บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๖๘/๔ - โจผี
4 ก.พ. 2562

 

ดาวจันทร์ค่อนข้างมีความสําคัญในเวลาเกิด ลัคนาเสวยฤกษ์แล้ว ยังมีจันทร์เสวยฤกษ์กํากับด้วยทุกครั้ง โหรไทยก็ดี พรามณ์ก็ดี ฮินดูก็ดี ถือมากในเรื่องจันทร์เสวยฤกษ์ ถ้าจันทร์อ่อนกําลังแล้ว จะส่งผลกับชีวิตของคนนั้นไปตลอดชีวิต และดาวจันทร์อยู่ใกล้โลกที่สุด

 

อิทธิพลของชีวิตมนุษย์เรา มีดาว ๓ เทพเป็นหลัก คือ ดาวอาทิตย์ ดาวจันทร์ ดาวพฤหัส

 

ดาวอาทิตย์ส่งผลถึงความยั่งยืนของชีวิต รากแก่นของชีวิต โจผี ดาวอาทิตย์ในพื้นดวงเป็นวินาศ แต่ว่าเลือกขึ้นครองราชย์ในยามที่ดาวอาทิตย์เป็นมังกร แต่ไม่ดีตรงฤกษ์ดาวจันทร์ ทําให้ชีวิตเข้าสู่ดาวอาทิตย์เป็นวินาศด้วย คือค่อนข้างเปราะ ป่วยก็ง่าย เมื่อขึ้นครองทําพิธีก็ป่วย ต้องย้ายวัง เป็นการบอกว่าอาทิตย์เป็นวินาศ ต้องเร่ร่อน

การไปรบครั้งแรกแพ้ หมายถึงกําลังเทพที่ ๒ หรือเทพดาวจันทร์อ่อน เพราะขึ้นครองราชย์ในตอนขึ้น ๕ ค่ำ

 

เทพองค์ที่ ๓ คือดาวพฤหัสพฤหัส อยู่ในสมโณฤกษ์ ถ้าไม่เข้าสมโณ ก็ข่มราหูไม่ได้ จะดุร้ายฆ่าหมด แต่โจผีก็ไม่ฆ่าพระเจ้าเหี้ยนเต้ ไม่ฆ่าน้องโจสิด ส่วนโจหิมนั้นฆ่าตัวตายไปเอง นี่คืออิทธิพลของดาวพฤหัสข่มดาวราหูเอาไว้ คือมาเล็งราหูที่ราศีมังกร

 

เวลาล่วงไปอีก ๒ ปี พ.ศ. ๗๖๖ ขงเบ้งยกอาเต้าขึ้นครองราชสมบัติ พระนามว่าพระเจ้าเล่าเสี้ยน ตอนนั้นอายุเพียง ๑๖ ปี โจผีคิดยกกองทัพไปตีเสฉวน จึงปรึกษากับสุมาอี้ เดิมสุมาอี้เป็นเพียงสมุหบัญชีทหารเลว ต่อมาได้เลื่อนตําแหน่งสูงขึ้นในสมัยโจโฉ  แต่ก็ยังไม่ใหญ่โตเพราะโจโฉยังไม่ไว้วางใจ จนกระทั่งถึงสมัยโจผี จึงได้เติบโตเป็นที่ปรึกษา

 

สุมาอี้วางแผนเข้าตีเสฉวนเป็น๕ ทาง โดยเอาทรัพย์สินไปจ้างให้เจ้าเมืองเลียวตั๋งยกพลไปยังด่านแฮบังก๋วนอยู่ทางทิศตะวันตก ให้เบ้งเฮ็กเจ้าเมืองม่านอ๋อง ชาวม่านก็คือน่านเจ้าทางตอนเหนือ ยกไปตีทางเอ็กจิ๋วทิศใต้ ให้เบ้งตัดเจ้าเมืองซงหยง ยกไปตีด่านฮันต๋งด้านทิศเหนือ ซงหยงคือเมืองที่ขงเบ้งกับสุมาเต็กโชเคยอยู่ โจหยินยกพลไปตีด่านเผงก๋วน ใช้พลด้านละ ๑๐หมื่น แล้วให้ฑูตไปเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับซุนกวนที่เมืองกังตั๋ง เพื่อให้ยกทัพเข้าตีทางด่านกวยเซียทางด้านทิศตะวันออก

 

ฝ่ายพระเจ้าเล่าเสี้ยนปรึกษากับขงเบ้ง ขงเบ้งสั่งให้ม้าเฉียวคอยป้องกันทางด่านแฮบังก๋วน เพราะเป็นด่านที่ค่อนข้างสําคัญ ส่วนเอ็กจิ๋วเป็นด่านที่เบ้งเฮกเข้าตี ให้อุยเอี๋ยนไปสกัด ใช้กลอุบายให้ทหารเดินวนเวียนเข้าออกค่ายทั้งซ้ายและขวา วันละ ๗-๘ ครั้งทุกวัน จนเบ้งเฮ็กคิดว่ามีทหารมากมายเลยไม่กล้าเข้าตี ส่วนด่านฮันต๋งให้ลิเงียมเพื่อนร่วมน้ําสาบานของเบ้งตัดคอยดักพบ เป็นอันว่าเบ้งตัดทําเป็นป่วย ไม่ยอมออกรบ ตัดไปได้ทางหนึ่ง ให้จูล่งทหารเสือฝีมือยอดเยี่ยมไปตั้งมั่นอยู่ที่ด่านเผงก๋วนโดยไม่ต้องออกรบ ครั้นโจจิ้นฝ่าทางทุรกันดารมาถึงที่ลุ่มมีโคลนตม เดินทัพยาก เมื่อไม่เห็นจูล่งออกออกรบ ก็ไม่สามารถตีหักด่านไปได้ ต้องถอยทัพกลับเพราะเดินทัพยากอยู่แล้ว สุดท้ายกองทัพทั้ง ๔ ทางก็ต้องถอยกลับมาหมด

 

โจผีคอยฟังข่าวทูตที่ไปขอเจรจากับซุนกวนที่เมืองกังตั๋ง ก็ผิดหวัง เพราะว่าขงเบ้งส่งทูตไปเจรจาขอเป็นไมตรีตัดหน้าไปก่อน ก็เลยคิดจะยกทัพไปแก้แค้น แต่ซินผีปรึกษาเก่าแก่ทักท้วง ขอให้ทํานาหาเสบียงก่อนสัก ๑๐ ปีค่อยยกทัพไป พระเจ้าโจผีก็โกรธกล่าวว่า ความคิดของท่านอย่างกับเด็กน้อย เราก็รู้อยู่ว่าเสฉวนกับกังตั๋งเป็นพันธมิตรกันแล้ว จะยกมาตีเมืองเราเมื่อไหร่ก็ได้ ว่าแล้วก็หันไปปรึกษาสุมาอี้ตามเคย

 

คราวนี้ยกทัพเรือกว่า ๕ พันลําไปตีกังตั๋ง ในเดือน ๑๐ พ.ศ.๗๖๗ หน้าน้ำหลาก ซุนกวนให้ชีเซ่งเป็นแม่ทัพเรือออกไปต้านกองทัพใหญ่ของพระเจ้าโจผี  และให้คนถือหนังสือไปเมืองเสฉวนขอกองทัพมาช่วย ขงเบ้งจึงให้จูล่งคุมทหารไปสกัดหลังที่ด่านยังเพงก๋วน เมื่อโจผียกกองทัพเรือเข้าตีขบวนเรือของชีเซ่งก็ถูกลมพายุหนักมีคลื่นใหญ่ ทําการรบไม่สําเร็จต้องถอยทัพกลับ ชีเซ่งคุมกองเรือไล่ตีตามจนแตกพ่าย ต้องยกพลขึ้นบกแล้วเผาเรือทิ้ง

 

ซุนเกียวหลานซุนกวนกับเตงฮอง ทหารเอกของเมืองกังตั๋ง ก็ยกทัพบกมาสมทบเข้าตีขนาบ เตียวเลี้ยวกับซิหลงทหารเอกเก่าแก่ของพระเจ้าโจผีต่อต้านไม่ไหว ต้องแตกพ่ายอย่างยับเยิน เตียวเลี้ยวถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์บาดเจ็บสาหัสเสียชีวิต

 

พ.ศ. ๗๖๙ เดือน ๘ พระเจ้าโจผีประชวรเป็นไข้ หมอรักษาพยาบาลเท่าไรก็ไม่ทุเลา  จึงเรียกขุนนางผู้ใหญ่คือโจจิ้น ตันตัน สุมาอี้ เข้ามาฝากฝังว่า บัดนี้ตัวเราป่วยหนักเห็นจะไม่รอดแล้ว เราคิดวิตกด้วยโจยอยยังหนุ่มยังเบาความ เราหาบุญไม่แล้ว ท่านทั้งสามจงช่วยกันเอาใจใส่ราชการบ้านเมือง ทะนุบํารุงบุตรเราด้วยเถิด วาระสุดท้ายก็กําชับโจจิ๋นว่า ท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ช่วยปราบศึกมาตั้งแต่เมืองฮูโต๋ยังไม่ตั้งมั่นได้ จนใหญ่หลวงเป็นสุขขึ้นมาถึงเพียงนี้ บัดนี้เรายังไม่แก่ชรานัก อายุได้ ๔๐ ปี เพิ่งครองราชสมบัติได้เพียง ๗ ปี โรคภัยก็เบียดเบียนนัก เห็นทีจะสิ้นอายุเสียแล้ว ท่านอยู่ภายหลัง จงช่วยทะนุบํารุงบุตรเราโดยสุจริต ให้เราสิ้นวิตกด้วยเถิด สั่งเสียเสร็จเรียบร้อยพระเจ้าโจผีก็สิ้นพระชนม์ ขุนนางทั้งปวงก็อัญเชิญโจยอย อายุ ๒๑ ปี ขึ้นเสวยราชย์ต่อ ขนานนามว่า พระเจ้าเว่ยหมิงตี้

 

ช่วงที่พระเจ้าโจผีสิ้นพระชนม์ ตรงกับช่วงดาวที่เข้าสู่ราศีมังกรพอดี คือดาวมาชุมนุมกัน ลัคนาอยู่ที่ราศีพฤษ มีอังคารเล็งที่พิจิก ดาวอาทิตย์อยู่ที่ราศีเมษเป็นวินาศและเป็นอุจจ์ด้วย ดาวพฤหัสก็เป็นอุจจ์ด้วยแต่ว่าอยู่ในสมโณฤกษ์ อังคารเป็นเกษตรในเรือนที่เล็งลัคนา ดาวเสาร์กับดาวราหูถือว่าอยู่กลางฟ้า เรือนศุภะ เป็นคู่มิตรกัน ดาวมรณะคือดาวศุกร์ไปอยู่ในเรือนมรณะ เจ้าเรือนมรณะคือ ดาวพฤหัสเป็นศุภเคราะห์ จึงเจ็บป่วยตาย ไม่ได้เสียชีวิตด้วยอาวุธ อยู่ในสมโณฤกษ์คือเสียชีวิตด้วยป่วยใข้ธรรมดา สมโณไปสงบๆ มีดาวศุกร์เรือนอริ คือสุขภาพไม่แข็งแรงแต่ต้น ไปอยู่ในเรือนมรณะ ไม่ตายในสนามรบ ตายในลักษณะสุขภาพไม่แข็งแรง

 

ชีวิตที่เปราะบางมาตลอด บุคคลชะตาทั่วไปถ้าอาทิตย์เปราะ หากไปทําอะไรที่ตรงกับความเป็นอาทิตย์ ก็จะเปราะ ถ้าหากไม่ได้เป็นกษตริย์แต่เป็นรองมาตลอด ชีวิตก็อาจจะไม่เปราะเท่านี้ก็ได้ เพราะว่าไม่ได้ขึ้นเป็นหนึ่ง

 

ดาวเสาร์กับดาวราหูซึ่งส่งผลให้ผู้คนมีกําลังชะตาเข้มแข็ง ทํามุมกับดาวอาทิตย์ ดาวพฤหัสทํามุมกับดาวอาทิตย์ ส่งผลให้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ในวันที่ขึ้นครองราชย์ ไม่ได้เลือกพฤหัสที่ดี เลือกแต่ว่าอาทิตย์อยู่ในราศีมังกร ชาวจีนถือว่าเป็นราศีที่หมายถึงความโดดเด่น เมื่อขึ้นครองราชย์ในเดือนมกราคมก็ฆ่าความเป็นวินาศก็จริง แต่ว่ามันก็ฝืนดวง ดวงเป็นเบอร์ ๒ แต่ขึ้นเป็นเบอร์ ๑ ก็เปราะตั้งแต่นั้นมา

 

ตอนขึ้นครองราชย์ได้ฤกษ์ในช่วงที่จันทร์ไม่แข็งแรง จันทร์เป็นดาวเจ้ากาลในการทํางานทุกอย่าง ในการบริหาร เพราะจันทร์หมายถึง ครอบครัว หมายถึงการบริหารราชกิจ คือประเทศ การออกไปรบคือการขยายอาณาเขต ขยายครอบครัว ก็ย่อมเปราะบางไปด้วย การทําศึกใหญ่ ๆ ๒ ครั้ง แพ้ทั้ง ๒ ครั้ง ครองราชย์ได้เพียง ๗ ปี น้อยมาก

 

โจผี