- ฮวงจุ้ยพื้นฐาน
- รูปภาพและความหมาย
- ฮวงจุ้ยสำนักงาน
- ฮวงจุ้ยที่ดิน
- ฮวงจุ้ยร้านค้า
- ฮวงจุ้ยบ้านเรือนที่อยู่อาศัย
- ข้อห้ามเกี่ยวกับการเลือกที่อยู่อาศัย
- ทำเลเสียดูอย่างไร
- ดาว ๙ ยุคคืออะไร
- ดวงจีน
- การดูลักษณะภูเขา
- กรณีศึกษาฮวงจุ้ย
- ประสบการณ์การดูทำเลของอาจารย์แอน
- คำคม..ข้อคิด
- เกร็ดความรู้จากพุทธศาสนา
- เกร็ดความรู้ที่ได้จากวรรณคดี
- บทความพิเศษ
2 ก.ค. 2558
ชีวิตคนเราจะมีความเกี่ยวข้องกับหลัก 3 ประสานคือ ฟ้าประทาน ดินบันดาล ประสานบุคคล เวรกรรม อิทธิพลของกรรม และอิทธิพลของดวงดาวนำเรามาเกิด ฟ้าให้มาก็คือ บางคนมีวาสนาหรือไม่มีวาสนา บางคนดำเนินชีวิตแล้ว ทำอย่างไรก็ไม่สูงที่สุด บางคนทำอะไรก็ไม่ขึ้นสักที เช่นนี้เรียกว่าเป็นวาสนาของตัวบุคคล เรามีวิธีการเช็คว่าแต่ละคนมีวาสนาแค่ไหน แล้วต้องจัดทำเลและสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกัน ชีวิตของบุคคลนั้นก็จะเป็นสุขขึ้น
แต่ขณะเดียวกัน บุคคลนั้นก็ต้องรู้ด้วยว่า เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เป็นเพราะเวรกรรมของตนเอง เช่น บางคนทำดีมาตลอดแต่ไม่มีใครเห็น เช่นนี้ก็ต้องมีความเข้าใจว่า เปรียบเหมือนกับการปิดทองหลังพระ นาน ๆ เข้าก็ต้องมีคนเห็น โดยมากบุคคลเหล่านี้มักมีดาวพฤหัสเป็นนิจ ประ หรือพฤหัสเสื่อม ตอนที่เราเกิด ดาวดวงนี้ทำมุมไม่ดีไม่ส่องแสงให้กับเราเพียงพอ ทำให้เราทำอะไรก็เหมือนกับเราได้แสงไม่เพียงพอ ทำให้เราส่องแสงสว่างกระจายแสงออกไปได้ไม่แจ่มชัด เพราะมีดาวบังคับให้เราไปเกิดภายใต้อิทธิพลของดาวแบบนี้ หมายถึงเป็นเวรกรรมนำมา อย่างนี้เป็นจุดที่จะทำให้เราเรียนรู้ว่าจังหวะนี้เป็นจังหวะที่ดาวดวงนี้สำหรับเราไม่ดีเลย ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้น ถ้าเราเคยมีกรรมว่าเราเคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมา เราก็ต้องได้รับผลกรรมในเรื่องของสุขภาพไม่ดี แต่เมื่อใดมันจะเข้ามาสนอง ก็ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อดวงดาวนี้โคจรเข้ามาหรือดวงดาวที่เกี่ยวพันกับชีวิตเราได้รับอันตรายจากดวงดาวอื่นๆ หรือส่องแสงไม่เพียงพอเป็นต้น
นี่คือการศึกษาหลักฟ้าประทานหรือโหราศาสตร์ อาจารย์เลือกใช้ทั้งโหราศาสตร์ไทยและดวงจีน เพราะถือว่าเรื่องดวงชะตาของคนมีความละเอียดซับซ้อน มีกลไกที่มีความเกี่ยวพันกับบุพกรรมและเวรกรรมอันเก่าก่อนด้วย เพราะฉะนั้นความซับซ้อนและความละเอียดนี้คงจะต้องใช้มากกว่าหนึ่งศาสตร์
ถัดจากฟ้าประทานก็เป็นดินบันดาล คือการจับหลักว่าดวงของคนนี้ไปได้แค่ไหน วาสนาเป็นอย่างไร อ่านดวงให้ออกว่าในดวงของบุคคลนั้นมีดาวเสียมากมาย หมายถึงมีข้อห้ามในดวงมาก เราก็ต้องวางทำเลให้สอดคล้องกับดวงชะตาของบุคคลนั้น ทิศทาง ธาตุประจำตัว รวมทั้งลัคนากำเนิดในดวงด้วย ยกตัวอย่างเช่น บางคนเคยดูดวงแล้วถูกทักว่า ดวงแบบนี้ต่อไปไม่ส่งเสริมพ่อแม่ ทำให้ตระกูลเสื่อม จะเรียนไม่จบ จะมีปัญหา คนที่เคยถูกทำนายมาแบบนี้ ถ้ารู้หลักโหราศาสตร์ ก็สามารถแก้ปัญหาให้ตนเองได้ โดยให้เข้าใจว่า บุคคลนั้นไม่สามารถที่จะโตหรือว่าสร้างความเจริญในถิ่นฐานเดิมได้ จะไปได้ดีที่อื่น แล้วอาจจะกตัญญูส่งความช่วยเหลือมา แต่ถ้าดูดวง ณ วันกำเนิดของคนนั้น คือจุดที่ลัคนาอยู่ มีดาวบาปเคราะห์อยู่มากมายและเบียนลัคนาด้วย ซึ่งถ้าโดยทั่วไปก็อาจจะทำนายว่าคนนี้พึ่งไม่ได้ แต่จริง ๆ แล้ว หมายถึงว่าบุคคลนั้นต้องไปโตที่อื่น แล้วก็ไม่สามารถจะอยู่ถิ่นฐานเดิมหรืออยู่ใกล้ชิดกับพ่อแม่หรือญาติพี่น้องเดิมได้ เพราะว่าเราเองต่างหากที่เป็นผู้ถ่วงดวงเขา ไม่ใช่เขามาถ่วงดวงเรา
สามารถอธิบายได้ว่า หลักโหราศาสตร์หากนำมาเปรียบเทียบกับทางพุทธศาสนาแล้ว ทุกคนก็มีข้อดีของตนเอง หากในดวงของคนหนึ่ง มีดวงต้องพินทุบาทว์ ดวงต้องเนรคุณพ่อแม่ หากมองในมุมกลับ สามารถจะมองข้อดีของดวงนี้ได้ เพราะว่าดวงนี้จะมี 2 ด้าน หมายถึงบุคคลจะต้องมีกรรมดี กรรมชั่ว มาประกอบกัน จึงจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แต่ว่ากรรมดีหรือกรรมชั่วจะได้รับการส่งเสริมในด้านไหนมากกว่ากัน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม และขึ้นอยู่กับบุญที่เกิดมามีพ่อแม่ที่มีความเข้าใจ แล้วไม่ใส่ใจกับคำทำนายเหล่านั้น ให้พื้นฐานที่ดีโดยไม่ต้องคิดว่าเลี้ยงแล้วต้องมาตอบแทนผู้เป็นพ่อแม่ในวันข้างหน้า แต่เกิดมาแล้วให้สิ่งที่ดีที่สุดกับเขา คือ สิ่งแวดล้อมที่ดี สิ่งแวดล้อมที่ดีสามารถที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมได้
สรุป ถ้าท่านใดที่ชอบนำดวงของบุตรหลานไปให้คนอื่นทำนาย อย่าไปตระหนกตกใจ หากถูกทักว่าดวงนั้นเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ คงจะต้องหันมาดูของดีของแต่ละคน และยังสามารถนำมาส่งเสริมได้ ทำให้เจริญได้ อย่างที่ว่า ฟ้าประทาน ให้มาแบบนี้ก็มาปรับทำเลซึ่งก็คือดินบันดาล ที่สำคัญคือการสร้างสภาพแวดล้อมของโลก ก็นำหลักพระพุทธศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องคือต้องมีความเมตตา และใจเย็นกับเด็ก อย่าเอาความคิดเห็นของตนเองไปใส่ให้กับเด็ก อย่าเอาอารมณ์ร้อน อารมณ์เสียจากนอกบ้านมาใส่ให้เด็ก อย่าลงโทษด้วยความโมโห แต่ให้ลงโทษด้วยความรักความเมตตาเช่นนี้คือจุดเริ่มต้นของการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับเด็ก
เช่นนี้คือตัวอย่างของฟ้าประทาน และดินบันดาล การวางทำเลในตำแหน่งต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับทิศ ธาตุ และทิศทางที่เขาจะเดิน และก็ประสานบุคคล โดยขัดเกลาตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการกระทำตนซึ่งก็คือจิต ต้องมีความเข้าใจว่า การที่เราทำจิตดีของเราทุก ๆ วัน เป็นการหันเหดาวของเราไปหาดาวศุภเคราะห์ เปิดชีวิตของเราด้วยดาวศุภเคราะห์ สิ่งดี ๆ ก็จะวิ่งเข้ามาหาเรา แต่ถ้าเราเปิดชีวิตด้วยดาวบาปเคราะห์ สิ่งร้าย ๆ ก็วิ่งเข้าหาเรา คำว่าบาปเคราะห์ก็เหมือนกับตีเขาเขาก็ตีเราตอบ เราด่าเขาเขาก็ด่าเราตอบ แต่ถ้าเป็นดาวศุภเคราะห์ เรามีปิยวาจา มีความอ่อนโยน เราก็จะได้รับสิ่งนั้นตอบแทน ความซาบซึ้งใจก็จะเกิดขึ้น มนุษย์มีมโนธรรม มีจิตใจที่ซึมซับและรับทราบเหมือนกันทุกคน สำคัญว่าคนนั้นซึมซับสิ่งใดมาในชีวิต เต็มแล้วหรือยัง เช่น เขาซึมซับแต่สิ่งร้ายมาจนเต็ม ไม่สามารถสอดแทรกสิ่งดี ๆ เข้าไปได้ หรือว่าเขาซึมซับสิ่งที่ดี ๆ มามากจนกระทั่งทำบาปไม่ขึ้น สิ่งร้าย ๆ เข้าไปไม่ได้ อยู่ที่เราซึมซับอะไรมา ตรงนี้สำคัญที่สุด ทุกคนเลือกเองได้ ทางชีวิตของคนเราที่เป็นมงคลก็คือ มงคล 38 ประการ มงคลของชีวิตเป็นการรักษาตนให้เป็นปกติ ดำรงชีวิตให้เป็นสุขโดยที่เรามองเห็นภัยของชีวิต และทางที่จะดำเนินชีวิตได้อย่างปลอดภัย