ฮวงจุ้ยพื้นฐาน

 

ฮวงซุ้ยมีผลกับลูกหลานอย่างไร ตอนที่ ๑
16 มี.ค. 2560

 

ทำไมร่างของบรรพบุรุษที่อยู่ในฮวงซุ้ยจึงมีผลมาถึงลูกหลานในตระกูลได้ และถ้าไม่มีฮวงซุ้ย ผลจะเป็นอย่างไร

 

เรื่องบรรพบุรุษที่อยู่ในฮวงซุ้ย ต้องรื้อฟื้นถึงเหตุและผลก่อน ตั้งแต่อดีต ชาวจีนมีขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี เคารพผู้อาวุโส แสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ

 

ก่อนจะเสียชีวิต พ่อแม่ก็จะมีความกังวลว่า ลูกหลานจะลำบากต้องมาทำศพให้ หรือว่าจะเอาไปฝังที่ไหน พ่อแม่ก็จะบอกลูกๆ ว่า ให้เอาพ่อแม่ไปไว้ใกล้ๆ ที่นา จะได้เฝ้าดูแลและจะส่งผลให้ลูกมีความเจริญ คือ นาข้าว พืชผล กิจการทั้งหลายมีความรุ่งเรือง ให้ลูกมีความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่เกี่ยวข้องกับกสิกรรม ทำนา ทำสวน ทำไร่ ดังนั้น พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ก็จะบอกว่า เอาไปฝังไว้ที่สูง จะได้มองเห็นที่นาของลูกๆ และจะได้ช่วยเฝ้าดูแล ลูกๆ ก็ทำตามที่บรรพบุรุษสั่ง ทำตามจารีตขนบธรรมเนียมประเพณี ด้วยการเอาไปไว้ที่สูงๆ

 

ต่อมา เมื่ออยู่ใกล้ป่า ก็จะมีสัตว์ร้ายมารบกวน แม้ในตอนแรกจะไม่ได้สังเกต แค่รู้สึกว่าปีนี้นาข้าวแห้งแล้ง ทำอะไรก็ติดขัดไปหมด แสดงว่าเราต้องทำอะไรผิดกับพ่อแม่แน่เลย  ก็เลยกลับไปดู พอกลับไปดูแล้วก็ พบว่าอาจจะมีอะไรมาคุ้ยมาเขี่ย หรือจะมีใครมาทำลาย ลูกหลานก็จัดตกแต่งให้ดี ปลูกดอกไม้ พรวนดินใส่ปุ๋ย คนที่มีอุปนิสัยอย่างนั้น คือคนที่มีความขยันขันแข็ง มีความใส่ใจ บวกกับจิตของความกตัญญู ของความดี ของความมีคุณธรรม ขยันขันแข็ง นาข้าว พืชสวนไร่นาก็เจริญขึ้นมา จึงเป็นคติที่จะต้องดูแลฮวงซุ้ยให้ดี อันนี้เป็นเหตุผลข้อที่ ๑

 

เหตุผลข้อต่อมา เป็นเหตุผลที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น คือ ลัทธิเต๋า เชื่อว่า ร่างกายของคนเรามีองค์ประกอบของ ๕ ธาตุ ใน ๕ ธาตุสรุปมาได้ ๒ อย่าง คือ การเคลื่อนไหวกับไม่เคลื่อนไหว มีชีวิตกับไม่มีชีวิต คือ หยิน-หยาง ต้องสมดุลกัน คนเราจะต้องมีเวลาพักผ่อนในช่วงเวลาที่ร่างกายสงบ ซ่อมแซมในสิ่งที่เสียหายที่ใช้ไปในแต่ละวัน ในขณะที่เวลากลางวันเป็นช่วงของหยาง เป็นเวลาออกไปทำงาน

 

ชีวิตของคนเราในกรอบกว้างๆ จะต้องมีความสมดุลกันระหว่างการพักผ่อนและการทำงาน จิตและวิญญาณ การมีชีวิตหรือลมหายใจเราเรียกว่า หยาง แต่ก็มี หยินของการซ่อมแซมอยู่ เมื่อจิตออกจากร่างไป สภาวะหยินยังอยู่ จึงบอกว่าควรไปฝังในที่ที่ดินดี น้ำดี เมื่อฝนตกชำแรกแทรกซึมลงไปในดิน ดินมีความชุ่มชื้น มีความสมดุลกันระหว่างสองธาตุ คือ หยิน หยาง เมื่อเอาร่างของบรรพบุรุษไปฝังในที่ที่สมดุลกัน ร่างก็จะดูดเอาพละกำลังที่ขาดไป ก็คือหยาง มาไว้ในร่างนั้น เมื่องอกออกมาเป็นต้นไม้รอบๆ บริเวณตรงนั้น มันก็เหมือนสิ่งมีชีวิตที่ดูแล้วงอกงาม มีความเจริญเติมโต ชาวจีนก็มองเห็นแล้วว่า การที่นำบรรพบุรุษไปฝังไว้ในที่ที่ดินดี มีความหมายของความเจริญงอกงามของสรรพสิ่ง เมื่อผนวกกับจารีตประเพณีที่สืบๆต่อกันมา จึงเป็นที่มาของทีคำบอกที่ว่า การฝังบรรพบุรุษแล้ว ร่างที่อยู่ในฮวงซุ้ยมีผลมาถึงลูกหลานที่อยู่ในตระกูลได้ โดยเหตุผลแบบนี้ คือสรรพสิ่ง กับเหตุของการดูแลในที่ดีแล้ว ก็จะส่งความเจริญมาถึงลูกหลาน

 

ส่วนธรรมเนียมแบบไทยที่ฌาปนกิจและเก็บเถ้ากระดูกไว้ตามวัด เราไม่มีฮวงซุ้ยแล้วเราจะเป็นอย่างไร จะส่งผลในทำนองเดียวกันหรือเปล่า ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยประเพณี จารีต ความเชื่อ ในศาสนาพุทธของเรา ถือว่าเมื่อหมดแล้วก็ไม่ต้องยึดติดอีก ที่สุดแล้วก็คืออนัตตา คติของศาสนา ถ้าหากเราฌาปนกิจหมดแล้ว เรามีความเข้าใจในเรื่องของอนัตตา เก็บไว้ที่วัดเป็นที่ที่ดีที่สุด เราก็อาจมีความคิดว่า บรรพบุรุษเราชอบเข้าวัด ท่านอยู่ที่วัด ได้ฟังสวดทุกวัน เราก็มีความสบายใจว่า วัดเป็นที่ที่เหมาะสมกับผู้ที่เรารักและเคารพที่สุด เท่ากับเป็นแนวคิดเดียวกัน ที่มีเจตนาว่าอยู่ในที่ที่ดีที่สุด ก็คงไม่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นธรรมเนียมแบบไทย จีน หรือแม้แต่แม้ฝรั่ง

 

มีคำถามว่าการดูแลรักษาฮวงซุ้ยที่ถูกต้องควรจะเป็นอย่างไร เช่น ปัจจุบันมีการเติมสีที่ป้ายชื่อด้วยสีแดง และสีหยดเหมือนเลือดไหลออกจากป้าย หรือโครงสร้างฮวงซุ้ยที่เริ่มปริร้าวหักเสียหาย หรือการประดับตกแต่งฮวงซุ้ยด้วยธง แล้วเอาธงทิ่มลงในสุสานฮวงซุ้ย หรือเผากระดาษไหว้แล้วไฟลามไปที่พงหญ้าแห้งบนสุสาน อาจารย์ขอบอกว่าที่ถามมาไม่ควรทำทั้งหมด

 

เอาข้อแรกก่อน คือการ เอาสีแดงแต้มชื่อ และสีหยดเหมือนเลือดไหลออกจากป้าย

 

อาจารย์ศึกษาการเขียนอักษรจีนจากพระภิกษุชาวจีน การเขียนอักษรจีนมีพลังสมาธิและปราณที่ต่อเนื่องหรือขาดตอนจะอยู่ที่ตัวอักษรจีน บนลงล่าง ซ้ายไปขวา มีตัวปิดปรานด้วย ดังนั้น ตัวอักษรจีนจะบอกอะไรหลายๆ อย่างมาก ผู้ใดที่ชื่นชอบภาพยนตร์เรื่อง ฮีโร่ ลองเอาวิดีโอมาดู แล้วทบทวนว่า จิ๋นซีฮ่องเต้ นั่งดูอักษร จะเห็นตัวอักษรที่เขียนมา ไม่มีช่องว่างหรือช่องโหว่ เป็นการเขียนที่ต่อเนื่องด้วยพลังสมาธิ และเป็นไปตามลักษณะปราณของโลกคือ บนลงล่าง ตามแรงดึงดูดของโลก ซ้ายไปขวา เขียนไปตามการหมุนเวียนของโลก เส้นรุ้ง เส้นแวง ปราณคือลมหายใจของโลก คือการเขียนอักษรจีนบอกหลายอย่าง ดังนั้น ถ้ามีการเขียนป้ายชื่อ แล้วมีหยดหรือว่าการตวัดพู่กันออกมาแล้วสีแดง ไม่ได้เป็นมงคล กลายเป็นหยดเลือด อันนี้อันตรายคะ ฉะนั้น การที่จะตอก การสลัก หรือทำอะไรที่เป็นอักษรสีแดง ต้องระวังในเรื่องของตัวอักษรให้มากๆ ซึ่งท่านผู้รู้จะมีมากกว่าอาจารย์ในเรื่องของภาษาจีน จงดูในลักษณะแบบนั้น ซึ่งเด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่ทราบ ว่าหยดเลือดเป็นอย่างไร คือมองตรงๆแล้วเหมือนก็คือเหมือน ต้องระวังเรื่องตัวอักษรที่เขียน