บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๔๒/๓ - อวสานจิวยี่
10 ก.ค. 2561

 

จิวยี่ขี่ม้าไปประชิดเมืองแล้วตะโกนเรียกเล่าปี่ ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงกลองศึก ทหารเล่าปี่ตั้งเครื่องรบโผล่ขึ้นมายืนสง่าอยู่บนชิงเทิน จูล่งร้องตะโกนลงมาถามว่า ท่านแม่ทัพจะไปไหนมิทราบ จิวยี่ก็งง ท่านไม่รู้หรอกหรือ ว่าเราจะยกทัพไปตีเสฉวนให้กับเล่าปี่ จูล่งหัวเราะบอกว่า ขงเบ้งรู้กลอุบายของท่านแม่ทัพดี เลยให้ข้าพเจ้ามาคอยระวังอยู่ตรงนี้ อันเล่าเจี้ยง เจ้าเมืองเสฉวนนั้น เป็นน้องของเจ้านายข้าพเจ้า จะไปตีทําไม แล้วเจ้านายของเข้าพเจ้าจะเอาหน้าไปไว้ไหน เห็นจะต้องออกป่าไปบวชเป็นเต้าหยินเสียกระมัง จิวยี่เห็นเช่นนั้นชักเลือดเดือด กลับลงเรือก่อน ทันใดนั้น กองสอดแนมเข้ามารายงานว่า เห็นทหารเล่าปี่เคลื่อนเข้ามารอบด้าน มีทั้งกวนอู เตียวหุย จํานวนเท่าไรนั้นคะเนไม่ได้ เสียงกลองศึกราวฟ้าถล่ม ทหารเหล่านั้นก็พูดว่า จะมาจับตัวท่าน

 

คือดาวอังคารส่งผล เราจะลงทุนทําอะไรถ้าหากเราเป็นอย่างจิวยี่ เราก็จะเสียได้ง่าย คนที่มี ๓ กุมลัคนา เวลาทํางานหรือลงทุนอะไร อย่าหมดหน้าตัก จะเหมือน จิวยี่หุนหันพลันแล่น

 

จิวยี่เสียใจที่เสียรู้ขงเบ้งในครั้งนี้ พิษเกาทัณฑ์กําเริบขึ้นมาอีก สิ้นสติพลัดตกม้า ทหารทั้งปวงรีบประคองหนีลงเรือ ช่วยพยาบาลจนฟื้น พอสักพัก กองสอดแนมก็เข้ามารายงานเพิ่มเติมว่า เห็นเล่าปี่และขงเบ้งเสพสุรา เล่นดนตรีกันอย่างเพลิดเพลินอยู่บนยอดเขาชานเมือง เรียกว่าขงเบ้งยังมีดาวศุกร์ที่ดี มีเวลาที่จะเล่นดนตรีเสียทุกรอบไป ตอนนี้จิวยี่ไม่รู้จะทําอย่างไร ความแค้นที่เห็นเล่าปี่ ขงเบ้ง มาเสพสุราสบายใจ ก็กัดฟันกรอดๆ ว่า มันคงคิดว่า กูไม่มีปัญญาไปตีเสฉวน เดี๋ยวกูจะตีให้มันดู กูขอสาบานว่า จะตีเสฉวนให้ได้ กลายเป็นจิวยี่ตกหลุมลงไปอีก

 

แล้วจิวยี่ก็สั่งเคลื่อนทัพเรือไปตีเสฉวน ด้วยความโกรธ ความทนงตน พอไปถึงตําบลปาชิว กองสอดแนมรายงานมาว่า พบกองเรือขนาดใหญ่ขวางลําน้ําอยู่ เป็นกองเรือของเล่าปี่ ในบังคับบัญชาของเล่าฮองกับกวนเป๋ง จิวยี่จึงสั่งให้หยุดทัพดูท่าที ไม่ช้า ม้าเร็วนําจดหมายของขงเบ้งมายื่นให้จิวยี่ จิวยี่ก็รับมาอ่าน

 

ความในจดหมายนั้นบอกว่า ข้าพเจ้า ขงเบ้งขออวยพรมาถึงท่านแม่ทัพจิวยี่ด้วยนับถือ นับตั้งแต่ได้จากท่านมาก็ช้านาน ข้าพเจ้ามีความรําลึกถึงท่านอยู่เสมอ บัดนี้มีข่าวว่าท่านยาตราทัพไปตีเสฉวน ข้าพเจ้าเสียใจที่จะพูดว่า ท่านไม่ควรไปเลย ไม่สําเร็จเป็นแน่ อันชาวเสฉวนนั้นเป็นนักรบ ทั้งบ้านเมืองก็อุดมสมบูรณ์ แม้นว่าเจ้าเมืองใหม่ไม่เข้มแข็ง แต่ประชาชนก็สามารถป้องกันตัวเองได้ ซึ่งท่านจะหักแนวไปให้จงได้นั้น ขอให้คิดดูว่า มิใช่ทางใกล้ๆ การส่งเสบียงก็ไม่สะดวก ผลสุดท้ายต้องแตกทัพกลับมาเปล่าๆ อีกอย่างหนึ่งนั้น โจโฉกําลังคิดอ่านยกทัพมาแก้มือท่านอยู่ เมื่อทราบว่าท่านยกทัพไปไกล ก็ต้องยกทัพมาตีตลบหลังกังตั๋งให้แหลกเป็นผงคลี ตัวท่านกับข้าพเจ้าซิ มีไมตรีดีกันอยู่ ครั้นจะนิ่งดูดายให้ท่านมุทะลุไปผิดๆ หาควรไม่ จึงเตือนมาเพื่อเอาบุญ

 

งานนี้เรียกว่า ตบหัวแล้วลูบหลัง แผนการอันนี้ก็ถูกต้อง เพราะจิวยี่หุนหันเกินไป แต่ขงเบ้งมองว่า ถ้าจิวยี่ไปตีเสฉวนตอนนี้ ไม่ได้ประโยชน์อะไรทั้งสองฝ่าย เมื่อจิวยี่อ่านจดหมายของขงเบ้งแล้ว มีความแค้นใจมากที่สุด คือเหมือนกับถูกหลอกเล่น หลอกให้มา หลอกให้ตี แล้วก็มาหยุดยั้ง พิษเกาทัณฑ์ก็กำเริบขึ้นมาอีก เป็นลมสลบไป หมอก็ช่วยพยาบาลจนฟื้นขึ้นมา

 

จิวยี่เห็นว่าตัวเองจะไม่รอดเป็นแน่แล้ว จึงได้เรียกกระดาษและพู่กัน เขียนจดหมายถึงซุนกวนฉบับหนึ่ง แล้วจึงเรียกประชุมบรรดานายทหารทั้งปวง กล่าวคําอําลาว่า ข้าพเจ้าตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ต่อชาติบ้านเมืองโดยสุจริต จนสุดกําลังแล้ว บัดนี้ข้าพเจ้ากําลังจะตายจากท่านไป ท่านทั้งหลายอยู่หลัง จงสามัคคีกันปฏิบัติหน้าที่ ช่วยนายของเราต่อไปจนกว่าจะบรรลุความสําเร็จ พูดขาดคำ จิวยี่ก็รากเลือดจนสลบไป

 

หมอพยายามแก้ไขจนฟื้นได้ จิวยี่แหงนหน้ามองฟ้า พลางถอนใจใหญ่ แล้วเอ่ยว่า ฟ้าให้ข้าเกิดมาแล้ว ไฉนจึงให้เหลียงมาเกิดด้วย พูดจบ จิวยี่ก็สิ้นใจ อายุรวมได้ ๓๖ ปี

 

จิวยี่ มีดาวอังคารกุมลัคน์ มีดาว ๑ ๒ ๕ เด่น ความมีมานะ มีตัวมีตน มีมากกว่าคนอื่น บุคคลที่มีมานะ ไม่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่รู้จักยึดหยุ่น ก็จะสิ้นสุดเร็ว ในว่าจะเป็นเรื่องของธุรกิจ ในเรื่องของการทําการใดๆ ก็ตาม หรือรับราชการ หรืออยู่ที่ไหนก็ตาม หากเรามีตัวตนอยู่ทุกที่ เราก็จะหุนหันพลันแล่น ไม่คิดหน้าคิดหลัง เพราะว่าเรามีความรู้สึกว่า ใครมาข่มเราไม่ได้ เอ่ยปากขอโทษใครที่ยาก จะเป็นตัวของเราอยู่อย่างนี้ เปรียบเสมือนกับต้นก้ามปูกับต้นอ้อ ขงเบ้งเป็นต้นอ้อลู่ลม ยามไหนควรจะหยุด ยามไหนควรจะหยั่ง ยามไหนควรจะถ่อมตัว ยามไหนควรจะแข็ง ที่เขาเรียกว่า ลูกผู้ชายยืดได้หดได้ แต่จิวยี่ไม่รู้จัก เมื่อมีความมีตัวตนมากเท่าไหร่ พอใครก็ตามมาลบเหลี่ยม ความมีตัวตน ยอมตายดีกว่า ทั้งๆ ที่จิวยี่เป็นอัจฉริยะ อายุเพียง ๓๖ ปีเท่านั้นเอง ตอน ๒๐ กว่าก็เป็นแม่ทัพใหญ่แล้ว ก็เป็นอุทาหรณ์อย่างหนึ่ง

 

ในสามก๊กไม่ได้สอนเพียงแค่อุบาย แต่สอนลึกล้ํากว่านั้นในเรื่องการปฏิบัติตน การมีตัวตน คือให้เปรียบเทียบอยู่ตลอดเวลา ผู้ที่เริ่มต้น ผู้ที่มีชัยชนะ มีคุณสมบัติอะไร และผู้ที่ดีเด่นมาโดยตลอดก็ต้องระวัง บุคคลที่เคยเรียนเก่ง รับราชการดีเด่น ทําอะไรไม่มีข้อที่เสียหายเลย จู่ๆ มาเสีย มาถูกลบเหลี่ยม ลูบคม ถูกหลอกล่อ มักจะทนกันไม่ได้ ก็จะเกิดผลเสียแบบนี้ ฉะนั้นจึงควรเป็นผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตน