สาระจากเมืองมังกร

 

สาระจากเมืองมังกร ตอนที่ 93 เส้นทางความเป็นใหญ่ของโจโฉ(2) โดย อาจารย์แอน
19 มี.ค. 2557

 

สรุปบทความจากรายการ

"สาระจากเมืองมังกร ตอนที่ 93เส้นทางความเป็นใหญ่ของโจโฉ(2)"

 

สามก๊ก, ขงเบ้ง, เล่าปี่, กวนอู, เตียวหุย, โจโฉ, ซุนกวน สามก๊ก, ขงเบ้ง, เล่าปี่, กวนอู, เตียวหุย, โจโฉ, ซุนกวน สามก๊ก, ขงเบ้ง, เล่าปี่, กวนอู, เตียวหุย, โจโฉ, ซุนกวน

 

                ถ้าเราจะเปรียบเทียบระหว่าง โจโฉ เล่าปี่ และซุนกวน ซึ่งมีชาติกำเนิดแตกต่างกัน โจโฉเป็นลูกผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น มีเส้นมีสายภายในวัง มีญาติเป็นถึงหัวหน้าขันที ส่วนเล่าปี่เป็นเชื้อพระวงศ์ที่ในอดีตทำผิดจารีตและออกจากวังและยากจนลงมาทำอาชีพแบบท้องถิ่น จึงเข้าถึงประชาชนและความยากลำบาก เพราะท้ายที่สุดก็ต้องทอเสื่อ ทำรองเท้าขาย ถือว่าเล่าปี่เริ่มจากศูนย์ก็จะเข้าใจความทุกข์ยากลำบากของประชาชน ในขณะที่ซุนกวนเปรียบเสมือนลูกอาเสี่ย ทำการค้าร่ำรวย มีพ่อแม่ส่งเสริม เพราะฉะนั้น การบริหารบุคคลจึงแตกต่างกัน

 สามก๊ก, ขงเบ้ง, เล่าปี่, กวนอู, เตียวหุย, โจโฉ, ซุนกวน

โจโฉเป็นคนมีวินัย รักลูกน้อง มีน้ำใจ มองคนเป็น แต่ถึงเวลาเหี้ยมโหดก็ไม่ลังเล การเลือกใช้คน โจโฉถือคติว่า ไม่ว่าแมวดำแมวขาวถ้าจับหนูได้ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว นั่นมีความหมายว่า จะคนดีหรือคนจน ไม่ว่าจะเป็นโจรหรือชาติกำเนิดจะเป็นอย่างไร หากมีความสามารถ โจโฉก็รับไว้หมดและก็มีน้ำใจให้เสมอเท่ากันหมด อันนี้เป็นเหตุให้ กุยแก ที่ปรึกษา เปรียบเทียบว่าคุณสมบัติของโจโฉย่อมเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ต่างกับอ้วนเสี้ยวที่รักพวกพ้อง เลือกแต่คนที่มีสกุล มีอำนาจ เลือกคนที่ชาติที่ตระกูล ดังนั้น อวสานของอ้วนเสี้ยวจึงมาเร็วเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด ในขณะที่โจโฉนั้นเป็นเยี่ยมในการบริหารงานบุคคล แต่ก็มีจุดเสียไม่เลือกคนไม่เลือกคุณธรรม ดังนั้น ลูกน้องของโจโฉในบั้นปลายก็ชิงอำนาจดั่งเช่น สุมาอี้ สุมาเอียน ในเวลาต่อมาตระกูลสุมาได้ตั้งราชวงศ์จิ้น เพราะว่าลูกน้องนั้นไม่ได้มีคุณธรรมประจำใจดั่งเช่นลูกน้องของเล่าปี่ หรือคนเก่าคนแก่ของซุนกวน

 

 สามก๊ก, ขงเบ้ง, เล่าปี่, กวนอู, เตียวหุย, โจโฉ, ซุนกวน

 

ส่วนในเรื่องของความมีวินัยของโจโฉนั้น เป็นที่เลื่องลือดังที่เล่าให้ฟังมาแล้ว เรื่องที่เฆี่ยนตีผู้มีอิทธิพล ถือว่าโจโฉเป็นผู้ที่เส้นใหญ่จริงๆ จึงกล้าท้าทายอิทธิพลในราชสำนัก แม้กระทั่งในตอนที่ปราบตั๋งโต๊ะที่พาให้ทุกคนส่ายหน้าไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ โจโฉยังหัวเราะเยาะทุกคนแล้วบอกว่าทำไมไม่ถือมีดเข้าไปสังหารเลย และโจโฉก็ทำจริงดังว่า แสดงว่าโจโฉเป็นคนจริง พูดจริงทำจริง ไม่กลัวเกรงอิทธิพลใดๆ ทั้งสิ้น อันนี้เป็นนิสัยในวัยหนุ่ม ในขณะเดียวกัน ถึงเวลาที่เหี้ยมโหดเขาก็ไม่เคยลังเลเลย ครั้งหนึ่ง โจโฉต้องการจะถอยทัพจากการรบประจันหน้ากับข้าศึกที่ต่อสู้กันมาเป็นเวลานานเนื่องจากเสบียงมาไม่ทันทำให้ทหารอดอยาก โจโฉสั่งนายกองเสบียงให้ลดอาหารลงครึ่งหนึ่ง ก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ก่อให้เกิดความไม่พอใจในกองทัพ โจโฉก็แสร้งเรียกนายกองมาบอกว่า เราขอยืมหัวของท่านเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและกองทัพ สั่งตัดหัวนายกองเสบียงและบอกว่าเป็นผู้ที่ยักยอกเสบียง เหล่าทหารหาญทั้งหลายก็เห็นว่า สาเหตุที่ข้าวไม่พอกินไม่ใช่เสบียงมาไม่ทันแต่เพราะมีการยักยอก ความไม่พอใจนั้นก็เปลี่ยนแปลงไป ก็พยายามสู้รบจนชนะในที่สุด อันนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่แสดงถึงความเหี้ยมโหดของโจโฉ แม้จะรักลูกน้องก็ตาม แต่ถึงเวลาเหี้ยมโหดแล้ว หัวหนึ่งคนก็สามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้ นี่คือความสามารถของโจโฉ