โดย...อาจารย์แอน(ษณอนงค์ คำแสนหวี)

ในทางฮวงจุ้ยจะถือว่าทางเข้าก็เป็นส่วนสำคัญ   ดังนั้น ประตูที่เปิดเข้าไปในตัวบ้านจึงเป็นสิ่งที่เราละเลยไม่ได้

ประตูบ้านจัดว่าเป็นอาชีพ เป็นปาก แล้วยังหมายถึง ทรัพย์ ทำให้เราต้องทำให้ประตูบ้านดูสวย ดูดี  ดูโดดเด่น แล้วต้องไม่ทรุด ไม่แตกหัก ไม่เสีย ไม่ร่องรอยกะเทาะ

หากจะเปรียบก็เหมือนกับผู้หญิง ที่ต้องทาปากให้ดูหน้าตาสดใสนั่นล่ะคะ เพราะประตูเปรียบเสมือนเป็นหน้าเป็นตาของเรานั่นเอง เรียกว่าคนจะประทับใจหรือไม่ประทับใจก็ต้องผ่านประตูของเรานี่ล่ะมาก่อน 

แต่ถ้าเป็นประตูรั้วบ้านซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีหลายแบบ ไม่ว่าจะทำด้วยอัลลอยด์ ไม้ ในรูปแบบต่างๆกัน  คนก็มักจะมาถามว่า อาจารย์แอนคะช่วยเลือกประตูให้หน่อยว่าควรเป็นแบบไหนดี

ผู้ถามก็จะได้รับคำตอบไปว่า  วัสดุจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ไม่เป็นไร  แต่สิ่งที่ควรให้ความสำคัญ ก็คือ สี

สมมติว่า บ้านของคุณทาสีไข่ไก่ แต่กลับทาประตูรั้วด้วยสีส้ม จะเป็นการขัดกัน   เนื่องจาก ประตูสีส้มถือว่าเป็นธาตุไฟ  ส่วนสีไข่ไก่คือธาตุทอง  ธาตุไฟข่มธาตุทอง ก็เท่ากับว่าโดนพิฆาต ด้วยเหตุที่ธาตุขัดกัน

นอกจากนี้แล้ว การเลือกใช้สีสันที่โดดเด่นเกินไปเภทภัยก็จะมาลงที่บ้านเราอีกด้วย

บางคนคิดว่าสีแดงสวย  หรือไม่ก็ทำกันสาดสีแดงเพราะคิดว่าจะได้โดดเด่น  แต่จริง ๆ แล้วกลับทำให้รู้สีกร้อนตั้งแต่เข้าบ้านเลย 

อย่างไรก็ดี หากตกแต่งให้กลมกลืน  เช่น ประตูบ้านสีแดง และมีกันสาดสีแดง เราก็เอาไม้เถาเลื้อยสีเขียวออกดอกสีเหลือง แขวนกระดิ่งสีชมพุเสียงดังกรุ๊งกริ๊ง ทำให้บริเวณนั้นมีสีสันหลากลาย เท่ากับทำให้ครบทั้ง 5 ธาตุ การมีประตูและกันสาดสีแดงกลับไม่เป็นไร

 ดังนั้น การจัดบ้านของเราก็ต้องระวังเรื่องของประตูด้วย เพราะเป็นสิ่งแรกที่เห็น จะทำให้ประตูนั้นโดดเด่นขึ้นมาก่อน เราก็ต้องดูกันล่ะว่า จะเด่นในทางไหน ให้ความรู้สึกอย่างไร  เย็น  ร้อน  ชุ่มชื่น ให้ปราณหรือชี่ที่สอดคล้องกับตัวเราหรือเปล่า เช่น เราเป็นคนมีบุคลิกเยือกเย็น ประตูทางเข้าก็ต้องไม่ร้อน  เราเป็นคนเรียบ ประตูก็เรียบ  อย่างนี้เป็นต้น

พอพูดถึงประตู ก็ต้องพูดถึงป้ายที่มีชื่อบ้านที่ติดอยู่หน้าประตูด้วย เพราะบางบ้านก็จะตั้งชื่อบ้านของตน

ถ้าตั้งว่า บ้านร่มเย็นก็แล้วไป  แต่ถ้าชื่อ บ้านไม้งาม แล้วหากในดวงชะตาของเรามีธาตุไม้เยอะอยู่แล้ว  เมื่อมารวมกับชื่อไม้งาม เราก็จะหงุดหงิดมาตั้งแต่เข้าประตูบ้านเลย นั่นคือ หากจะตั้งชื่อบ้าน ก็ต้องรู้ธาตุตัวเองด้วย    

 หรือแม้แต่หากเราไปซื้อบ้านที่หลังอิงตะวันตกซึ่งเป็นธาตุทอง แล้วเราก็มาตั้งชื่อบ้านเป็นธาตุไม้  ธาตุทองกับธาตุไม้มันตัดกัน เท่ากับว่าชื่อบ้านกับพื้นที่พิฆาตกันแล้ว 

หรือบ้านที่ทำกิจการการขายที่ต้องอาศัยความกระตือรือร้น ต้องวิ่งออกไปข้างนอก ต้องนัดลูกค้า แล้วมาตั้งชื่อบ้านว่า บ้านร่มเย็น ให้ความรู้สึกว่า  บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข ไปไหนชักช้า ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ว่องไว ก็ทำงานขายไม่ได้

ดังนั้น การตั้งชื่อบ้านต้องระวัง  คือ ชื่อบ้านต้องสอดคล้องกับธาตุ  สอดคล้องกับดวงดาว  แล้วก็ดูว่าขัดกับซี่หรือปราณของตัวเราไหม เพราะจะมีส่วนสำคัญที่ให้อิทธิพลกับผู้อยู่อาศัย เพราะนั่นเท่ากับว่าบ้านทั้งหลังของเรามีชื่อ 

เคยมีบ้านหลังหนึ่งตั้งชื่อบ้านของเขาตรงๆ เลยว่า บ้านซ่อมแซม แต่ว่าเขาประกอบอาชีพรับเหมาซ่อมแซม อย่างนี้ตั้งได้ถูกต้อง ฉะนั้น ความสอดคล้องนั้นสำคัญที่สุดเลย 

บ้านแต่ละหลังต้องใช้ประกอบกับบุคคล อาชีพ ชื่อของบ้าน ทิศทาง

 นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่บ้านเปิดประตูบ้านออกไปแล้วด้านหน้าเป็นอะไร เช่น เมื่อเปิดประตูออกไป จะเห็นตึกสูงตั้งอยู่ตรงกับประตูบ้านเลย  ถ้าตึกนั้นสูงก็จริง แต่ไม่ได้แหงนคอตั้งบ่า คือระยะ  33 องศา  ก็ไม่เป็นไร  นั่นหมายความว่าเรามีเป้าหมายสูงมากจึงต้องเกิดความทะเยอทะยานในการทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ

แต่ถ้าเป็นถนนแคบและถูกตึกสูงค้ำเลย แบบนี้ถือว่าเราถูกข่ม  เราควรจัดบ้านให้มีดอกไม้ให้มากที่สุด ให้เสมือนเป็นบ้านเล็กในป่าใหญ่ 

หากว่าประตูตรงกับประตูบ้านฝั่งตรงกันข้าม  ในเมื่อเราเปรียบประตูเหมือนปาก นั่นเท่ากับว่า ปากกับปากตรงกัน เราก็แขวนไฟกลม ก็จะเหมือนกับมังกรมาพ่นแก้วไว้ที่หน้าบ้านเรา  เสมือนกับแก้วแหวนเงินทองก็มาลอยอยู่หน้าบ้านเรา 

กรณีประตูบ้านเราไปตรงกับร้านค้าที่เขามีป้าย มุมของป้ายหรือว่าจั่วหลังคาพุ่งชนประตูเราพอดี  อย่างนี้เราคงไปแก้ทำเลของคนอื่นไม่ได้  สิ่งที่เราจะแก้ได้มีอย่างเดียวคือปลูกต้นไม้บัง  หรือไม่ก็แขวนกระดิ่งให้กลายเป็นเป้าธนู แขวนเป็นแป้นบาสเก็ตบอลก็ได้  เรียกว่าวิธีแก้ของอาจารย์แอนจะไม่สร้างศัตรูด้วยค่ะ