บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๓๓/๒ - ขงเบ้งเข้าเมืองกังตั๋ง
31 มี.ค. 2561

 

โปเจ๋า ที่ปรึกษาอีกคนหนึ่งก็เยาะขึ้นว่า  ท่านมาพูดกับเมืองกังตั๋งด้วยลิ้นของเตียวยี่กับโซจิ๋น  หวังจะเกลี้ยกล่อมเมืองกังตั๋งให้เป็นใจกับท่านใช่หรือไม่  ขงเบ้งขนาบว่า ท่านเจรจาดังนี้เสมือนหนึ่งหยามเตียวยี่กับโซจิ๋นว่าเป็นคนดี แต่พูดหาเนื้อหาไม่ได้ แท้จริงบุคคลทั้งสองเป็นวีรชนของชาติ  โซจิ๋นนั้นเป็นสมุหนายก ครองเมืองใหญ่ถึง 8 หัวเมือง เตียวยีเล่า ก็เป็นสมุหนายกถึง ๒ แผ่นดิน ล้วนมีสติปัญญาความสามารถเป็นเลิศ  ทั้งแกล้วกล้าในสงครามยิ่งนัก  อันพวกท่านนั้นเพียงแต่ได้ยินข่าวศึกโจโฉยังตัวสั่นงันงก  เร่งให้ผู้เป็นเจ้านายออกไปสวามิภักดิ์ต่อข้าศึกมิขาดปาก  ยังมาติเตียนผู้อื่นเขาอีกเล่า  โปรเจ๋าก็เงียบไปอีก  
 
ซีหอง ที่ปรึกษาอีกคน ลุกขึ้นถามขงเบ้งว่า ท่านรู้หรือไม่ว่าโจโฉเป็นใคร ขงเบ้งตอบว่าโจโฉเป็นศัตรูของพวกเจ้าเหี้ยนเต้ ใครๆ ก็รู้แจ้ง อยู่ทำไมท่านจึงเอ่ยถามเช่นนี้  ซีหองก็ตอบว่า ท่านสำคัญผิดในสาระสำคัญ อันราชวงศ์ฮั่นนั้นเป็นใหญ่มานานแล้ว ใกล้จะสิ้นอำนาจลง เวลานี้โจโฉเข้าครองเหนือแผ่นดินทั้งผองถึง ๒ ใน ๓ แล้ว ประชาราษฎร์ก็เคารพรักโจโฉอยู่ทั่วไป  เจ้านายของท่านไม่ประมาณกำลัง จะคิดสู้กับโจโฉนั้นเหมือนเอาไข่ไปกระทบหิน  จึงเป็นอันตรายต่อตัวเองอย่างเห็นอยู่นี้ 
 
ขงเบ้งก็ทำเป็นโกรธแล้วก็บอกว่า ท่านพูดเช่นนี้มิชอบมิควร คล้ายไม่รู้จักพ่อแม่ ไม่รู้จักเจ้านาย  อันเล่าปี่เจ้านายของข้าพเจ้าคิดอ่านกระทำทั้งนี้  ด้วยถือเป็นหน้าที่ต่อในหลวง ตัวท่านซิ เป็นข้าแผ่นดินอยู่ในพระเจ้าเหี้ยนเต้แท้ๆ แต่หามีความสำนึกในข้อนี้ไม่ กลับถือว่าพระบรมราชวงศ์ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว  ขอให้ท่านอย่าเจรจาต่อไปเลย  ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาจะฟังท่านอีก  ซีหองอ้าปากไม่ขึ้นเงียบไปอีกคน 
 
ลกเจ็ก ที่ปรึกษาลุกขึ้นตวาดว่า อันโจโฉนี้ มาตราว่าจะข่มขู่พระเจ้าเหี้้ยนเต้และขุนนางเก่าๆอยู่บ้าง  แต่โจโฉก็เป็นเชื้อสายของโจฉำ  ผู้เป็นอุปราชมาแต่แผ่นดินก่อน ส่วนเล่าปี่เจ้านายของท่านนั้น อ้างตัวเป็นเชื้อพระวงศ์ แต่ไม่มีหลักฐานพยานว่าเป็นเชื้อสายของเจ้านายองค์ไหน รู้แต่ว่าเป็นคนทอเสื่อและถักเกือกฟางขายเลี้ยงชีพอยู่ ควรหรือองอาจจะสู้กับโจโฉ ช่างไม่เจียมเนื้อเจียมตัวเสียบ้างเลย  ขงเบ้งหัวเราะลั่นโต้ไปว่า ท่านนี้หรือชื่อลกเจ็ก เมื่อยังเล็กลักส้มออกไปให้มารดา ตอนไปงานอ้วนเสี้ยว  
 
ขงเบ้งก็บอก นั่งลงเถิดข้าพเจ้าจะเจรจาด้วย  ซึ่งท่านนับถือโจโฉ ว่าแต่โจโฉภักดีต่อราชบัลลังก์อย่างโจฉำหรือ โจฉำเคยรวมอำนาจบริหารและใช้อำนาจเผด็จการอย่างโจโฉหรือ  โจโฉทำผ่าเหล่าผ่ากอเช่นนี้  ก็มีแต่คนกำพืดเดียวกันเท่านั้นที่นับถือ  อันเล่าปี่เจ้านายของข้าพเจ้านั้น  พระเจ้าเหี้ยนเต้ให้ตรวจสอบประวัติถูกต้องแล้ว  จึงนับถือเป็นพระเจ้าอา เหตุไฉนท่านจึงบังอาจอ้างว่าไม่มีหลักฐานพยานอะไร  อีกอย่างหนึ่งนั้น ต้นราชวงศ์กษัตริย์ทุกวงศ์  ย่อมมาจากสกุลต่ำด้วยกันทั้งนั้น  พระเจ้าฮั่นโกโจแต่ก่อนก็เป็นแค่พันนายบ้าน  การทอเสื่อถักเกือกฟางขาย  ท่านเห็นเป็นของน่าอายหรือ ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วย  ข้าพเจ้าเห็นว่าคนที่มีความมิชอบธรรมต่างหากที่น่าอาย  และไม่น่าจะมานั่งอยู่ท่ามกลางนักปราชญ์ราชบัณฑิตทั้งหลาย  ลกเจ็กทั้งเจ็บทั้งอายคอตันไม่กล้าพูดต่อไป
 
เหยียมจุ้น เพื่อนของลกเจ๊กโกรธจึงว่า ท่านพูดจาอหังการและบิดเบือนข้อเท็จจริง ข้าพเจ้าเห็นว่าที่ประชุมนี้ไม่ควรเจรจากับท่านต่อไป  อยากจะทราบนักว่า  ท่านนี้ศึกษาคัมภีร์อะไรมาจากไหน  ขงเบ้งจึงว่า คนที่ชอบลอกตำรามาเจรจานั้นจะมีประโยชน์อะไร  บุคคลที่เคยกู้ชาติบ้างเมืองมาแล้วในอดีต ไม่เห็นมีใครถูกถามว่า ศึกษามาจากคัมภีร์อะไรเหมือนกับที่ท่านถามข้าพเจ้านี้  การรณรงค์สงครามย่อมต้องอาศัยปัญญาไหวพริบเป็นสำคัญ  มิใช่จะเอาตำรามากาง เอาแต่พู่กันกับแท่นหมึก เขียนอะไรก็เขียนไปตามสบายอารมณ์  จึงเสียทั้งเวลาและเสียทั้งน้ำหมึก เหยียมจุ้นก็นั่งเงียบไม่พูดอะไร  คอตกด้วยความละอาย  
 
เทียตก ที่ปรึกษาอีกคนจึงร้องว่า ท่านนี้ดีแต่พูดอวดโต จนบัดนี้ พวกเราหารู้ไม่ว่า ท่านศึกษาศิลปศาสตร์มาจากสำนักไหน ข้าพเจ้าจึงเห็นว่านักปราชญ์เท่านั้นจะต้องหัวเราะเย้ยท่านเล่นอย่างแน่นอน  ขงเบ้งตอบว่า ธรรมดานักปราชญ์ย่อมมี ๒ ประเภท ประเภทหนึ่งเป็นปราชญ์แท้ ซื่อตรงต่อหลักวิชา และเกลียดชังคนคดในข้อ งอในกระดูก  อีกประเภทหนึ่งเป็นปราชญ์เทียม  ดีแต่เจรจาเล่น  การอันเป็นประโยชน์สักสิ่งหนึ่งก็หาทำไม่ เป็นนักปราชญ์ประเภทนี้  ถึงจะเขียนคัมภีร์สักร้อยเล่มพันเล่ม  ก็หาไม่เป็นคุณอะไรแก่โลกเลย  ที่ปรึกษาทั้งปวง  เห็นขงเบ้งโต้ตอบมิได้เพลี่ยงพล้ำแก่ผู้ใด  ได้แต่แลดูตากันแล้วนิ่งอยู่  
 
อุยกาย นายทหารผู้ใหญ่จึงพูดด้วยเสียงอันดังว่า ท่านทั้งหลายนี้หาอัชฌาสัยไม่  ขงเบ้งเป็นผู้ที่มีสติปัญญาและเป็นแขกของเรา  มาหาเราด้วยดี  ท่านทั้งหลายกลับตั้งหน้าโขกสับเอากับขงเบ้งคล้ายเป็นศัตรู แต่ศัตรูที่แท้คือโจโฉ กำลังยกทัพมาประชิดติดพรมแดนของเราอยู่แล้ว จะมีใครเดือดร้อนพูดถึงสักคนก็หาไม่  แล้วอุยกายพูดกับขงเบ้งว่า  คำโบราณย่อมว่าพูดไปสองไพเบี้ย  นิ่งเสียตำลึงทอง เหตุใดท่านจึงไม่ไปเจรจากับซุนกวนโดยตรง  มาเสียเวลาพูดกับพวกนี้จะมีประโยชน์อะไร  ขงเบ้งตอบว่า ท่านทั้งหลายนี้มีข้อข้องใจ ข้าพเจ้าจึงต้องชี้แจงเพื่อให้เข้าใจซึ่งกันและกัน  จะนิ่งเสียหาควรไม่ ที่ปรึกษาทั้งหลายพูดไม่ออก