- ฮวงจุ้ยพื้นฐาน
- รูปภาพและความหมาย
- ฮวงจุ้ยสำนักงาน
- ฮวงจุ้ยที่ดิน
- ฮวงจุ้ยร้านค้า
- ฮวงจุ้ยบ้านเรือนที่อยู่อาศัย
- ข้อห้ามเกี่ยวกับการเลือกที่อยู่อาศัย
- ทำเลเสียดูอย่างไร
- ดาว ๙ ยุคคืออะไร
- ดวงจีน
- การดูลักษณะภูเขา
- กรณีศึกษาฮวงจุ้ย
- ประสบการณ์การดูทำเลของอาจารย์แอน
- คำคม..ข้อคิด
- เกร็ดความรู้จากพุทธศาสนา
- เกร็ดความรู้ที่ได้จากวรรณคดี
- บทความพิเศษ
28 พ.ค. 2558
ฮวงจุ้ยที่ดิน
ขอทบทวนและเพิ่มเติมสิ่งที่ควรรู้ขั้นพื้นฐาน
การดูที่ดิน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องไปดูพื้นที่ด้วยตนเอง เน้นย้ำ ดูด้วยตนเอง ถึงพื้นที่จริง ไม่สามารถดูได้อย่างแม่นยำผ่านกระดาษ เพราะในกระดาษขาดบรรยากาศ และไม่สามารถมองเห็นภัยที่คุกคามหรือสิ่งที่ปิดทำเลนั้นไว้ เหมือนเมืองลับแลที่สวยงาม แต่เห็นได้เฉพาะคน การศึกษานี้เป็นเพียงพื้นฐานก่อนการตัดสินใจ
การดูที่ดินนั้น สิ่งที่ต้องรู้ คือ ชื่อของสถานที่ตั้ง ทางไป หน้าที่ดิน รูปทรงและทิศทางของที่ ที่จะบอกให้เรารู้ถึงประวัติของที่ เรามาทบทวนแผนภูมินี้ก่อนค่ะ
แผนภูมิสิบสองนักษัตร ฤดูกาล
แผนภูมินี้ ประกอบด้วยความสัมพันธ์ของทิศกับฤดูกาล สิบสองนักษัตร และเดือน ที่เราจะใช้เป็นพื้นฐานประกอบการดูที่ดิน รวมถึงต้องรู้ด้วยว่า ที่ดินนี้ เป็น หรือ ตาย คำว่า เป็น คือ ขายเร็ว ถ้าไม่มีอะไรมาปิดบังโชคลาภนี้ ตาย คือ ออกช้า ต้องมีอย่างอื่นมาเป็นตัวเร่ง หรือทำให้ที่นี้ เป็น ขึ้นมา ทั้งนี้สภาพแวดล้อมที่ต้องไปดูด้วยตาของตนเองมีส่วนกำหนดอย่างมาก
นี่คือ ตำแหน่งที่ดินตัวอย่าง ถนนใหญ่เพชรเกษม เปรียบเหมือนแม่น้ำสายใหญ่ ซอยเหมือนคลองที่แยกไป และแยกจากคลองไป ถ้าเล็กก็คล้ายลำราง ถ้าใหญ่ก็เหมือนคลองที่แยกเข้าบ้าน ที่ดินนี้ ตามลักษณะที่ตั้ง กำเนิดเป็นที่อยู่อาศัย ถ้ามีกิจการก็เป็นกิจการกงสี เป็นที่ดินเปล่าก็มาจากที่อยู่อาศัย หรือ กึ่งที่อยู่กึ่งทำงานไปด้วยในครอบครัว ถ้าเปรียบเป็นคลอง มีทางออกของน้ำ จึงมีการหมุนเวียนที่ดีตามธรรมชาติ ชื่อเพชรเกษม ก็ต้องดูประวัติการค้าแถบนั้นหรือถนนสายนั้น ส่วนใหญ่ ระดับไหนอยู่อาศัย มีกระแสของกิจการใด ขยายตัวขนาดไหน นี่เป็นอันดับแรกของการวิเคราะห์ทางทำเล
สังเกตตั้งแต่ทางเข้า กรณีตัวอย่างที่ดิน ทางเข้าสองข้างทางเป็นต้นไม้ร่มรื่น แต่ลำต้นของต้นไม้ไม่ตั้งตรง ทางเล็ก แปลว่ามอเตอร์ไซค์วิ่งเยอะ และวิ่งเร็ว ทางมอเตอร์ไซค์วิ่ง แสดงว่าถ้าจะซื้อจะขายที่นี้ จะมีคำว่าราคาถูกและมีการต่อรอง เพื่อหาราคาที่ใกล้เคียงราคาประเมินที่สุด หรือถ้าจะซื้อขาย เจ้าของต้องออกค่าโอน หมายความว่า ที่ดินนี้เป็นที่ดินมรดก ไม่ใช่ที่เก็งกำไร การพยากรณ์ขึ้นกับกระแสทางเข้าที่ดินที่ต้องตีโจทย์ตามกระแสที่เด่นที่สุด
หน้าทางเข้า มีลักษณะเหมือนที่อยู่ปลายคลอง ดินอุดม ดูที่แนวต้นมะพร้าว มีคูคลองเล็กๆอยู่ ที่ดินมีตาน้ำ ทั้งนี้ต้องรู้ว่า มะพร้าวชอบขึ้นที่ใด อนุมานว่าอดีตเป็นที่สวน มีคลองเล็กๆตัดผ่าน ตรงข้ามเหมือนเป็นที่เก็บสินค้า คนอยู่ไม่มาก ถ้ามีคนอยู่มาก ที่ดินเหมือนเป็นที่คนงานอยู่สบาย หรือเป็นที่รวมของคนโรงงาน จึงมีกระแสหลงเหลืออยู่ จากรอยถนนที่มีการใช้งานบ่อยครั้ง
ด้านบนคือรูปทรงของที่ดิน สมมติว่าที่ดินนี้หันหลังให้ทิศเหนือ ตำแหน่งที่ขาดเป็นทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ตามพื้นฐานที่เรียน คือ ตำแหน่งผู้ชาย ตำแหน่งพ่อ หรือ ประธาน ที่ดินนี้ไม่อาจตั้งเป็นบริษัทหลักได้ นอกจากจะเป็นโกดัง เป็นบ้าน หรือ เป็นที่ผลิตสินค้า
ถ้าหลังอิงทิศเหนือ รูปที่เฉียงเอียง ระบบน้ำจะมีปัญหา มีความหมายตามอาชีพที่เกี่ยวกับบริการ ดังนั้น อาชีพที่จะไม่มาซื้อที่นี้ คือที่เกี่ยวพันธ์กับทิศหลังอิง เพราะหลังอิงทิศนั้นขาดไป
จากนั้น มาดูตามแผนภูมิด้านบน ที่ดินนี้หันหน้าไปทิศใด ตรงกับเดือนใด คือ เดือนที่จะขายได้ สมมติว่าหันไปทางทิศใต้ ช่วงเวลาขาย คือ เดือนมิถุนายน ตุลาคม และเดือนกุมภาพันธ์ และให้ตรวจสอบเดือนครั้งสุดท้ายที่มีการซื้อขาย และนับไปอีกห้าเดือน ปีที่จะขายได้ ให้ดูจุดเด่นของที่ดินว่าตรงกับปีใด ในแผนภูมิข้างต้น ก็จะบอกปีได้ ในกรณีเป็นที่ดินเปล่า การตั้งป้าย คือตรงจุดปีที่ต้องการจะขาย ป้ายนั้นต้องเด่นกว่าจุดอื่นใดของที่ดินนั้น
ง่ายๆค่ะ แต่ในความเป็นจริง ต้องเข้าไปดูพื้นที่จริง เพราะปัญหาอาจเกิดจากสภาพแวดล้อมอื่นๆ เช่น การคุกคามระยะใกล้ไกล ที่ทำให้การขายนั้นมีอุปสรรค นอกจากนี้ จุดเด่นภายนอกของพื้นที่จะดึงผู้ซื้อประเภทใดเข้ามา
จุดเด่นภายใน คือ ทิศหลังอิง และหน้าที่ดิน ถ้าตรงกับทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศใต้ ทิศเหนือ จะแสดงว่าที่ดินนี้ เป็น จะขายได้เร็ววัน
จุดเด่นภายนอก ดูได้จากสิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ แม้กระทั่งเสาไฟฟ้า ที่จะบอกถึงอุปสรรค และส่งเสริมค่ะ
พลังของที่ เป็นพลังซ้ายหรือขวา ซึ่งต้องเข้าไปตรวจสอบที่พื้นที่ เพื่อจะสรุปว่า เราเปิดประตู หรือ ตั้งป้าย หรือ ถ้าซื้อจะปลูกอาคารทางด้านใด ถึงจะ "อยู่แล้วรวยค่ะ"