ความรู้เกี่ยวกับโหราศาสตร์

 

ดวงดาวต่าง ๆ บนราศีเมษ ตอนที่ ๑
22 ม.ค. 2561

 

ดาวในตำแหน่งต่างๆ มีความหมายในตัวของมันเอง นอกเหนือจากมีความหมายของตัวมันเองแล้ว ถ้าหากเราจะอ่านดวงดาวหรือว่าคำพยากรณ์ในแต่ละบุคคล จริงๆ ต้องมีองค์ประกอบอย่างอื่นด้วย เช่น ดาวที่สถิตอยู่ในราศีต่างๆ ไปสัมพันธ์กับดาวใดบ้าง ซึ่งความสัมพันธ์จะเป็นในลักษณะ
 
กุม คือ อยู่ร่วมในราศีเดียวกัน 
โยค หมายถึง นับไป ๓ ราศีมีดาว (โยคหน้า) หรือ นับไป ๑๑ ราศีมีดาวเรียกว่าโยคหลัง 
หากนับไป ๕ ราศี คือ ความสัมพันธ์ดวงดาวลักษณะตรีโกณ 
ถ้านับไป ๗ ราศีอยู่ตรงกันข้าม คือ ลักษณะเล็ง 
ถ้านับ ๔ เรียกว่าอยู่ในตำแหน่งเบียน คือ เข้มแข็งจนกระทั่งเบียน 
 
คนที่เกิดในช่วงประมาณกลางเมษายนจนถึงประมาณกลางพฤษภาคม จะมีดาว ๑ สถิตอยู่ที่ราศีเมษ มีคุณภาพเป็นอุจจ์ ถือเป็นช่วงที่พระอาทิตย์ใกล้โลกที่สุด และมีความร้อนที่สุด
 
ดาวอาทิตย์อยู่ราศีเมษในดวงชะตาใครก็ตาม หมายความว่า คนๆ นั้นต้องมีชื่อเสียงอย่างแน่นอน เหมือนกับพระอาทิตย์ที่ส่องแสงเจิดจรัสเจิดจ้าอยู่และมีความร้อนในตัว ความร้อนของพระอาทิตย์ซึ่งในตำนานกล่าวไว้ชัดเจนว่า พระชายาไม่สามารถอยู่ใกล้ได้ พ่อตาหรือพระฤาษีต้องขูดเอาผิวกายของพระอาทิตย์ออก แล้วเอาไปทำอาวุธให้กับพระอินทร์แทน เพราะเป็นลักษณะของสายฟ้า
 
ดังนั้นความร้อนของพระอาทิตย์นี้ ถ้ามาปรากฏอยู่ในดวงของใคร ก็จะทำให้คนๆ นั้น นอกจากจะเป็นคนที่มีชื่อเสียง มีเกียรติยศแล้ว แต่ว่ามักจะมีเรื่องร้อนปรากฏขึ้นอยู่กับตัว เช่น อาจจะต้องซ่อมบ้านบ่อย หรือไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ไม่ได้อยู่เป็นที่ สัญจรไปมา ซึ่งเป็นความหมายของความเป็นดาวอาทิตย์หรือเทพอพอลโลโดยสมบูรณ์ คือ จะโคจรไปในที่ต่างๆ เหมือนกับพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก การที่พระอาทิตย์โคจรไปในที่ต่างๆ หมายความถึงการอยู่ไม่เป็นที่ และความร้อนของพระอาทิตย์ ก็จะทำให้เจ้าตัวร้อนด้วยจึงไม่สามารถอยู่เป็นที่ได้
 
บุคคลที่มีดาว ๑ อยู่ที่ราศีเมษ
 
เป็นคนเข้มแข็ง มีชื่อเสียงเกียรติยศ เป็นคนที่รักตัวรักเกียรติ แต่ก็เป็นคนร้อนด้วยเหมือนกัน ตามตำราโบราณบอกว่า มักเที่ยวบ้านอื่นเมืองไกลด้วย แล้วเท่าที่พบเห็นมาและตามประสบการณ์ ดาว ๑ สถิตอยู่ที่ราศีเมษ มักจะมีเพื่อนหญิงและเพื่อนชายเยอะ ถ้าหากดาวในดวงไม่เข้มแข็ง ดาวศุภเคราะห์ไม่เข้มแข็ง ก็อาจจะกลายเป็นคนเจ้าชู้
 
บุคคลที่มีดาว ๒ อยู่ราศีเมษ
 
ราศีเมษเป็นราศีที่อยู่ในกลุ่มของอุตตรกุรุทวีป คือ ราศีฝ่ายเหนือ มีราศีมีน เมษ และพฤษภ ปกติตามตำราบอกว่า หากมีดาวใดสถิตอยู่ที่ราศีมีน เมษ พฤษภ ดาวเหล่านั้นมีกำลัง ถึงแม้จะเป็นดาวร้ายก็บรรเทาความร้ายลงด้วยซ้ำไป คือ อาจจะออกมาในรูปของความรุนแรงของบุคลิกส่วนตัว
 
เมื่อเปรียบดาว ๑ เป็นชาย ดาว ๒ เป็นผู้หญิง เป็นคนที่ใจดี ทำการอะไรก็เร็ว ชอบกินของร้อน และเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบอยู่ภายใต้อาณัติใคร ไม่ชอบให้ใครมาสั่ง เพราะฉะนั้นบุคคลที่มีดาว ๒ อยู่ราศีเมษแล้ว เรียกว่ามีคุณภาพเป็นมหาจักร ก็จะมีนิสัยใจคอไม่ใช่พระจันทร์แท้ๆ คือ สวยแต่จิตใจจะเข้มแข็ง ถ้าเป็นผู้ชายจะหน้าตาหมดจดและดื้อ ไม่ชอบให้ใครมาบังคับมาชี้โน่นชี้นี่ ทำการอะไรก็รวดเร็ว ไม่เชื่องช้าเหมือนดาว ๒ เป็นส่วนมาก มักมีอุปสรรค มักต้องแข่งขันกัน และเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรที่จำเจซ้ำซาก ถ้าหากมีดาวบาปเคราะห์อยู่ด้วย ก็ยิ่งทวีคูณเข้าไปถึงความดื้อ ความแข็ง ความเร็ว 
 
บุคคลที่มีดาว ๓ อยู่ราศีเมษ
 
ถือว่าอยู่ในราศีที่มีกำลังสูงมาก เรียกว่าในโหราศาสตร์ไทยโบราณ ถือเป็นเกษตรเดิม สำหรับโหราศาสตร์สากล โหราศาสตร์สมัยใหม่นั้น ถือว่าราศีเมษ เป็นรังสีของดาว ๓ ด้วย ดาว ๓ ไปสถิตอยู่ที่ราศีเมษ ก็เปรียบเหมือนสถิตที่ราศีของตัวเอง มีดาวใดสถิตอยู่ราศีเมษเท่ากับมีผลกับดาว ๓ โดยตรง
 
ดาว ๓ สถิตอยู่ในราศีเมษ จะมีความเข้มแข็ง อย่างน้อยๆ ถ้าเป็นผู้ชายรับราชการ ในสมัยก่อน เรียกว่า “พระยา” ก็จะเป็นผู้มียศปรากฏ เป็นคนมีชื่อเสียง รู้การงานค้าขาย มีหัวดี มีข้าวของเครื่องใช้มาก สะสมมาก แต่ก็เป็นแผลเต็มตัว เพราะว่าดาว ๓ เป็นดาวแห่งอุบัติเหตุ เป็นคนใจกล้า
 
เท่าที่พบเห็นมา ดาว ๓ อยู่ราศีเมษ มักจะใจร้อน และใจร้อนยิ่งกว่าดาว ๑ อีก ซึ่งจะร้อนและเร็วคิดแล้วทำเลยจะทำให้เสร็จสิ้นไปเลย ถ้าหากอยู่ร่วมกับดาว ๒ และร่วมกับศุภเคราะห์อื่นๆ ความร้อนอันนี้ก็จะลดลงไป แต่ว่าถ้าดาว ๒ กับดาว ๓ อยู่ด้วยกัน ดาว ๒ นั้นก็จะแข็งและดาว ๓ ก็แข็งจะกลายเป็นความที่เห็นตัวเองเป็นหลัก ซึ่งปกติดาว ๓ ที่อยู่เดี่ยวๆ นั้นเอาตัวเองเป็นหลักอยู่แล้ว ยิ่งมีดาว ๒ ที่เป็นมหาจักรอยู่ร่วมด้วยนั้น ทำให้ทั้งดื้อและเอาตัวเองเป็นหลัก ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง
 
แต่ถ้าดาวดวงอื่นๆ มาสถิตอยู่อาจจะทำให้ความร้อนของดาว ๓ ลดลง ยกเว้นดาว ๙ ร่วมดาว ๓ ก็จะยิ่งเร็วมากขึ้นอีก เด็กคนไหนที่มีดาว ๓ และดาว ๙ อยู่ร่วมจะสังเกตได้ชัดเจนว่าจะเครียด ตึง ขมึง และเลือดกำเดาจะไหล
 
บุคคลที่มีดาว ๔ อยู่ราศีเมษ
 
โบราณว่าเป็น “พุธนักเลง”  ปกติดาว ๔ ขึ้นชื่อว่า เจรจาอ่อนหวาน พูดจาไพเราะ เป็นพุธอ่อน พุธรวนเร แต่เมื่ออยู่ราศีเมษแล้ว จะไม่ได้มีความหมายเช่นนั้น ดาว ๔ ที่ราศีเมษนั้น รู้วิชาก็จะรู้จริง แล้วค่อนข้างจะพูดนักเลง พูดอะไรตรงๆ ถ้าหากว่าดาว ๕ ในดวงชะตาไม่ดีด้วยแล้ว มักจะเกี่ยวข้องกับอบายมุข มักกินเหล้า ดังนั้น ถ้าหากเป็นดาว ๔ แล้วยังไปกินเหล้านั้นก็จะไม่เจริญ เนื่องจากดาว ๔ กับดาว ๘ ไม่ค่อยถูกกัน
 
ดาว ๔ หมายถึงนักปราชญ์ รู้มาก รู้เยอะ และถ้าหากเป็นชายมีภรรยาก็เหมือนมีเพื่อนเล่น ซึ่งหมายความว่าตัวเองเหมือนเด็ก เป็นเพื่อนเล่น แต่ตัวเองพูดจาแข็ง นักเลง โผงผาง เฮฮา ตลก ไม่ยอมภรรยา แต่ให้จำไว้ว่า ดาว ๔ ที่ราศีเมษนั้น เป็นพุธนักเลง หมายความว่า จะไม่อ่อนหวานและยกยอปอปั้น แต่จะเป็นคนพูดจริง มีวิชา แต่เราก็ต้องสังเกตว่า ถ้าหันไปในทางอบายมุขแล้ว ก็จะเป็นไปในทางลบหรือเชื่อถือไม่ได้