- ฮวงจุ้ยพื้นฐาน
- รูปภาพและความหมาย
- ฮวงจุ้ยสำนักงาน
- ฮวงจุ้ยที่ดิน
- ฮวงจุ้ยร้านค้า
- ฮวงจุ้ยบ้านเรือนที่อยู่อาศัย
- ข้อห้ามเกี่ยวกับการเลือกที่อยู่อาศัย
- ทำเลเสียดูอย่างไร
- ดาว ๙ ยุคคืออะไร
- ดวงจีน
- การดูลักษณะภูเขา
- กรณีศึกษาฮวงจุ้ย
- ประสบการณ์การดูทำเลของอาจารย์แอน
- คำคม..ข้อคิด
- เกร็ดความรู้จากพุทธศาสนา
- เกร็ดความรู้ที่ได้จากวรรณคดี
- บทความพิเศษ
5 ก.ย. 2553
โดยปกติบ้านของเรา เราคงพอจะทราบว่าการไหลเวียนของกระแสชี่หรือความสมดุลระหว่าง หยิน-หยาง เป็นเรื่องสำคัญ และบ้านต้องมีสภาพแวดล้อมที่ดีทั้งภายในและภายนอก คือจะส่งผลดีต่อผู้ที่พักอาศัย จริงๆแล้ว ฮวงจุ้ย นั้นก็คือศาสตร์แห่งการจัดบ้าน ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องเหลวไหล หลายคนบอกว่าต้องฮวงจุ้ยดี กลายเป็นเรื่องไสยศาสตร์ไป อย่างไรก็ตาม ในศาสตร์เก่าแก่โบราณก็ระบุไว้ชัดเจนว่า บ้านที่มีการเปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าในลักษณะใดก็ตาม จะส่งผลต่อการไหลเวียนของกระแสชี่ทันที คือเรานึกถึงหลักของธรรมชาติ อย่างเช่นหน้าต่างแตก หลังคารั่ว หรือมีข้าวของกระจัดกระจายวางไว้ในที่ต่างๆ หรือแม้แต่ท่อน้ำอุดตัน ผนังร้าว มันจะส่งผลกระต่ออารมณ์และความรู้สึกของเรา ก็คือมันจะส่งผลกระทบต่อกระแสชี่หรือพลังปราณที่อยู่รอบๆ ตัวเรา คือมันไม่ราบรื่น และจะส่งผลต่อเจ้าของบ้าน
บ้านที่เสื่อมโทรมก็จะมีลักษณะเหมือนคนที่ชราภาพ สุขภาพไม่ค่อยดี กระเสาะกระแสะ แต่ถ้าหากว่าหมั่นดูแลรักษาสุขภาพก็จะทำให้ชีวิตยืนยาว ดังนั้นการหมั่นดูแลรักษาบ้านให้ดีก็จะมีความสำคัญมาก ไม่เช่นนั้น ก็จะมีผลต่อสุขภาพ อารมณ์ การนึกคิด การกระทำ และจะกระทบกระเทือนไปถึงหน้าที่การงาน การเงินตามลำดับ ข้าวของที่วางไว้ระเกะระกะ ไม่เป็นที่เป็นทางในห้องต่างๆ ก็เป็นตัวหนึ่ง ที่ขัดขวางการไหลเวียนของกระแสชี่ คือไม่ถึงกับว่าต้องเป็นระเบียบไปทุกที่ แต่ให้มองแล้วเป็นธรรมชาติ ไม่ถึงขนาดขัดขวาง ถ้าขัดขวางทางเดินก็หมายถึงว่าขัดขวางการไหลเวียนของกระแสชี่ เปรียบเสมือนการจำกัดการเคลื่อนไหวของผู้ที่อยู่อาศัย และก็หมายถึงอาชีพการงานที่เกิดอุปสรรคได้
อันนี้เป็นหลักกว้างๆ ตั้งแต่ประตูบ้าน ก็คือประตูบ้านควรจะเปิดง่ายไม่ติดขัด ทุกประตูที่อยู่ในบ้าน ถ้าหากว่าผู้ที่อยู่อาศัยต้องออกแรงผลักประตู มันทำให้กระแสชี่ภายในร่างกาย ไม่สมดุล เพราะเราต้องออกแรงมากๆ หรือบางที ประตูเวลาเปิดแล้วดังเอี๊ยดอ๊าด แถมประตูที่ใกล้กันไปกระทบกันอีก หน้าต่างเวลาโดนลมแล้วไปกระทบกันอยู่เสมอ กระแทกเข้าหากันแรงๆ มันเหมือนกับฟันที่กระทบกันเอง ส่งผลให้สุขภาพไม่แข็งแรง หรือว่าเป็นโรคประสาทอ่อนๆ ได้ แล้วมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานด้วย เพราะฉะนั้นเอาตั้งแต่ประตู หน้าต่างที่เราเรียกว่า ทวาร ที่เปรียบเสมือน ตา หู จมูก ของบ้าน หรือว่ากระจกหน้าต่างแตก ความผิดปกติก็อาจจะเกิดขึ้นได้ที่ตา หู จมูก และบางตำราบอกว่าคลอดลูกได้ยากอีกด้วย คือท่อน้ำอุดตัน สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญมาก หรือว่าเปิดประตูมาแล้วเห็นประตูที่ปิดอยู่ เห็นทางตันไปทุกที่ อันนั้นมีโอกาสมากคือทวารถูกปิด ถ้าห้องกระจกเราปิดเอาไว้ก็ควรจะเปิดไฟอย่าให้ดูตัน เพราะฉะนั้นชาวจีนที่เกิดปัญหาเหล่านี้จะแก้ปัญหาต่างๆ ให้สมดุลตั้งแต่รูปทรงของห้อง ไปจนถึงเครื่องเรือน
การจัดตกแต่งเครื่องเรือน หรือการนำวัสดุต่างๆ เข้ามาในบ้าน เฟอร์นิเจอร์มันต้องตั้งใกล้กัน เหมือนเอาคนสองคนมานั่งใกล้กัน วัตถุธรรมในทางธรรมก็คือคนกับวัตถุคล้ายๆ กัน ต่างกันแค่ว่ามีชีวิตกับไม่มีชีวิต สิ่งของที่วางนั้นมีธาตุ อย่างคนเข้าใกล้กัน อารมณ์ต้องใกล้ชิดสนิดสนมกัน เฟอร์นิเจอร์ก็ควรจะอยู่ในธาตุทางเดียวกัน จะทำให้ไม่เกิดความขัดแย้งกัน ถ้าเฟอร์นิเจอร์นั้นธาตุมันต่างกันมากๆ เช่นเอาน้ำกับไฟไปปะทะกัน เอาไมโครเวฟไปตั้งอยู่บนตู้เย็น หรือว่าเอาไม้ไปตั้งอยู่บนโลหะ สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความขัดแย้ง เหมือนคนสองคนที่อยู่ใกล้กันแล้วเกิดความแตกต่างกัน
การจัดเครื่องเรือนในแบบเรขาคณิต ให้ความรู้สึกที่เป็นพิธีรีตอง เป็นเรื่องเป็นราว การใช้เฟอร์นิเจอร์ควรให้เกิดความสมดุลกลมกลืน กลมบ้าง รีบ้าง เหลี่ยมบ้าง จัดให้เหมาะสมเข้ากัน
อย่างที่เราจะเห็นมากที่สุด นอกจากเฟอร์นิเจอร์แล้ว มีรูปภาพ สี เครื่องปั้น รูปปั้น สัตว์ต่างๆ เพราะว่าสิ่งเหล่านี้หากว่าไว้ถูกทิศ ถูกทางก็จะดี ทีนี้เราก็ต้องเรียนรู้ว่า สัตว์อะไรที่เป็นมงคล ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเต่า ปลา ส่วนที่มีอำนาจมีความแข็งแกร่ง เช่น สิงโต ช้าง เสือ ควรเอาวางไว้ตรงแถวห้องรับแขก หรือตรงประตู มากกว่าที่จะวางไว้ในห้องนั่งเล่น หรือวางไว้ตรงห้องของเด็กๆ คืออะไรที่ให้อำนาจความแข็งแกร่ง หรือความน่ากลัวควรจะเลือกที่วาง เต่า ปลา หรือตุ๊กตาอื่นๆ ถ้าเราต้องการให้ลูกมีความอ่อนโยน เราก็ใช้ตุ๊กตาผู้หญิงช่วย มีหลายที่ที่ไปแล้วเห็นว่ามีการนำเอาตุ๊กตาปีศาจมาติดไว้ คืออย่างของอินโด รูปอะไรที่ดุร้าย คนในบ้านจะมีอารมณ์ขุ่นมัว เพราะฉะนั้น รูปภาพที่เรานำมาติด ดูที่มาที่ไปด้วย เหมือนกับวัยรุ่นที่เอารูปไททานิคไปติดไว้ที่ห้องนอน อารมณ์ของเค้าก็จะเหมือนไททานิค คือไม่แน่นอน เพ้อฝันแล้วก็แตก
ลวดลายที่แสดงอยู่บนกำแพงหรือว่าเพดาน ก็อาจจะแสดงความหมายในตัวของมันเอง
รูปเมฆ คือ ความฉลาด กระดองเต่าคือยั่งยืน เหรียญคือความร่ำรวย ต้นสนคืออดทน ช้างคือสติปัญญา นกกระเรียน คือ เด็กที่เรียนเก่ง และความซื่อสัตย์ แปดเซียนก็อายุยืนยาว ดอกบัวคือความอดทน แต่ว่ากำแพงที่เป็นลวดลาย กะเทาะหรือแตก หรือว่ามีลายเขียนต่างๆ ควรจะทาสีปิดเอาไว้เพราะจะทำให้อารมณ์ขุ่นมัว พวกอักษรจีน ต้นไม้ สัญลักษณ์แห่งความโชคดีทั้งหลายจะสามารถนำมาตกแต่งบ้านได้ทั้งหมด
แต่อย่างไรก็ตาม การตกแต่งบ้านต้องแยกแยะให้มีจุดเด่น ไม่ใช่เอาของที่เป็นมงคลไว้เต็มบ้านไปหมด บ้านจะไม่มีจุดเด่น ถ้าหากว่าเราเห็นอะไรต่างๆ มีของตกแต่งกระจุ๋มกระจิ๋มเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็มีจุดเด่นอยู่หนึ่งอัน อันนั้นจะมีผลที่จะให้ความรุ่งเรือง ให้ความฉลาด หรืออะไรต่างๆ ไม่ใช่ว่าในห้องเด็กเรียน เราติดทั้งรูปเมฆ รูปนกกระเรียน เอาหมดทุกอย่าง ปรากฏว่าเด่นหมดทุกอย่างแบบนี้ไม่ได้ผล เพราะฉะนั้นการตกแต่งควรจะตกแต่งในลักษณะที่ว่า เข้ามาแล้วอะไรเป็นจุดเด่น อย่างเช่นห้องอาหาร โต๊ะอาหาร รูปภาพ การกินอาหารอร่อย เป็นจุดเด่น ถ้าห้องอาหารวางไว้หมดทุกอย่างที่ดีก็ไม่มีอะไรเป็นจุดเด่น อันนี้ก็จะทำให้หงุดหงิด
บางบ้านนิยมภาพวิวทิวทัศน์ แสดงให้เห็นถึงความสมดุลธรรมชาติ อันนี้ดี แต่เน้นว่าต้องสมดุลในทางธรรมชาติ เช่นภูเขาที่แข็งแกร่งและก็มีสายน้ำที่ไหลอย่างอ่อนโยน มีนกบิน คือดูแล้วกลมกลืนธรรมชาติ แต่ถ้าดูแล้ว รูปนั้นหมายถึงพายุที่กำลังจะเกิด สงครามกำลังจะมาแล้ว คนกำลังลำบากกำลังแบกของ ช้างกำลังทนทุกข์ทรมานกับการลากซุง สิ่งเหล่านี้ไม่เกิดความสมดุลกับธรรมชาติ ก็พลอยทำให้บ้านเราขาดความสมดุลไปด้วย อารมณ์ก็แปรปรวน เพราะฉะนั้นบางครั้งภาพวาดที่แสดงถึงความสมดุลในธรรมชาติจะมีค่ามากกว่าปากัวเสียอีก ปากัวคือสัญลักษณ์ของความสมดุลแต่ถ้าหากว่าเรามีภาพวาดทั้งหลังเลย เป็นภาพที่แสดงถึงความสมดุล ก็หมายถึงบ้านเรามีความสมดุลแล้ว ไม่จำเป็นต้องติดแปดเหลี่ยมหรือปากัวอีก