ฮวงจุ้ยพื้นฐาน

 

ความรู้จากประเทศจีน – คุนหมิง ต้าลี่
19 ก.ย. 2560

 

อาณาจักรอ้ายลาว, ยูนนาน, ต้ามุง, น่านเจ้า, ชนเผ่าไท, ต้าลี่, สินุโล, เบ้งเฮ็ก, หนานเส้า
 
 
ยายเชื่อว่าเชื้อสายของชาวไทย มีถิ่นกำเนิดในแดนมังกร ในแถบมณฑลยูนนาน จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของอาณาจักรอ้ายลาว ต้ามุง และอาณาจักรน่านเจ้า ตามลำดับ ซึ่งกินอาณาเขตของมณฑลยูนนานทั้งหมดนั้น เป็นอาณาจักรของคนไทย หรือที่เรียกว่า “ชนเผ่าไท” ในสมัยนั้น
 
อาณาจักรน่านเจ้า ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองต้าลี่ในปัจจุบัน ต้าลี่มีกำเนิดตั้งแต่ พ.ศ. ๑๑๙๒ รัชสมัยถังไทจง แห่งราชวงศ์ถัง โดยมีกษัตริย์ ซูนูหลอ หรือเราเคยได้ยินพระนามที่คุ้นหูว่า “สินุโล” ซึ่งเป็นชนเผ่าไทเป็นปฐมกษัตริย์
 
ในเขตน่านเจ้า เป็นเมืองโบราณเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตอนต้น มีชื่อว่า “ไป่จู๋” คืออาณาจักรของชนเผ่าขาว (พ.ศ. ๔๐๔ – ๔๕๗) ต่อมายุคสามก๊ก สมัยขงเบ้งไปรบเบ้งเฮ็ก เปลี่ยนชื่อเป็นแค้วนเกียงล้ง และเจ้าผู้ครองนครยกแคว้นนี้ให้แก่กษัตริย์ซูนูหลอ ตั้งเป็นอาณาจักรหนานเส้า หรือน่านเจ้า ในปีพ.ศ. ๑๑๙๒ ดังกล่าวข้างต้น
 
ในช่วงนั้น คนไทต่างแยกย้ายตั้งตนเป็นอิสระจากจีนถึงหกก๊ก แต่อาณาจักรน่านเจ้าเป็นกลุ่มที่มีอำนาจมากที่สุด สามารถรวมเอาห้าก๊กที่เหลือมาปกครอง ทำให้อาณาจักรน่านเจ้ามีอำนาจมากที่สุด และมีอาณาเขตกว้างขวางที่สุด โดยมีตาลีฟู หรือ ต้าลี่ เป็นเมืองหลวง และการรวมทั้งหกก๊กเข้าด้วยกัน ก็ด้วยฝีมือกษัตริย์น่านเจ้าองค์ที่ ๔ ทรงพระนามว่า “พีล่อโก๊ะ” ซึ่งเป็นชนเผ่าไท
 
ระบบการป้องกันประเทศของชาวน่านเจ้านั้นเข้มแข็งมาก ชายฉกรรจ์ทุกคนต้องเป็นทหาร ในแต่ละท้องถิ่นมีทหารเป็นหมื่นคน และทหารทุกคนสวมหมวกแดง ถือโล่ทำด้วยหนังแรด ไม่สวมรองเท้าและวิ่งในที่กันดารได้เร็วมาก
 
ในด้านทรัพยากรนั้น มีการเลี้ยงไหมและทอผ้า อาหารการกินบริบูรณ์ รวมทั้งการจับสัตว์น้ำเป็นอาหาร การเกษตรดินดี สะสมเสบียงอาหารได้ถูกฤดูกาล
 
ที่เมืองหลวง คือตาลีฟูนั้น มีประวัติอันยาวนาน เดิมชาวบ้านเรียกว่า “อาณาจักรสีม่วง” อยู่ท่ามกลางภูเขาที่มีลักษณะที่ยิ่งใหญ่ เป็นภูเขาประเภทธาตุทองผสมธาตุน้ำหรือเรียกว่า “กี้ไห” เป็นเขาหรือต้องเรียกว่า “ขุนเขา” ที่มีลักษณะเป็นมงคล ส่งเสริมอำนาจและความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักร เป็นภูเขาที่มีลักษณะโอบล้อม เป็นที่เก็บกักพลังงานอันเป็นพลังจากธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ และหล่อหลอมให้บุคคลต้องแข็งแกร่ง มิฉะนั้นก็ต้องถูกกดข่มด้วยความยิ่งใหญ่ของภูเขา ที่มีลักษณะต้องตามตำรา ทั้งเนินเต่าดำ หรือแม้กระทั่งตำแหน่ง มังกรเขียว เสือขาว และกระเจี๊ยบแดง มีแอ่งน้ำธรรมชาติที่กว้างใหญ่ คือ ทะเลสาบเอ๋อไห่
 
เราลองนึกภาพตามโครงสร้างของเนินขุนเขาที่สมบูรณ์ ตามรูป 
 
อาณาจักรอ้ายลาว, ยูนนาน, ต้ามุง, น่านเจ้า, ชนเผ่าไท, ต้าลี่, สินุโล, เบ้งเฮ็ก, หนานเส้า, โครงสร้างฮวงจุ้ย
 
 
ตามโครงสร้างที่เห็นนี้ ลักษณะภูมิประเทศที่ได้เห็นมา จะเป็นลักษณะนี้ทั้งหมด และโดยเหตุแห่งความสมดุลของธรรมชาตินี้เอง ที่ก่อกำเนิดอาณาจักรที่ยิ่งยงในอดีต และถ้าถามต่อว่า แล้วทำไมอาณาจักรที่ยิ่งยงนี้ถึงล่มสลายไปได้ ไม่สืบต่อๆ ไป หรือว่าทำไมไม่กลายเป็นเมืองหลวงของประเทศไปเสียเลย
 
คำถามเหล่านี้มีคำตอบ
 
ใครก็ตามที่ได้ไปประสบพบเห็นด้วยตา ต้องยอมรับในความยิ่งใหญ่ของขุนเขาที่ตั้งตระหง่านสูงเทียมเมฆ แนวเขาที่อ่อนโยนสลับซับซ้อนนั้น ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่มนุษย์ตัวเล็กเพียงหยิบมือเดียว จะต้านหรือรับพลังนั้นได้ทั้งหมด
 
หากช่วงใด มนุษย์ไม่อาจรวมตัวกันเป็นปึกแผ่น ต่างแยกย้ายอยู่กระจัดกระจาย ก็ไม่อาจต้านทานกระแสรุนแรงของธรรมชาติได้ ไม่ว่ากระแสนั้นจะดีหรือไม่ดีก็ตาม แต่อิทธิพลของขุนเขานั้นก็ยังอยู่ เป็นเหตุให้ชนเผ่าต่างๆ เจริญเติบโต แยกย้ายเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยเต็มไปหมด 
 
เปรียบเสมือนมนุษย์ตัวเล็กๆ ที่ไม่อาจต้านทานแรงมหาศาลจากธรรมชาติ จึงทำให้แตกเหล่าแยกกันไป ไม่อาจรวมกันได้ติด แต่จะไปรวมกันได้ตามแรงส่งของพลังมหาศาลนี้ก็โน่นแน่ะ อาณาจักรเชียงแสน อาณาจักรล้านนา และอาณาจักรสุโขทัย ตามลำดับนั่นแหละ ส่งกระแสกันได้ไกลแสนไกลขนาดนั้น
 
ซึ่งอันนี้ จะเข้าหลักเดียวกับ “อิทธิพลของฮวงซุ้ยบรรพชน”  ที่ส่งความเจริญให้แก่ลูกหลานถึงเจ็ดชั่วคน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับพลังของฮวงซุ้ยนั้นว่าจะสมบูรณ์ขนาดไหน
 
โดยเหตุนี้ ในพิชัยสงครามของซุนวู จึงกล่าวไว้เป็นกฎข้อแรกว่า ที่ใดจะเจริญได้ ที่นั่นต้องมี “มรรค” คือความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เนื่องจากในดินแดนแห่งมังกร ที่หมายถึงขุนเขาอันยิ่งใหญ่นั้น มีลักษณะข่มคน หากจะต้านทานธรรมชาติ และเอาธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่สนับสนุน ก็ต้องรวมคนในถิ่นนั้น ในชาตินั้น ให้เป็นปึกแผ่น อยู่รวมกันเป็นปึกใหญ่ เปรียบเสมือนธาตุดินอันหนักแน่นกลมเกลียว จึงจะสามารถรับพลังจากธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ และสร้างชาติสร้างอาณาจักรได้ในที่สุด
 
ประวัติศาสตร์ในการสร้างชาติของชาวจีนจึงมีคุณค่าน่าศึกษา โดยเหตุที่พวกเขาต้องต่อสู้กับพลังธรรมชาติอันเร้นลับ ที่คอยแต่จะทำให้แตกแยกกันตลอดเวลา การต่อสู้อย่างนี้ก่อให้เกิดแนวปรัชญา คติ ค่านิยม วัฒนธรรม ประเพณีต่างๆ รวมทั้งตำราพิชัยสงคราม การทำสงครามเพื่อรวบรวมดินแดน อย่างที่เรารู้กัน
 
การใช้สีสันที่สดใส เป็นวิธีการต่อต้านการสะกดข่มของธรรมชาติอย่างง่ายๆ เราลองคิดดูว่าหากเรายืนอยู่บนภูเขา สิ่งที่จะเป็นจุดเด่นต่อสายตาของเราควรมีสีสันที่สด ดังนั้น สีแดง จึงเป็นสีประจำชาติจีนก็ว่าได้ ซึ่งชาวจีนจะนิยมใช้ในงานมงคลทุกชนิด
 
ชาวเขาหรือชนกลุ่มน้อยในจีน จะมีสีเสื้อผ้าที่สดใสกระจ่าง พวกเขามีสัญชาตญาณการต่อต้านธรรมชาติ มนุษย์ต้องเด่นที่สุด ไม่ใช่ถูกกลืนไปกับสภาพแวดล้อม จนกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต
 
ในตำราเสี่ยงทายของอี้จิง หากใครเสี่ยงเซียมซี ได้ใบที่เกี่ยวกับปลาหลีฮื้อว่ายทวนน้ำผ่านประตูมังกร ถือว่าเป็นใบที่ดีที่สุด ที่คนๆ นั้นจะต้องประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแน่นอน เพราะชาวจีนถือว่า คนที่ทำตนโดดเด่น คนที่ต่อสู้กับชะตากรรมไม่งอมืองอเท้า คือคนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต ความหมายก็คือ คนธรรมดาก็คือปลาหลีฮื้อ และมังกรก็คือความโดดเด่นของคนที่ประสบความสำเร็จนั่นเอง
 
ธรรมชาติที่สมบูรณ์ที่สุดของมณฑลยูนนาน จึงไม่อาจดลบันดาลให้เป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ตลอดไป ถ้าปราศจากการร่วมแรงร่วมใจของบุคคล
 
แต่ความสมบูรณ์ของธรรมชาติ ทำให้มณฑลยูนนาน เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของมนุษย์มาโดยตลอด จากหลักฐานของการค้นพบมนุษย์หยวนโหมว ซึ่งเป็นยุคหินเก่า ห่างจากยุคปัจจุบันถึง ๑,๗๐๐,๐๐๐ ปี มีการขุดค้นพบที่อำเภอหยวนโหมว มณฑลยูนนาน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๘ จัดเป็นมนุษย์ยุคเก่าแก่ที่สุด ที่ขุดค้นพบในทวีปเอเชีย
 
น่าสนใจไหมคะ มณฑลยูนนาน กลับกลายเป็นถิ่นไทยเดิมของเรา สวัสดีค่ะ