บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๔๙/๒ - บังทองตาย
14 ส.ค. 2561

 

รุ่งเช้า ทัพเล่าปี่กับบังทองก็เคลื่อนออกจากด่านโปยซิก๋วน เล่าปี่กับบังทองขึ้นม้าเคียงกันออกมา ทันใดนั้น ม้าของบังทองก็ตื่น สะบัดบังทองตกลงจากหลัง เล่าปี่กระโดดเข้ารั้งบังเหียนไว้จนม้าหยุด แล้วจึงถามว่า ทําไมท่านจึงขี่ม้าเลวๆ อย่างนี้ บังทองตอบว่า ข้าพเจ้าขี่มันมานานแล้ว ไม่เคยเห็นพยศอย่างวันนี้ เป็นลางครั้งที่ ๓ เล่าปี่ก็บอกว่า มันพยศ เป็นอันตรายต่อเจ้าของ ท่านจงเอาม้าของข้าพเจ้าไปเถิด เป็นม้าที่ฝึกดีแล้ว ข้าพเจ้าจะขี่ม้าของท่านเอง บังทองก็เปลี่ยนมากับเล่าปี่ แล้วกล่าวว่า บุญคุณของท่านนี้ ตายแล้วเกิดใหม่ ๑,๐๐๐ ชาติยังใช้หนี้ไม่หมด 
 
เมื่อแยกทางกันไปแล้ว เล่าปี่ก็พะวงหน้าพะวงหลังตลอด พอบังทองเข้าสู่บริเวณซอก เขา ทางยิ่งขรุขระคับแคบเข้าทุกที เวลานั้นเป็นปลายฤดูร้อน ป่าสองข้างทางหนาทึบมองไม่เห็นข้างใน บังทองใจไม่ดีจึงชักม้าให้หยุด แล้วถามทหารพื้นเมืองว่า ที่นี่เรียกว่าอะไร ทหารคนหนึ่งตอบว่า เนินหงส์ตาย 
 
ตอนนั้น อาทิตย์เข้าสู่เรือนวินาศของดวงเมือง ด้วยคาบเกี่ยวระหว่างเป็นประกับเรือนวินาศ คือบุคคลสําคัญจะต้องตาย บังทองได้ฟังก็สะดุ้ง นึกในใจว่าเป็นลางร้ายกับตัวกูแล้ว อาจารย์ให้ฉายาว่า หงส์ ๕ สี เนินนี้เป็นเนินหงส์ด้วยจะถือเป็นมงคลอะไรได้ 
 
ข้อนี้เป็นข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งว่า ชื่อสําคัญมาก สามารถจะบอกเหตุตรงนี้ได้ทันที  เหตุการณ์ตอนนี้ ไม่ว่าเรื่องจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม แต่ก็แต่งจากตําราพิชัยสงครามว่า ชื่อกับแม่ทัพ ชื่อจะต้องสอดคล้องกัน ถ้าเอ่ยชื่อเนินหงส์ตาย แม่ทัพชื่อหงส์ก็ชัดเจน ชื่อนั้นมีความสําคัญมาก 
 
บังทองคิดแล้วก็สั่งให้ทหารหยุด ฝ่ายเตียวหยิมคุมกําลังมาซุ่มคอยสกัดอยู่ ๒ ข้างทาง เห็นม้าขาวที่บังทองขี่ จําได้ว่าเป็นม้าของเล่าปี่ คิดว่าเล่าปี่ขี่มาเองก็ดีใจ สั่งให้จุดประทัดสัญญาณขึ้น ทหารเตียวหยิมระดมยิงเกาทัณฑ์ไปที่บังทองดังห่าฝน ถูกบังทองเป็นกําลังเหลือที่จะปิดป้องได้ บังทองตกจากหลังม้าขาดใจตาย อายุได้ ๓๖ ปีเท่ากับจิวยี่ ทัพของบังทองแตกร่นไปสมทบกับทัพเล่าปี่ ทัพเมืองเสฉวนไล่ตามตีจนทัพเล่าปี่ต้องถอยร่นกลับไปที่ด่านโปยซิก๋วนตามเดิม 
 
เล่าปี่รู้ว่าบังทองถูกยิงตาย จึงหันหน้าไปทางเนินเขาหงส์ตาย ร้องไห้อาลัยจบสลบไป พอฟื้นขึ้นมาก็ให้แต่งเครื่องซ่นไหว้ ทําบุญอุทิศให้แก่บังทอง เมื่อคลายโศกแล้ว เล่าปี่เห็นว่าการรบติดพันอยู่ จะตีหักเข้าไปก็มิได้ จะถอยหลังออกมาก็ไม่สะดวก คือในช่วงที่อาทิตย์ไม่ดี การรบเข้าป่าในที่ที่ไม่มีแสงอาทิตย์ด้วย ก็เข้าดวง คือไม่สามารถที่จะรบกัน หาทางออกไม่ได้ พลังก็ไม่มี แล้วคนที่ไปรบ ชื่อก็ไปทํานองหงส์  เป็นธาตุไฟเหมือนดาวอาทิตย์ ครุฑนาม เมื่อไปสู่ที่ครุฑ ไม่สามารถที่จะบินได้ แถมเป็นชอกเขาอีก ก็ไปไม่รอดอยู่ดี ไม่รู้จะทําอย่างไร ตัวเองก็พลอยติดกับไปด้วย เล่าปี่ก็ส่งม้าเร็วไปเชิญตัวขงเบ้งที่เมืองเกงจิ๋วให้มาช่วยรบ 
 
ขงเบ้งมอบหมายบ้านเมืองให้กวนอูดูแล ให้เตียวหุยคุมทหารหมื่นหนึ่ง เดินไปทางบก เข้าตีลกเสียทางด้านตะวันตก ให้จูล่งคุมทหารอีกหนึ่งหมื่นเป็นกองหน้าทัพเรือ ขงเบ้งคุมทหารหมื่นห้าพันเป็นกองหลวง ยกไปช่วยเล่าปี เล่าปี่ได้กําลังทหาร ได้ขงเบ้งมาอํานวยการรบ กําลังใจดีขึ้นก็รบชนะ จูล่งจับงอกี้ได้นํามาให้เล่าปี่ เล่าปี่เห็นเป็นน้องภรรยาของเล่าเจี้ยงก็ไม่ฆ่า 
 
ต่อมาเตียวหุยจับเตียวหยิมผู้ฆ่าบังทองได้อีก เล่าปี่ก็ถามเตียวหยิมว่า เวลานี้ทหารในเมืองลกเสียออกมาสวามิภักดิ์หมดแล้ว ทําไมท่านจึงดื้อด้านอยู่ เตียวหยิมตอบว่า ข้าจะไม่เป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนาย ไม่สวามิภักดิ์ต่อใครทั้งสิ้น เล่าปี่ก็บอกว่า ไม่รู้จักยุคสมัย ถ้ายอมสวามิภักดิ์โดยดีจะเลี้ยงไว้ เตียวหยิมตวาดว่า มึงฆ่ากูเสียเถิด จะไม่ยอมทรยศต่อเจ้านายกูเป็นอันขาด ก็เลยต้องถูกประหาร แล้วเล่าปี่ให้ฝังศพไว้ที่ตรงสะพานเข้าเมือง แต่งฮวงซุ้ยอย่างสง่างาม จารึกอักษรไว้หน้าศพว่า เตียวหยิม ผู้ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน หวังให้ประชาชนที่สัญจรไปมา รําลึกถึงคุณงามความดีของเตียวหยิม 
 
ครั้นเล่าปี่ตีได้เมืองลกเสียแล้ว คราวนี้เล่าเจี้ยงไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ก็แต่งทูตไปขอกําลังจากเตียวล่อ เจ้าเมืองฮันต๋ง โดยสัญญาว่า ถ้าขับไล่เล่าปี่ไปได้แล้ว จะยกเมืองให้ ๒๐ เมือง ตอนนั้นเป็นเวลาเดียวกับที่ม้าเฉียวมาพึ่งบุญเตียวล่อ
 
บังทองจะมีลักษณะเสีย คือ รูปชั่วตัวดํา ผิวพรรณหยาบ แล้วยังโอหังว่ามีสติปัญญาเหนือคนอื่น อันนี้ก็เป็นเหตุให้เข้ากับซุนกวนไม่ได้ เข้ากับจิวยี่ไม่ได้ เล่าปี่เองก็ยังส่งตัวไปเมืองลอยเอี๋ยงเลยในครั้งแรกที่เจอกัน เหตุอันนี้ น่าจะเป็นข้อคิดอันหนึ่งว่า บุคคลที่มีโหวงเฮ้งเสีย จิตใจมักจะคับแคบ