บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๔๒/๑ - อวสานจิวยี่
10 ก.ค. 2561

 

จิวยี่เห็นแผนการของตนล้มเหลวอีก เรียกว่าเอาน้องซุนกวนไปอีกคน ยิ่งแค้นใจมาก  ตอนนั้นเคยรบกับโจหยิน โดนเกาทัณฑ์อาบยาพิษ พิษยังไม่หมดก็เกิดกําเริบขึ้นมาอีกก็สลบไป ฝ่ายซุนกวนก็หารือกับที่ปรึกษาและนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ว่าคราวนี้จะยกทัพไปรบเกงจิ๋วแน่นอน ที่ปรึกษาก็พากันห้าม บอกว่าถ้าทําเช่นนั้น เล่าปี่ก็ต้องไปร่วมมือกับโจโฉ กังตั๋งก็ต้องตกหนัก ทางที่ดีควรมีใบบอกไปกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้  ให้ตั้งเล่าปี่เป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋วเสียเลย โจโฉจะได้เห็นว่ากังตั๋งกับเกงจิ๋วเป็นพันธมิตรกัน แล้วค่อยๆ ให้เล่าปี่กับโจโฉผิดใจกันในภายหลังจะดีกว่า ทุกคนก็เห็นดีด้วย

 

ฝ่ายโจโฉเมื่อได้รับหนังสือของซุนกวน ก็รู้ว่าเล่าปี่ครองเกงจิ๋วได้แล้ว แถมยังได้แต่งงานกับนางซุนฮูหยินอีก ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางก็ตกใจ บอกกับเทียหยกว่า เล่าปี่ครองเกงจิ๋วไว้ได้นั้น เหมือนมังกรร่อนขึ้นฟ้า โจโฉเองก็มี ๑ ๔ ๖ อยู่ในดวงเหมือนกัน ก็เคยพูดเอาไว้ว่า เล่าปี่คือมังกร สามารถที่จะซุกหัวหางได้ในเวลาที่ไม่ได้จังหวะ แล้วจะผงาดขึ้นฟ้าได้ในเวลาที่เหมาะสม โจโฉก็มองออกว่า ถ้าได้เกงจิ๋วซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สําคัญ เรียกว่า เล่าปี่ติดปีกขึ้นฟ้าเสียแล้ว

 

เทียหยกก็เลยบอกว่า หนังสือกราบทูลของซุนกวนนี้ เป็นกลอุบายให้ท่านไม่ยกทัพไปตีเมืองกังตั๋ง และเป็นกลอุบายที่จะเอาใจเล่าปี่ด้วย เราคงต้องซ้อนกลซุนกวนเสีย โจโฉก็ถามว่าจะซ้อนอย่างไรดี เทียหยกชี้แจงว่า จิวยี่เป็นหลักของอาณาจักรกังตั๋ง ควรกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ ให้ตั้งจิวยี่เป็นเจ้าเมืองลํากุ๋น ให้เทียเภาเป็นเจ้าเมืองกังแฮ  ส่วนฮัวหลิมซึ่งถือหนังสือนี้มา ให้เอามาไว้ใช้ราชการในฮูโต๋ว เพียงเท่านี้ จิวยี่ก็จะกําเริบ ยกทัพไปตีเกงจิ๋วก่อน ซุนกวนกับเล่าปี่ก็จะผิดใจกัน ที่นี้เป็นทีของเราค่อยดําเนินการ

 

ทั้งนี้ เพราะเทียหยกรู้นิสัยของจิวยี่ อย่าลืมว่าจิวยี่ยิ่งใหญ่มาตั้งแต่หนุ่ม เลือดร้อน ดาวอาทิตย์ถ้าให้เสีย ต้องให้เกียรติยศ อํานาจ ยกย่อง ก็จะเหลิง การก็เป็นไปตามนั้น  พอจิวยี่ได้สารตราตั้งเป็นเจ้าเมืองลํากุ๋น ก็ภูมิใจ มีจดหมายแจ้งไปให้ซุนกวนว่า ข้าพเจ้าขออาสายกทัพไปปราบเล่าปี่เอง ขอให้ท่านใช้โลซกไปทวงเกงจิ๋ว ฟังเสียงเล่าปี่และขงเบ้งดูอีกสักครั้งหนึ่งก่อน

 

เป็นอันว่าเป็นไปตามแผนที่เทียหยกวางไว้ พอจิวยี่ได้ยศแล้วก็เกิดความลําพอง จะยกทัพไปตีกับเล่าปี่ ซุนกวนก็เห็นด้วย บอกโลซกว่า ท่านเป็นนายประกัน เวลานี้ เล่าปี่ยังไม่คืนเมืองเกงจิ๋วให้แก่เรา อยากทราบว่าจะให้ข้าพเจ้าคอยไปอีกนานสักเท่าไร โลซกก็บอกว่า ตามหนังสือของเล่าปี่บอกว่า ถ้าได้เมืองเสฉวนแล้วก็จะคืนให้ ซุนกวนโมโห บอกว่าหนังสือมันว่าไว้แบบนั้น จนบัดนี้ เล่าปี่ยังไม่ได้ส่งทหารสักคนไปแตะเสฉวน แล้วจะให้ข้าพเจ้ารอจนแก่หรืออย่างไร โลซกเห็นซุนกวนโกรธ ก็บอกว่าข้าพเจ้าจะไปถามเล่าปี่ให้ก็แล้วกัน แล้วรีบลงเรือแล่นมายังเมืองเกงจิ๋ว

 

เล่าปี่ถามขงเบ้งว่า ได้ข่าวว่าโลซกจะมาทวงเมืองแล้ว จะทําอย่างไร ขงเบ้งแนะว่า  ถ้าโลซกพูดเรื่องนี้ขึ้น ให้เล่าปี่ร้องไห้ตีอกชกหัว ข้าพเจ้าจะจัดการเอง

 

เป็นอันว่าเล่าปี่ให้เชิญตัวโลซกเข้ามา เชิญให้นั่งในที่เดียวกัน โลซกก็ปฏิเสธว่า  เดี๋ยวนี้ท่านเป็นน้องเขยของนายข้าพเจ้าแล้ว จะให้ข้าพเจ้านั่งร่วมที่เดียวกันไม่ควร  เล่าปี่บอกว่า ท่านเป็นเพื่อนเก่าแก่ของข้าพเจ้า ทําไมจะต้องถ่อมตัว โลซกก็เลยนั่งลงคุยกันด้วยความเป็นมิตรดี

 

โลชกเริ่มพูดขึ้นว่า ข้าพเจ้ามาหาท่านตามคําสั่งของซุนกวน เกี่ยวด้วยเรื่องเมืองเกงจิ๋ว ท่านครองเมืองมานานแล้ว บัดนี้ก็ยังเกี่ยวดองเป็นญาติกันอีกด้วย จึงเห็นควรยกเมืองนี้ให้เจ้านายของข้าพเจ้า เสร็จเรื่องไปเสียที

 

เล่าปี่ได้ฟังก็ร้องไห้โฮออกมา ๑ ๔ ๖ในราศีชั้นที่๓น้ําตาออกง่ายมาก พูดอะไรสามารถน้ําตาไหลออกมาได้ตลอดเวลา เล่าปี่จะเป็นคนที่น้ําตาออกง่ายที่สุด โลซกตกใจถามว่า ท่านร้องไห้ด้วยเหตุอันใด เล่าปี่ก็ไม่ตอบ ตั้งหน้าตั้งตาร้องไห้เพียงอย่างเดียว