สำหรับ ผู้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับฮวงจุ้ยโดยผิวเผินคงเข้าใจว่า “ฮวงจุ้ย” เป็นเรื่องราวที่ ”ลองดูก็ได้ไม่เสียหาย” แต่สำหรับผู้ที่สนใจใคร่เรียนรู้กลับเป็นวิชาที่ยิ่งรู้ยิ่งอยากจะเรียนรู้ ให้มากยิ่งๆขึ้นไป เพราะแท้จริงแล้ว เป็นวิชาที่ว่าด้วยความเป็นธรรมชาติ เป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือเลือกธรรมชาติที่อยู่รอบๆตัวให้สอดคล้องกับตัวเราเท่านั้นเอง ความ สนใจของตัวเรามักจะอยู่ที่บ้าน ที่นอน ที่ทำงาน สำหรับเด็กๆ ก็จะเป็นที่นอน ที่ทำให้เรียนเก่ง สำหรับหนุ่มสาวก็จะสนใจที่นอน ที่ทำงานและที่จะทำให้มีแฟน..ซึ่งมักจะถามกันในวงเล็บมากกว่าจะถามนอกวงเล็บ

การจัดบ้านอย่างง่ายๆ เอาสบายไว้ก่อน แต่ถ้าสบายแบบไม่มีสไตล์  แปลว่ารกรุงรัง อย่างนี้ทำไม่ได้ เพราะคำว่า “รก” เป็นปฏิปักษ์อย่างยิ่งกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ การทิ้งข้าวทิ้งของอย่างขาดสติ เป็นการทำลายธรรมชาติอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นการเห็นบ้านรก (ไม่ใช่ บ้า-นรก นะคะ) คือความไม่ใส่ใจ ทำแล้วทิ้ง และข้อสำคัญขาดระเบียบวินัย แต่การปรับแต่งแก้ไขฮวงจุ้ยเป็นการสร้างระเบียบวินัย และเป็นการสร้างลำดับขั้นตอนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ นำมาซึ่งรายได้และความมั่งคั่งในที่สุด

ดังนั้น การแก้ไขทำเลอย่างง่ายที่สุดคือ อย่าทำบ้านรก เริ่มด้วยการจัดของให้เป็นระเบียบก่อน อะไรที่เป็นของตาย ความหมายคือไม่ได้ใช้เลย ควรอย่าให้มีมากมายจนในบ้านของเรามีแต่คำว่าของที่ตายแล้ว ของที่ไม่ได้ใช้เลย และเราก็จะกลายเป็นคนเฉื่อยชา แปรสภาพเป็นของที่ใช้ไม่ได้หรือไม่ได้ใช้ และกลายเป็น “ทำอะไรไม่ขึ้น” ไม่ประสพความสำเร็จในที่สุด

ต่อไปเราก็ต้องเดินดูรอบบ้าน ทั้งในบ้านและนอกบ้าน อย่าไปคิดว่า เอ๊ะ เราว่างมากหรือไง ต้องมาเดินดูบ้านตัวเองทั้งๆที่อยู่มาแต่อ้อนแต่ออก หลับตายังรู้เลยว่าหน้าตาเป็นอย่าง อะไรอยู่ตรงไหน ไม่แน่นะคะ ลองตอบคำถามซิว่า ที่บ้านของคุณ ทรุดตรงไหนบ้างหรือเปล่า มีรอยร้าวตามจุดต่างๆอยู่กี่จุด ตรงไหนที่มีมดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง น้ำท่วมขังอยู่ตรงไหน ต้นไม้ตายกี่ต้น ไฟดับอยู่กี่หลอด และท้ายสุด แม้แต่จิ้งจกมันมีเพิ่มจากปีที่แล้วกี่ตัว

อย่าหาว่าไร้สาระนะคะ เรื่องจิ้งจกนี่แม้ไม่ใช่หลักวิชา แต่เป็นจุดสังเกตว่า บ้านเรามีแมลงมากเกินไป เป็นอาหารของจิ้งจก เรามีที่ที่เป็นซอกซ่อนเร้นมากไป เป็นที่เกิดของจิ้งจก ทั้งคนอยู่น้อยเกินไป สัตว์ทั้งหลายไม่เกรงใจ ไม่เกรงกลัว เป็นลักษณะของหยินที่แรง มีกระแสที่ไม่ค่อยดี เป็นลักษณะเบียนบ่อน และสิ่งที่ตามมา คือ ข้อขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นตามวันเวลา ทะเลาะกันทุกวัน จนในที่สุด ก็แตกหักกันไป ต่อไม่ติดอีกต่อไป แค่จิ้งจกที่เพิ่มขึ้นนี่นะ ….ไม่ธรรมดา

สำรวจเฟอร์นิเจอร์ของคุณว่า คุณใช้สอยได้นั่งบ้างหรือเปล่า หรือไม่เคยใช้สอยเลย บางคนเอาผ้าคลุมไว้ไม่เคยใช้เลย ตั้งแต่ซื้อมาจนลูกโต เกรงว่าจะเก่าเสียดายของ กลายเป็นบ้านที่จัดไม่เสร็จ เราก็เลยทำอะไรไม่สำเร็จจนแล้วจนรอด
คุณเป็นโรคเสียดายของ ซื้อมาไม่ใช้เก็บไว้ชมเล่น ของเก่าก็ไม่กล้าทิ้ง เก็บไว้เสียดายของ คุณได้กระแสของความที่ไม่มีโอกาสใช้ความสามารถได้เต็มที่ คนมีความสามารถที่มีอยู่คุณก็มองข้าม คุณจะเป็นคนที่เสียบริวาร เพราะมีนิสัย หรือกระแสชี่แบบนี้ในตัว

เอาละค่ะชักสงสัย กระแสที่ว่านี้คืออะไร “ชี่” คืออะไร ทำไมมีอิทธิพลกับเราขนาดนี้
“ชี่” คือบรรยากาศ คือกระแสหมุนเวียน ออกเป็นรูปธรรม คือวิถีชีวิตของเรา หรือหนทาง หรือความไปของเราที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นนิสัยของเรา และเราก็จะดึง หรือเลือกคบคน หรือเลือกสิ่งของที่มีกระแส หรือวิถีที่เป็นแบบเรามาอยู่กับตัวเรา เพราะความเคยชินที่เป็นแบบนั้น ไม่ว่า คน สัตว์ สิ่งของ จะมีกระแสอย่างนี้ในตน การจัดวางสิ่งของ ก็เป็นการจัดกระแสหมุนเวียนที่สอดคล้องกับความเป็นเรา

เมื่อเราพอมองออกว่าเราจัด หรือเราเป็นอย่างนี้ ชักมองเห็นความเป็นธรรมดา ไม่ก้าวหน้า หรือมันกำลังนำไปสู่จุดจบ เราก็อยากเปลี่ยนวิถีทาง เช่น เลือกคบคนใหม่ จัดบ้านใหม่ ย้ายงานใหม่ และนี่แหละค่ะเป็นที่มาของ “ฮวงจุ้ย” ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทกับชีวิตเรา

ดังนั้นเราจะสังเกตุว่า เมื่อเราสูญเสีย ไม่ว่าคนที่รัก งานที่รัก สิ่งของที่รัก สัตว์ที่รัก เราก็อยากจะเปลี่ยนแปลงกระแส หรือวงจรชีวิตใหม่ เพราะของเก่าเมื่อจบแล้วก็ต้องจบเลย ไม่รื้อฟื้น และ “มิได้นำพา” อีกต่อไป ทั้งนี้ ก็เป็นหลักวิชาฮวงจุ้ยเหมือนกัน ที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีใหม่ และทุกวิถีทางนั้น ต่างก็มีอายุและมีความเป็นไป และมีจุดจบ ทั้งนี้ก็ต้องไปเกี่ยวพันธ์กับ “ฤกษ์” ในการเริ่มต้นต่อไป

นี่คือบทเริ่มต้นของการเรียนรู้วิชา “ฮวงจุ้ย” และในหน้าอื่นๆคือ วิชา “โหราศาสตร์ดวงดาว” นั่นเอง ติดตามตอนต่อไปนะคะ