บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๒๖/๑ - ยุทธศาสตร์เกงจิ๋ว
20 ก.พ. 2561

 

เมืองที่สำคัญที่สุดที่จะก่อให้เกิดการแย่งชิง การยึด หรือว่าเกิดให้เป็นสามก๊กในอนาคตก็คือ เกงจิ๋ว (จิ้งโจว Jingzhou) นี่เอง เพราะว่าเป็นที่หมายปองของทุกคน รวมทั้งโจโฉและซุนกวน เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญ เกงจิ๋ว จัดเป็นอาณาจักรที่มีเมืองโทอยู่ 9 หัวเมือง เมืองตรี จัตวาอยู่ 42 หัวเมือง ทั้งหมดนี่ขึ้นกับเกงจิ๋ว
 
เรามองดูแผนที่ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) และหนังสือของคุณสังข์ พัฒโนทัย จะเห็นว่าเมืองเกงจิ๋วจะอยู่กึ่งกลางพอดี เอาแผนที่เมืองจีนตั้ง ลากเส้นจากด้านตอนใต้ หมายถึงเสฉวนครึ่งหนึ่ง กับทางด้านไปทางตะวันออกเฉียงใต้ คือ ระหว่างด้านตะวันออกเฉียงใต้กับตะวันตกเฉียงใต้ แบ่งอีกครึ่งหนึ่ง ครึ่งทางซ้ายมือของเราจะเป็น จ๊กก๊ก เสฉวน ขวามือเป็นกังตั๋ง ส่วนตอนบนทั้งหมดก็เป็นของวุยก๊ก หรือ ว่าของโจโฉ ดูจากแผนที่จะแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ด้านใต้ระหว่างเสฉวนกับกังตั๋ง และทางด้านตอนเหนือทั้งหมด ในทางภูมิประเทศ ทางตอนเหนือมีความอุดมสมบูรณ์ จะเป็นที่ชุมนุมของเมืองขึ้นไปทางด้านตอนเหนือ ไม่ว่าจะเป็นด้านตะวันตกเฉียงเหนือ เหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือ ครึ่งตอนบนเป็นเขตที่มีเมืองสำคัญมากที่สุด แล้วมีเกงจิ๋วอยู่ทางด้านใต้ของตอนเหนือ เกงจิ๋ว อยู่ระหว่าง 2 ก๊กด้านล่างของตอนใต้
 
เกงจิ๋วจึงเป็นเขตที่มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นจุดทำเลและชัยภูมิที่เหมาะสม จะพูดตามหลักฮวงจุ้ยพิชัยสงคราม อะไรก็ตามที่ตั้งอยู่ตรงกลางแล้วล้อมรอบด้วยความอุดมสมบูรณ์ ตรงกลางนั้นคือ ธาตุดิน ดินอันอุดม ประกอบกับรอบๆ ของเกงจิ๋วมีเขาอยู่ล้อมรอบ ถือว่าเป็นจุดสำคัญ เป็นชัยภูมิที่ดีมาก แต่ว่าชัยภูมิที่ดีอันนี้ก็ยังมีข้อเสีย เพราะอยู่ท่ามกลางปากเสือ มีศัตรูล้อมรอบ จุดที่มีศัตรูล้อมรอบก็เป็นทำเลคล้ายๆ กับดาวอังคาร
เพราะเข้าได้ทุกที่ทุกทาง ไม่ใช่เป็นเมืองอย่างฮูโต๋กับลกเอี๋ยงนั้นก็เป็นเหมือนกับหัวมังกร ส่วนเกงจิ๋วก็จะเหมือนกันที่อุดมสมบูรณ์ มังกรจะกลืนกิน ในขณะที่ทางแคว้นทางล่างตอนใต้ ทางตะวันออกเฉียงใต้ที่เรียกว่า ง่อก๊ก เป็นชายต่อแดนระหว่างนอกแผ่นดินใหญ่เรียกว่า ลำอวด เป็นดินแดนที่หากจะเดินทัพขึ้นมาเมืองหลวงก็ต้องผ่านทางเกงจิ๋วก่อน ส่วนทางด้านขวาของซุนกวนด้านตะวันออกเฉียงใต้ ็จะขึ้นมารบกับโจโฉก็ต้องผ่านเกงจิ๋วอีก เป็นอันว่าใครยึดเกงจิ๋วได้ ก็จะได้ที่อุดมสมบูรณ์ เป็นจุดยุทธศาสตร์ ที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งกับฝ่ายรัฐบาล
 
เขตอันตราย 3 ด้านทางนี้ คงจะมีกระแสที่รุนแรงก็จะส่งผลให้ภายในเมืองเกงจิ๋วที่เสมือนอยู่ตรงทางสามแพร่ง มีความวุ่นวายเหมือนกับจะแตกกันเอง เกงจิ๋วมีเล่าเปียวเป็นผู้ปกครองเมืองอยู่ในตอนนั้น โจโฉเองเรียกว่าปราบขุนศึกใหญ่ได้ คืออ้วนเสี้ยว แล้วก็หันมาปราบเล่าปี่ได้ด้วย เพราะเล่าปี่เองก็ได้ครองเมืองเล็กๆ ถึงจะมีทหารเอกอย่างไร น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ พอแตกมาก็ต้องส่งซุนเขียนมาขอความช่วยเหลือจากเล่าเปียว ขอสวามิภักดิ์ ตอนนั้นเล่าเปียวสามารถแข็งกับโจโฉได้ ส่วนเตียวเลี้ยวก็เข้ากับโจโฉแล้ว เล่าปี่ก็ต้องบ่ายหน้ามาหา แต่การที่มาอยู่ด้วย เล่าเปียวมีทหารเอกอยู่คนหนึ่ง คือ ชัวมอ คนอื่นก็ขุนพลอยพยักว่าอย่างไรก็ว่าตามกัน เพราะว่าชัวมอมีศักดิ์เป็นน้องภรรยา จึงค่อนข้างมีสิทธิ์มีเสียง
 
เมือเล่าปี่ส่งซุนเขียนมาเป็นทูต ชัวมอไม่เห็นด้วยแล้วยังว่าด้วยว่า เล่าปี่ไปอยู่กับใครไม่เห็นยั่งยืนสักราย การที่เล่าเปียวจะรับเล่าปี่เข้ามาอยู่ด้วยต้องดูให้ดีเสียก่อน ถ้าหากโจโฉรู้ว่าเล่าปี่มาอยู่กับพวกเรา ต้องยกทัพมาแน่นอนเพื่อเป็นการก่อศึก ในขณะที่ยังไม่มีเค้ามาก่อนเลย ส่วนอาณาประชาราษฏร์จะได้รับความทุกข์ยากเดือดร้อนเสียเปล่าๆ จึงเห็นว่าควรตัดศีรษะซุนเขียนส่งไปให้โจโฉเอาความชอบไว้ชั้นหนึ่ง
 
คือชัวมอมีใจที่จะเข้าใจกับโจโฉมาตั้งแต่แรก ไม่คิดจะต่อต้านฝ่ายรัฐบาล แต่เล่าเปียวไม่คิดอย่างนั้น ตอนชัวมอพูด ซุนเขียนก็ค่อนข้างหนาวเหมือนกัน เมื่อคุมสติได้ ก็กล่าวกับชัวมอว่า ตัวข้าพเจ้าไม่กลัวตาย ข้าพเจ้านับถือเล่าปี่ เพราะเห็นว่าเป็นคนซื่อสัตย์ มีความจงรักภักดีต่อราชบัลลังก์ เล่าปี่ไปอยู่กับลิโป้ โจโฉ หรือ อ้วนเสี้ยวมาก่อน ก็ด้วยความจำเป็น คราวนี้บ่ายหน้ามาพึ่งเกงจิ๋ว ก็เห็นว่าเล่าเปียวเป็นเชื้อพระวงศ์และแซ่เล่าด้วยกัน เหตุไฉนจึงให้โทษเล่าปี่เช่นนั้นเล่า เล่าเปียวก็พลอยโกรธชัวมอไปด้วย บอกว่าหยุดพูดเสียที เป็นอันว่าตกลงต้อนรับเล่าปี่ไว้ก็แล้วกัน
 
ชัวมอตอนนั้นมีความเจ็บแค้นเล่าปี่ แต่ยังทำอะไรไม่ได้ เล่าเปียวให้ซุนเขียนไปเชิญเล่าปี่มา เล่าเปียวเอาทหารออกจากเมืองไปคอยต้อนรับอย่างดี แล้วกล่าวเชิญด้วยอัธยาศัยไมตรี เล่าปี่ให้กวนอู เตียวหุยและครอบครัวทำความเคารพ เป็นอันว่าเป็นบรรยากาศที่ดี เล่าปี่พักอยู่ในตึกหลังเดียวกัน
 
เกงจิ๋ว, สามก๊ก