บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๖/๒ - โจโฉ
21 พ.ย. 2558

 

เมื่อโจโฉ อายุได้ ๒๐ ปี ซึ่งเป็นอายุของ ดาว ๔ โจโฉ ก็รับราชการเป็นทหารในพระนครลกเอี๋ยง ชีวิตก็เริ่มต้นนับหนึ่ง ตั้งแต่ตอนนั้น

 

โจโฉแสดงความมีอำนาจเด็ดขาดของตนตั้งแต่ตอนนั้น ตั้งไม้เรียวอาญาสิทธิ์ ๕๐ อัน ไว้ทั้ง ๔ ประตู ออกประกาศ ห้ามประชาชนถืออาวุธในยามวิกาล ขนาดอาของขันทีผู้ใหญ่ออกจากบ้านยามวิกาล (คงไปหาเมียน้อย) ยังถูกจับมาเฆี่ยนตีเสีย ๑๕ ที

 

โจโฉ เป็นคนหนึ่งที่กล้าห้ามโฮจิ้น นำตั๋งโต๊ะมาปราบขันทีทั้ง ๑๐ เป็นคนมองการณ์ไกล อันเป็นอิทธิพลของดาว ๔ อีกเช่นกัน

 

ครั้งหนึ่ง อาสาอ้องอุ้มฆ่าตั๋งโต๊ะ โดยพกมีดสั้นเล็ก ๆ เข้าไป แต่ทำการไม่สำเร็จ ตั๋งโต๊ะไหวทันเสียก่อน โจโฉหนีไปได้ โจโฉตั้งใจจะหนีไปหาพ่อของตนเพื่อรวบรวมคน แต่เมื่อมาถึงเมืองจงพวน ก็ถูกจับเสียก่อน โดยมีตันก๋ง ผู้เป็นเจ้าเมืองเป็นคนสอบสวน แต่เนื่องจากตันก๋งนั้น มีใจนิยมโจโฉ จึงลอบไปหาตอนกลางคืน แสดงความชื่นชมในความกล้าหาญที่ลอบฆ่าทรราชตั๋งโต๊ะ แล้วพาโจโฉหนีไปด้วยกัน ต้องการร่วมมือกับโจโฉ เพื่อปราบทรราช

 

แต่ตอนที่หนีไปด้วยกัน เกิดเห็นนิสัยที่แท้จริงของโจโฉเสียก่อน คือ ก่อนจะถึงบ้านของพ่อ ก็ต้องผ่านบ้านเพื่อนพ่อก่อน มีนามว่า “แปะเฉีย” ซึ่ง แปะเฉีย ก็มีน้ำใจ ให้การต้อนรับ โจโฉกับตันก๋ง เป็นอย่างดี แต่ว่าดีเกินไป คือ เมื่อทั้งสองเดินทางไปถึง เป็นเวลาเย็น แปะเฉียเชื้อเชิญให้ทั้งสองเข้าไปพักผ่อน แล้วตนเองก็เข้าไปในบ้านสั่งให้ทำหมูและไก่เลี้ยงแขก สักครู่ใหญ่ก็ออกมาบอกกับโจโฉว่า สุราดีไม่มีดื่ม ข้าพเจ้าจะไปตลาดจะหามาให้ ว่าแล้วก็รีบออกจากบ้านไป

 

ทีนี้ ตอนที่โจโฉกับตันก๋งนั่งอยู่ในบ้านเกิดได้ยินเสียงลับมีด (เป็นเราคงเข้าไปช่วยในครัว ตำส้มตำให้เป็นที่สำราญ) แต่โจโฉขี้ระแวงก็พูดกับตันก๋งว่า แปะเฉีย เป็นเพื่อนเกลอของบิดาข้าพเจ้าก็จริง แต่เข้าไปตลาดนานแล้วไม่เห็นกลับมา เห็นทีจะไปบอกผู้ใหญ่บ้านให้มาจับตัวเรากระมัง ควรไปดูลาดเลาเสียหน่อยแล้ว

 

ทั้งสองก็ค่อย ๆ ย่องไปหลังบ้าน เกิดได้ยินเสียงคนปรึกษากันว่า มัดไว้ก่อนดี หรือจะเชือดทีเดียว เพียงได้ยินนะคะ ไม่ได้โผล่หน้าออกไปดู ขวัญบินแล้ว เข้าใจว่า คนในบ้านคิดการจะจับตัว ก็บอกกับตันก๋งว่า คิดแล้วไม่มีผิด จะเล่นงานเราแน่ ๆ ถ้าไม่ฆ่ามันก่อน มันคงต้องฆ่าเรา

 

ในทันทีนั้น คนทั้งสองก็ชักกระบี่ออกมา ไล่ฆ่าผู้คนและลูกเมียของแปะเฉียตายหมดสิ้น รวม ๘ คน แต่พอเข้าไปเห็นหมูตัวหนึ่งถูกมัดไว้ก็ตกใจ ตันก๋ง กล่าวว่า นี่เขาเชือดหมูต่างหาก มิใช่มีเจตนาฆ่าเราเลย เรานี้มีโทษผิดมหันต์ ถึงกับฆ่าฟันลูกเมียผู้มีพระคุณ

 

 

สามก๊ก, ขงเบ้ง, เล่าปี่, กวนอู, เตียวหุย, โจโฉ, ซุนกวน

 

โจโฉกับตันก๋ง ก็รีบขึ้นม้าหนีออกจากบ้าน พอมาได้สักครู่ก็สวนทางกับแปะเฉีย มีเหล้าองุ่น ๒ ขวดกับผักผลไม้เยอะแยะไปหมด บรรทุกอยู่บนหลังลา (คืนนี้กะเมาเละ)

 


แปะเฉีย เห็นบุคคลทั้งสองลุกลี้ลุกลน ก็ส่งเสียงถามว่า “จะไปไหนกัน”
โจโฉ ก็พูดว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนมีความผิดติดตัว เห็นจะอยู่นานไม่ได้ จะขอลาท่านไปก่อน”

 

แปะเฉีย ยังไม่รู้สึก ก็ตีโพยตีพาย ตามประสาคนที่ซื้อข้าวของมาเยอะ แถมบอกว่า “ข้าพเจ้าสั่งฆ่าหมูไว้ที่บ้านแล้ว ทำไมไม่อยู่กินอาหารด้วยกันเสียก่อน”

 


ไหนเลยที่คนทั้งสองจะยอมอยู่ ต่างก็ควบม้าหนีไป พอไปได้ซักระยะ เกิดคิดระแวงอีก เลยหวนกลับมาชักกระบี่ฟันแปะเฉียตาย โดยที่ยังไม่ได้ถามหรือพูดจาอะไรอีกเลย

 

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “เวลาจะฆ่าสัตว์เลี้ยงแขก” ต้องออกมาป่าวประกาศบอกให้รู้แจ้งไปเลย และข้อต่อมา คือ ต้องให้แขกที่มาหานั่นแหละ ไปซื้ออาหารมากินเอง เขาจะได้ไม่หวาดระแวงเรา เหมือนอีตาโจโฉ