บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๒๙/๒ - จันทร์ ครุ สุริยา ในดวงขงเบ้ง
20 มี.ค. 2561

 

เล่าปี่ได้ฟังเหมือนกับได้แก้ว ได้ฟังถ้อยคำของท่านเหมือนเมฆมืดได้พบซึ่งฟ้าได้สว่างแล้ว แต่ก็ยังกริ่งใจว่าเกงจิ๋วเป็นของเล่าเปียวผู้มีพระคุณ ความกตัญญูชาวจีนยึดมั่นถือมั่นอยู่มาก เล่าปี่จึงบอกว่า เล่าเปียวเป็นผู้มีพระคุณให้ที่อยู่อาศัยหลบภัย ส่วนเมืองเสฉวนก็เป็นดินแดนของชนชาติต่างชาติต่างภาษา จะไปเข้าครองดินแดนมันยากเหลือเกิน อันนี้ดาวเสาร์มีอิทธิพล จะต้องยากลำบากเสียก่อนเล่าปี่จึงจะครองเมืองได้ ขงเบ้งก็บอกว่าข้าพเจ้าตรวจดูบนท้องฟ้าแล้ว เล่าเปียวจะสิ้นบุญในไม่ช้านี้ ส่วนเล่าเจี้ยงนั้นไม่มั่นคงประการใด ดินแดนทั้งสองจะตกเป็นของท่านอย่างแน่นอน เล่าปี่น้อมคำรับคำของขงเบ้ง 
 
ขงเบ้งก็ทำนายต่อว่า แผ่นดินจีนนี้ต่อไปภายหน้าจะเหลืออยู่เป็นสามก๊ก โจโฉเป็นก๊กหนึ่ง ซุนกวนก๊กหนึ่ง และเล่าปี่อีกก๊กหนึ่ง ก๊กน้อยๆ จะเข้าในก๊กใหญ่ทั้งสามโดยสิ้นเชิง เล่าปี่กล่าวว่า ข้าพเจ้านี้บุญน้อยนัก ถ้าท่านอาจารย์ไม่รังเกียจในความต่ำต้อยของข้าพเจ้า ก็เชิญไปรับราชการอยู่ด้วยกัน ขงเบ้งก็ถ่อมตัวว่า ข้าพเจ้าเป็นสุขอยู่กับไร่นาเป็นช้านาน มีสันดานเกียจคร้าน เอาแต่นอนพักผ่อนไม่อาจจะรับคำเชิญได้ เล่าปี่ก็ขอร้องด้วยน้ำตาว่า ประชาราษฎร์ต้องเดือดร้อนไปไม่มีที่สิ้นสุด ก็ขอให้ไปช่วยกันเถอะไหนๆ ก็มาถึงตรงนี้แล้ว ไม่สามารถจะดำเนินต่อไปได้ ถ้าหากขาดที่ปรึกษาคนสำคัญ 
 
ขงเบ้งจำต้องรับคำ เรียกน้องชายสั่งความว่า เล่าปี่อุตส่าห์มาหาพี่ถึงสามครั้งสามหน อ้อนวอนให้ไปช่วยราชการ จำเป็นต้องไป เจ้าอยู่หลังดูแลไร่นาวัวควายให้เรียบร้อย อย่าให้เป็นอันตรายเสียหายได้ เมื่อเสร็จธุระแล้วจะกลับมา 
 
เล่าปี่ เตียวหุย กวนอู ก็พาขงเบ้งเข้าเมืองซินเอี๋ย ตั้งให้ขงเบ้งเป็นอาจารย์ใหญ่ กินข้าวร่วมสำรับ นอนร่วมเตียง เอาอกเอาใจใกล้ชิดจนเตียวหุย กวนอู อิจฉาริษยา ต่อว่าขงเบ้งนี่อายุอ่อนกว่าพี่นะ ทั้งยังไม่เคยแสดงฝีไม้ลายมือให้ปรากฏแต่อย่างใด ไฉนจึงประคบประหงมจนเกินขนาด นี่คืออิทธิพลของ จันทร์ ครุ สุริยา ความสง่างาม ความโดดเด่น ความฉลาด สติปัญญา ก่อให้เกิดความเกรงใจต่อคนทั่วไป วาสนาบารมีเทียบเท่ากับผู้ใหญ่ในแผ่นดิน ขนาดอาทิตย์เสียเพราะว่าไปเป็นมังกรซ่อนกายเสียนานปี จันทร์ในดวงขงเบ้งก็เสีย ได้ภรรยาไม่งาม มีพฤหัสเด่นอย่างเดียวคือสติปัญญา แต่ก็ได้ จันทร์ ครุ สุริยา อยู่ในดวงชะตา 
 
เล่าปี่ก็ตอบคนทั้งสองว่า เจ้านี้ไม่รู้ค่าของคน บุคคลที่มีอาทิตย์ พุธ ศุกร์ อยู่ในดวงชาตา เป็นบุคคลที่มองคนเป็นและรู้ค่าของคนเหมือนโจโฉ ถึงแม้เล่าปี่จะอ่อนกว่าแต่ว่ายังมองคนเป็น เล่าปี่ว่า เจ้าไม่รู้คุณค่าของคน แต่ตัวเราไม่เหมือนกับคนเป็นปลาใต้น้ำ เจ้าไม่รู้อะไรอย่าพูดมากไป หากรู้ถึงหูขงเบ้งจะเกิดความน้อยใจ กวนอู เตียวหุย ก็ต้องเงียบเสียง 
 
นับตั้งแต่มาอยู่เล่าปี่ ขงเบ้งก็ตั้งหน้าตระเตรียมทหาร และจัดระเบียบการปกครองอย่างหามรุ่งหามค่ำ วันหนึ่งมีชาวบ้านนำขนจามรีมากำนัลกับเล่าปี่ เล่าปี่เห็นสวยงามดีก็เอาขนนั้นประดับไว้ที่หน้าหมวก ขงเบ้งมาพบเล่าปี่ง่วนอยู่กับขนจามรีจึงร้องถามว่า ท่านเลิกคิดการบ้านการเมืองแล้วหรือ จึงมัวยุ่งอยู่กับของสวยของงามอยู่อย่างนั้น เล่าปี่ก็ละอายใจหยิบหมวกขว้างทิ้งไป แล้วบอกว่าข้าพเจ้าทำเล่นสนุกๆไปอย่างนั้น คือ  ๑ ๔ ๖ ใจอ่อนอยู่ใกล้ใครก็เป็นคนนั้น 
 
ขงเบ้งก็ถามว่า กำลังของเราที่จะต่อต้านโจโฉเวลานี้เป็นอย่างไร เล่าปี่ตอบว่ายังอ่อนมาก ขงเบ้งก็หัวเราะแล้วก็บอกว่า กองทัพของเราเวลานี้มีกำลังไม่ถึงหมื่น อย่างไรเสียโจโฉจะต้องมาโจมตีเรา ทหารหมื่นหนึ่ง จะสู้เขาได้อย่างไร เล่าปี่ก็หน้าเสียแล้วว่า ข้าพเจ้าก็ยังเป็นทุกข์อยู่ ขงเบ้งก็บอกจงเร่งระดมพลเถิด ข้าพเจ้าจะเป็นผู้ฝึกหัดเอง แล้วพอที่จะมีอานุภาพที่จะสู้โจโฉได้ ก็จริงๆ ข่าวศึกก็มาถึง โจโฉให้แฮหัวตุ้นคุมทัพมาตีแล้วก็แพ้ศึก แพ้อุบายของขงเบ้ง คือขงเบ้งแบ่งทัพออกเป็น 3 ทัพ ซุ่มเอาไว้ที่ป่า ซุ่มเอาไว้ที่เขา อีกทัพล่อทัพของโจโฉเข้ามาแล้วรุมตีเหมือนห่อขนม ยุทธวิธีนี้เหมือนค่ายกลคือรุมตีล่อเข้ามาสู่ที่กับดัก เอาชนะได้
 
เอาตั้งแต่เล่าปี่ซ่องสุมกำลังผู้คนพร้อมกับขงเบ้งฝึกหัดทหาร ตอนนั้นซุนกวนได้เป็นเจ้าเมืองกังตั๋ง แล้วซุนกวนเเค้นเล่าเปียวที่ฆ่าซุนเกี่ยนผู้เป็นบิดาตาย ซุนเกี๋ยนได้ตราหยกของแผ่นดิน อ้วนเสี้ยวก็จะแย่งเอาแล้ว ขอให้เล่าเปียวกับหองจอช่วยกันแย่ง แล้วซุนเกี๋ยนตายในที่รบ ซุนกวนแค้นใจมาก ก็เลยยกทัพเรือมาตีเมืองกังแฮ หองจอเจ้าเมืองกังแฮออกสู้รบ ถูกตีแตกพ่ายและถูกฆ่าตายในที่รบ ซุนกวนเอาศีษะหองจอเซ่นวิญญาณซุนเกี๋ยม แล้วเลิกทัพกลับมาเตรียมการตีเมืองเกงจิ๋วอยู่ที่กังตั๋ง 
 
เล่าเปียวตอนนั้น เล่าปี่ไปพบที่เมืองเกงจิ๋ว เล่าปี่ก็เอาขงเบ้งไปด้วย แล้วให้เตียวหุยคุมทหาร ๕๐๐ คุ้มกันไป เล่าปี่กับเล่าเปียวตอนนั้นไม่ได้พบกันเลยตั้งแต่ชัวมอทำอุบายที่จะฆ่าที่เมืองเซียงหยง ก็เลยมาพบกันเป็นครั้งแรก ต่างฝ่ายต่างก็ขอโทษขออภัยกัน เล่าเปียวบอกว่าตัวเองไม่รู้เรื่องนี้เลย เล่าปี่ก็บอกว่าข้าพเจ้าเข้าใจ ชัวมอไม่มีจิตคิดร้ายกับข้าพเจ้า คงเป็นเพราะถูกยุจากพรรคพวกมากกว่า ข้าพเจ้าก็ไม่ถือสาหาโทษอะไร เล่าเปียวเลยหารือว่า ซุนกวนบัดนี้ยกทัพมายึดเมืองกังแฮและฆ่าหองจอตายเสียแล้ว อยากจะให้น้องเรายกทัพไปตีเมืองกังตั๋งเพื่อแก้แค้นให้หองจอง เล่าปี่ก็บอกว่าหองจอนั้นเป็นคนกระด้างและก็ดุร้าย ไม่รู้จักเลี้ยงใจคนก็เลยไม่มีคนดีไว้ใช้ ถ้าจะให้ข้าพเจ้ายกทัพไปตีเมืองกังตั๋งก็ไม่ขัดข้อง แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า หากข้าพเจ้าไปแล้ว โจโฉก็คงรีบยกทัพมาตีเกงจิ๋ว จะเกิดพะวงหน้าพะวงหลังเสียเปล่าๆ ขอให้คิดดูให้ดีเสียก่อน เล่าเปียวก็เห็นจริงด้วย 
 
ช่วงนั้นเล่าเปียวก็บอกว่า เขาค่อนข้างชราแล้ว โรคภัยไข้เจ็บก็เบียดเบียนอยู่ ไม่สามารถบริหารบ้านเมืองให้เรียบร้อยลงไปได้ อยากให้เล่าปี่ช่วยราชการในเกงจิ๋ว แม้ว่าพี่หาบุญไม่แล้ว น้องเราจงเป็นเจ้าเมืองแทนเถิด เล่าปี่ได้ฟังจึงว่า ทำไมจึงได้บอกแบบนั้น ข้าพเจ้าสติปัญญาก็น้อยจะไปรับราชการแทนได้อย่างไร ขงเบ้งนั่งอยู่ด้วยก็ขยิบหูขยิบตาให้เล่าปี่รับคำของเล่าเปียว เล่าปี่ก็ตอบว่า ขอให้เวลาข้าพเจ้าได้ไปตรึกตรองก่อน ตรงนี้เล่าปี่พยายามบอกขงเบ้งว่า รับไม่ได้หรอก เพราะเล่าเปียวมีคุณและคนที่จะครองต่อไปต้องเป็นเล่ากี๋ ลูกเขายังอยู่ จะไปครองได้อย่างไร
 
ย้อนมาถึงเล่ากี๋ มีความแค้นใจแม่เลี้ยง เห็นเล่าปี่เข้ามาพักในเมือง ก็ไปปรับทุกข์กับเล่าปี่ เล่าปี่จึงบอกไปว่า เดี๋ยวอาจะช่วยขอคำแนะนำจากขงเบ้ง ขงเบ้งก็ชี้ช่องว่า เวลานี้เจ้าเมืองกังแฮยังว่างอยู่ ควรจะอ้อนวอนขอคำตำแหน่งนี้ หลีกออกจากสถานการณ์ไปก่อน ให้เล่ากี๋ไปอยู่กังแฮ เพราะหองจอตอนนี้ถูกซุนกวนฆ่าตายไปแล้ว เป็นยุทธวิธีอันหนึ่ง ถ้าหากเราอยู่ในเหตุการณ์ที่ไม่รู้อะไรเป็นอะไร ควรออกจากสถานที่นั้นไปก่อน เล่าเปียวก็ยกตำแหน่งเมืองกังแฮนี่ให้เล่ากี๋ ก็ออกจากสถานการณ์ออกไปอย่างสวยงาม 
 
เมื่อโจโฉปราบอ้วนเสี้ยวเสร็จ ก็เตรียมยกทัพมาตี เล่าปี่ก็ถามขงเบ้งต่อไปจะทำอย่างไรดี ขงเบ้งบอกว่า ซินเอี๋ยคับแคบ การที่จะตั้งรับทัพใหญ่ก็คงจะไม่ใช่ เดี๋ยวทัพใหญ่มาซินเอี๋ยนี้ต้านไม่ไหว ต้องถอยเข้าเกงจิ๋วอย่างเดียว เพราะว่าเมืองจะใหญ่พอรับศึก
 
เล่าปี่ก็ยืนยันคำพูดว่า ข้าพเจ้าสู้เสียใจตายดีกว่าจะทำในสิ่งที่ผิดธรรมเนียม ขงเบ้งก็จนใจ กาลต่อมาก็เป็นไปทำนายของขงเบ้ง อาการป่วยของเล่าเปียวทรุดหนักลงไป เพราะขงเบ้งแหงนดูดาวเรียบร้อยแล้ว บอกว่าไม่นานเป็นหนักแน่ ก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ เล่าเปียวให้คนมาเชิญเล่าปี่อีกครั้งหนึ่ง ทุกคนตกใจพากันไปเมืองเกงจิ๋วทั้งเล่าปี่ เตียวหุย กวนอู เล่าเปียวก็บอกตัวพี่นี้ใกล้ตายแล้วขอฝากลูกไว้ในอุปถัมภ์ด้วย แถมยังทำพินัยกรรมให้เล่าปี่เป็นผู้สำเร็จให้ดูแลเมืองอีกด้วย
 
ยังไม่ทันสั่งเสียจนได้ความ ม้าเร็วก็นำข่าวมารายงานว่า โจโฉยกทัพใหญ่มายังเกงจิ๋ว เล่าเปียวทราบข่าวก็ร้อนใจ รีบเอาพินัยกรรมมอบให้เล่าปี่เป็นผู้อุปถัมภ์เล่ากี๋ แล้วให้เล่ากี๋เป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋วต่อไป ชัวฮูหยินเห็นเช่นนั้นก็โกรธ ปิดประตูชั้นในไม่ยอมให้ใครเข้า เล่ากี๋จากเมืองกังแฮรีบมาก็ปิดประตูไม่ให้เข้า แล้วต่อว่าเล่ากี๋ว่า ตัวเองมาทำไมบ้านเมืองกำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน ให้ไปรักษาเมืองกังแฮไว้ เล่ากี๋ก็อ้อนวอนขอพบหน้าพ่อ นางชัวฮูหยินก็ไม่ยอม เล่าเปียวไข้หนักคอยเล่ากี๋ก็ไม่เห็นมา ในที่สุดไข้ขึ้นสูงก็สิ้นใจตาย ชัวฮูหยินก็รีบเรียกชัวมอ เตียวอุ๋นเข้ามาพบทำพินัยกรรมปลอมขึ้นมาใหม่ ตั้งเล่าจ๋องเป็นเจ้าเมือง แล้วประกาศการตายของเล่าเปียวให้ประชาชนทราบ