุนเกียวหนีออกจากค่ายไป แถมยกทหารข้ามฟากไปรบกับโจผีอีก ความดื้อคือพวกธาตุลมแข็ง ธาตุลมคือดาว ๖ ดาว ๐ ดาว ๙ แถมมีดาวบาปเคราะห์กุมลัคน์ ดื้อสุดๆ ถ้าดื้อและต่อต้านคือดาวเนปจูน ธาตุน้ำก็แรงด้วย ซุนเกียวลอบยกทัพไปสู้กับโจผี ชีเซ่งทราบข่าวก็เกรงว่าซุนเกียวจะเพลี่ยงพล้ำเสียที จึงสั่งให้เตงฮองคุมทหารสามพันคน ยกไปช่วยซุนเกียว

 

ฝ่ายขงเบ้งเมื่อได้รับใบบอกว่า พระเจ้าโจผียกทัพมาย่ำยีอาณาจักรกังตั๋ง จึงให้จูล่งคุมทหารยกเข้าตีตลบหลังทัพพระเจ้าโจผีทางด่านยังเพงก๋วน พระเจ้าโจผีตกพระทัยไม่เป็นอันรบพุ่งกับทางกังตั๋ง สั่งถอยทัพกลับฮูโต๋ทันที ชีเซ่งก็ยกทัพเรือเข้าตีทัพโจผีแตก ซุนเกียวกับเตงฮองระดมโจมตีทางบกซ้ำอีกทางหนึ่ง กองทัพพระเจ้าโจผีเสียหายยับเยิน พระเจ้าโจผีหนีกลับฮูโต๋ได้ทัน แต่เตียวเลี้ยวนายทหารเอก ถูกลูกเกาทัณฑ์ของเตงฮองในที่รบ มาสิ้นใจที่ฮูโต๋ ก็ถือว่าทัพโจผีแพ้ยับเยิน พันธมิตรกังตั๋งกับเสฉวนก็มีความมั่นคงมากขึ้น