ความรู้เกี่ยวกับโหราศาสตร์

 

ดวงชะตาสัมพันธ์กับที่อยู่อาศัยอย่างไร ตอนที่ ๒
28 ต.ค. 2560

 

การอ่านเพียงดวงชะตาอย่างเดียวมันไม่เพียงพอ เพราะชีวิตของคนเรามีความซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นด้านสภาพแวดล้อมของที่อยู่อาศัย การอบรมเลี้ยงดู การศึกษา การปฏิบัติตน การดำเนินชีวิต ก็เหมือนกับการอ่านดวงชะตา ก็ย่อมมีความสลับซับซ้อนเช่นกัน ก็คือ ต้องดูสภาพแวดล้อม ดูบ้าน ดูตัวบุคคล ดูความประพฤติ

 

ขอยกตัวอย่างบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านที่มีสิ่งแวดล้อมดี มีฐานะ เป็นบ้านที่ดีทุกอย่าง แต่ว่ามีปัญหาเรื่องลูก เพราะไม่ประสานบุคคล คือไม่เอาใจใส่ลูก มันจะต้องมีอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เป็นจุดเสียทำให้ไม่สมบูรณ์ในชีวิตครอบครัว

 

การดูดวงชะตาเป็นเรื่องซับซ้อน สภาพแวดล้อมก็เช่นกัน เช่นบ้านหลังนี้ หากว่าเราได้เข้าไปพูดคุยกับเด็กก็จะเห็นได้ว่า เด็กขาดอะไร เด็กเป็นลูกคนเดียว ขาดความเป็นตัวของตัวเอง ขาดความไว้ใจจากพ่อแม่ เพราะดูจากลักษณะห้องนอนมันไม่เป็นส่วนตัว เด็กอยากใกล้ชิดกับพ่อแม่ ไม่ต้องการบ้านหลังใหญ่ที่เข้มงวด แต่เขาไม่ได้อะไรสักอย่างในสิ่งที่เขาต้องการ สภาพแวดล้อมจะเปลี่ยนไปตามนิสัยของเด็ก คือเด็กมีความเป็นตัวของตัวเอง เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เขาต้องการสิ่งที่ประสานบุคคล คือต้องการพ่อแม่ สิ่งแวดล้อมที่เป็นทำเล คือห้องที่เหมาะสมกับตัวเขา ซึ่งพ่อแม่สามารถให้ได้หรือไม่ เพราะถ้าให้ได้ก็จะมีผลต่อเด็ก

 

บางคนมีข้อสงสัยว่า บางบ้านจะมีคุณทวด คุณตา คุณยาย มีที่มีทางมากเมื่อลูกหลานออกเรือนแต่ไม่อยากให้ไปไหนไกล ก็มักจะสร้างเรือนหลังเล็กหลังน้อยให้อยู่รวมกันในบริเวณรั้วเดียวกัน ในบ้านหลังใหญ่ บางบ้านอยู่ดีมีความเจริญดี แต่บางบ้านลูกมีปัญหามาก บางบ้านก็มีเล็กน้อย แต่เมื่อมาอยู่ในรั้วเดียวกันหมด กระแสเหล่านี้ยังวนไปวนมาตามหลักในเรื่องของชี่ หากบ้านหลังนี้มีปัญหาเรื่องหุ้นส่วนไม่ดี กระแสไม่ดีเหล่านี้ก็จะส่งมาถึงเรา แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกรรมของแต่ละบุคคล ที่จะส่งให้เขาไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ตรงกับตัวเขา ไม่ตรงกับนิสัยของเขา

 

ถึงตรงนี้ศาสตร์โบราณจะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คือตำแหน่งของบ้านที่เราปลูกนั้น เป็นตำแหน่งอะไรของตัวบุคคลนั้น ไปเสริมทางด้านไหน เพราะศาสตร์โบราณมีความละเอียดลึกซึ้ง มีการจดบันทึกไว้ว่าคนที่เกิดในวันนี้ เดือนนี้ ปีนี้ เกิดมาในลักษณะนี้ ควรจะมีสภาพแวดล้อมแบบไหน เป็นธาตุอะไร ทิศทางเป็นอย่างไร อย่างไรเรียกว่าถูกทิศ อย่างไรเรียกว่าไปตามทิศ หรืออย่างไรที่เรียกว่าขัดแย้งกับธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้เราจำเป็นต้องเรียนรู้ เพื่อที่จะจัดให้เกิดความสมดุลกลมกลืน ระหว่างบุคคลกับสภาพแวดล้อม

 

แต่ความประพฤติของตัวบุคคลและสติกำกับเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือการมีสติในการดำเนินชีวิตตามแนวทางของพระพุทธศาสนา สมมุติบุคคลหนึ่งไม่รู้ในเรื่องสิ่งแวดล้อมเลย และก็ไม่มีโอกาส ไม่ได้พบกับผู้รู้ที่จะให้คำปรึกษา แต่เขาเป็นผู้ที่ปฏิบัติตนดีมาโดยตลอด สร้างความสมดุลให้กับชีวิตด้วยความประพฤติของตน ใจที่ประกอบไปด้วยความสมดุลในตัวของเขา ก็ส่งผลให้เขาเลือกที่อยู่ ข้าวของเครื่องใช้ที่เหมาะสมกับตัวเขาเอง นั่นเป็นเพราะเมื่อบุคคลได้ตั้งความคิดไว้ดีตั้งแต่ต้น สิ่งต่าง ๆ ที่เขาเลือกก็จะดี เกิดความเหมาะสมแก่บุคคล ตามคำที่ว่า “ทำเลร้ายไม่ทำลายคนดี หรือ ทำเลดีไม่ส่งเสริมคนร้าย” เพราะว่าคนดีไม่ว่าไปอยู่ที่ไหน เมื่อมีสิ่งใดที่มันทำให้รู้สึกว่าเกิดความไม่สมดุลขึ้น เขาก็จะไปหยิบจับทำอะไร เพิ่มโน้นแต่งนี้ให้มันหักล้างแก้ไขกันไปได้เอง แต่หากว่าคนไม่ดีไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี แต่จิตใจของเขาไม่ได้ชอบ ไม่รู้สึกพอใจ เขาก็ทำให้สภาพแวดล้อมดี ๆ ที่เขาได้รับ กลายเป็นสภาพแวดล้อมที่เสียไปได้เช่นกัน ตัวบุคคลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด ดวงชะตาเป็นเครื่องประกอบที่จะบอกให้เรารู้หรือเกิดความเข้าใจในชีวิตมากขึ้น

 

แต่เรื่องของทำเล เป็นสิ่งที่ทำให้รู้วิธีการในการจัดการสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับตัวเรา แต่ท้ายที่สุดแล้ว ตัวบุคคลนั้นสำคัญที่สุด เพราะการตรวจดูดวงชะตาของอาจารย์แอน มักที่จะขอดูบ้านที่อยู่อาศัยและพูดคุยถึงวงจรชีวิต เพื่อนำมาประกอบกันเพิ่มเติม เป็นรายละเอียดลึกลงไปในการวิเคราะห์ดวงชะตา ทั้งนี้อาจมีที่ทำนายถูกบ้างผิดบ้างเพราะเราไม่รู้จักเขาทั้งชีวิต เราไม่รู้ว่าเขาอยู่กับสภาพแวดล้อมอย่างไร การดำเนินชีวิตของเขาเป็นมาอย่างไร สภาพครอบครัวหรือหน้าที่การงานเป็นอย่างไร ปฏิบัติหน้าที่ของตนเองได้ครบถ้วนหรือไม่

 

คนที่มีความสนใจ ชอบดูดวง ชอบเรียนรู้หรือชอบการจัดปรับทำเล เมื่อเวลาที่มีใครมาบอกกล่าวอะไร ก็จะมีเหตุผล รู้จักที่จะตั้งคำถาม เพื่อที่จะปรับแต่งให้ตัวเองนั้นสอดคล้องกับดวงชะตาและสภาพแวดล้อม เพราะหากว่าไม่ให้รายละเอียดใดๆ เมื่อตรวจดูดวงชะตาก็นิ่งเงียบไม่แสดงความคิดเห็น ผู้ให้การทำนายคงทำได้เพียงทำนายพื้นฐานดวงชะตา แต่เขาจะไม่สามารถรู้จักตัวคุณเพื่อที่จะบอกหรือแนะนำวิธีแก้ไขได้เลย กลายเป็นว่าไม่ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย

 

แต่เมื่อตัวเราเองมีพื้นฐานไม่ว่าจะศึกษามาจากสำนักใดมาก็ตาม หากผู้ให้คำทำนายให้คำแนะนำอย่างมีเหตุผล ตัวคุณก็จะรู้ได้ถึงวิธีที่จะปรับแต่งแก้ไข ให้เกิดความเหมาะสมกับตัวคุณได้มากกว่าที่จะให้ใครมาบอก

 

ในการตรวจดูดวงชะตา ผู้ที่มีความรู้ทางด้านโหราศาสตร์ จะสามารถวิเคราะห์ได้ว่าบุคคลกับบ้านที่ปรากฎอยู่ในดวงชะตา มีความสอดคล้องกันเพียงไร ในที่นี้ เราให้ไปดูที่ภพพันธุ มีหลายคนที่มีความสงสัยว่าดาวในภพพันธุเป็นดาวดี มีตำแหน่งดี เช่นบางคนลัคนาราศีกันย์ เรือนพันธุมีดาว (๕) ได้เกณฑ์ ปรากฏว่าปัจจุบันบ้านไม่ดีเลย จึงมีคำถามว่า ทำไมสภาพบ้านที่อุดมสมบูรณ์และเป็นเกษตรในดวงชะตา ไม่ตรงกันกับความเป็นจริง การดูภพพันธุเราจะดูแค่ดาวที่ลอยไม่ได้ เพราะว่าดาวนั้นอาจจะถูกกระแสสัมพันธ์ของดาววินาศส่งถึงก็ได้ คือดีตอนต้นแล้วไปพังตอนปลาย หรืออาจจะได้รับกระแสสัมพันธ์จากดาวบาปเคราะห์ เล็ง หรือโยค หรือตรีโกณอยู่ข้างหลัง คือได้มาแล้วมีตำหนิ หรือว่าไปสัมพันธ์กับดาวเนปจูน มักโดนน้ำท่วมตลอด หรือไปสัมพันธ์กับดาวมรณะ มีผลให้เราไม่เหมาะที่จะมีบ้านเป็นของตัวเอง เช่าเขาอยู่ดีกว่า เพราะไม่ว่าจะเป็นมรณะ หรือวินาศหากว่าเราไปเช่าบ้านของคนอื่นอยู่จะได้บ้านดี  แต่ซื้อเองจะได้บ้านไม่ดี มีปัญหา เป็นเพราะเราได้รับกระแสสัมพันธ์จากดาวบาปเคราะห์เหล่านี้เอยู่

 

หรือชายใดถ้ามีดาว (๕) อยู่ในภพพันธุเป็นมหาจักร จะมีบ้านดี แต่หากปรากฏว่ามีดาววินาศมาอยู่ใกล้ กรณีเช่นนี้หากคุณยังพยายามที่จะซื้อบ้านที่ดีและใหญ่โต คุณจะไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ เพราะว่าดาววินาศหมายถึง “การเช่า“ ตัวเราอย่าทำตัวตามค่านิยมของสังคมคือต้องซื้อต้องได้ เพราะบางดวงเช่าอยู่แล้วจะดีจะเจริญ บางดวงซื้อได้แต่ต้องหลังเล็กๆ หากซื้อเป็นหลังใหญ่ก็ไม่เจริญอีก สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นเครื่องบอกเหตุได้เช่นกัน