บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๓๙/๓ - โจโฉแตกทัพ
4 มิ.ย. 2561

 

ฝ่ายจิวยี่ ครั้นได้ฤกษ์ ก็ตัดศีรษะชัวโฮเซ่นธงชัย ให้อุยกายคุมขบวนเรือเชื้อเพลิงออกไปหาโจโฉ จิวยี่ออกรบยังต้องใช้ฤกษ์ ฤกษ์ออกทัพเป็นฤกษ์ที่ต้องตัดศีรษะชัวโฮเช่นธงชัยด้วย เวลานั้นเดือนหงายแจ่มกระจ่าง คืนแรม ๕ ค่ํ่า เดือนยังหงายอยู่ โจโฉ ออกไปตรวจเรือรบกับนายทหารทั้งปวง ทหารเข้ามารายงานว่า อุยกายคุมเรือเสบียงใกล้เข้ามาแล้ว โจโฉเห็นธงมังกรเขียวก็ดีใจ บอกว่าสวรรค์ทรงโปรด ให้คนสําคัญของข้าศึกเข้ามาสวามิภักดิ์ 
 
พอเรืออุยกายเข้ามาใกล้ เทียหยก ที่ปรึกษา ก็ตะโกนว่า เสียท่าเขาแล้ว อย่าปล่อยให้เรือเหล่านั้นเข้ามาเทียบเป็นอันขาด โจโฉก็ตกใจถามว่าเรื่องอะไรกัน เทียหยกก็ชี้ไปที่เรือแล้วบอกว่า  ธรรมดาเรือบรรทุกเสบียงจะต้องเพียบหนัก นี่มันเบา สงสัยจะเป็นเชื้อไฟ ถ้าเป็นเชื้อไฟจะป้องกันอย่างไร โจโฉก็เห็นจริง ถามว่า ใครจะอาสาออกไปห้ามเรืออุยกายเอาไว้ บุนเพ่ง นายทหารเรือก็รับอาสา ลงเรือออกไปยังเรืออุยกาย แล้วให้หยุดทอดสมอขวางไว้กลางน้ํา ทหารอุยกายก็ยิงเกาทัณฑ์ถูกไหล่ซ้ายบุนเพ่งซวนเซไป 
 
ทันใดนั้น เรือของอุยกายทั้ง ๒๐ ลํา ก็จุดไฟขึ้นพร้อมกัน แล้วพุ่งชนเรือรบของโจโฉที่ผูกตรึงติดกันไว้ ไฟลุกไหม้เรือรบอย่างรวดเร็ว อุยกายนําทหารขึ้นไปบนเรือรบ
 
ดาว ๑ ช่วงนี้ เจอทั้งธาตุลมธาตุไฟ ไหม้กันใหญ่เลย อุยกายก็นําทหารบุกเข้าไปเกือบถึงตัวโจโฉ โจโฉลงเรือหนีขึ้นบก อุยกายเห็นเข้าลงเรือตามไป ร้องตะโกนให้เรือโจโฉหยุด เตียวเลี้ยว นายทหารเอกของโจโฉ ยิงเกาทัณฑ์สวนมาถูกไหล่อุยกาย อุยกายเสียหลักตกลงไปในน้ํา เรือลําหลังมาช่วยไว้ทัน ตอนนั้น จิวยี่นําขบวนเรือรบมาประชิดค่ายโจโฉ โจมตีกันทั้งทางเรือและทางบก เป็นอันว่าทัพโจโฉแตก เสียขวัญกระจัดกระจายล้มตายเป็นเบือ 
 
โจโฉหนีขึ้นบกได้ เห็นข้าศึกยกพลขึ้นบก จุดไฟเผาค่ายทุกแห่ง ก็ตกใจรีบขึ้นม้าฝ่าวงล้อมออกไปกับเตียวเลี้ยว ใกล้เช้าก็เหลียวหลังไปห็นแสงไฟอยู่ไกลลิบ ก็ค่อยเบาใจ ก็ถามทหารว่าตำบลอะไร ทหารก็บอกว่าใกล้ถึงตําบลฮัวหลิม โจโฉมองไปรอบด้าน เห็นป่าทึบ เขาสูง ทางแคบ ก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงอันดัง ทหารทั้งปวงก็สงสัยว่าท่านหัวเราะอะไร โจโฉก็บอกว่า จิวยี่กับขงเบ้งช่างโง่บัดซบแท้ๆ ถ้าหากเอาทหารมาซุ่มไว้ตรงนี้ กูจะหนีไปไหนพ้น พูดขาดคําก็มีเสียงกลองศึกดังสนั่น ไฟลุกทั้ง ๒ ข้างทาง โจโฉตกใจผงะเกือบตกจากหลังม้า จูล่งนําทหารออกจากชายป่า ตวาดว่า กูมาคอยอยู่นานแล้ว โจโฉก็สั่งให้เตียวเลี้ยวกับเตียวคับสู้รบกับจูล่ง แล้วตัวเองก็หนีต่อไป 
 
พอถึงตําบลโฮโลก๊ก โจโฉเห็นทหารอิดโรย ก็หยุดหุงหาอาหาร ขณะที่หุงต้ม โจโฉไปนั่งใต้ร่มไม้แล้วหัวเราะด้วยเสียงอันดังอีก ทหารก็ชักหวาด หัวเราะอีกแล้ว โจโฉหัวเราะเยาะขงเบ้งกับจิวยี่มาครั้งหนึ่งแล้ว ถูกจูล่งโจมตีเลยต้องหนีมาที่นี่ คราวนี้มาหัวเราะเรื่องอะไรอีก โจโฉก็บอกว่า ข้าพเจ้าหัวเราะเยาะความเขลาของจิวยี่และขงเบ้ง ถ้าคนทั้งสองให้ทหารมาซุ่มสกัดที่นี่ ข้าจะหนีไปไหนพ้น 
 
พอพูดขาดคำ ก็มีเสียงโห่ร้องอื้ออึงขึ้น เตียวหุยนําทหารล้อมโจโฉทั้ง ๒ ด้าน โจโฉตกใจแทบสิ้นสติรีบกระโจนขึ้นหลังม้า ควบหนีไปโดยเร็ว ทหารโจโฉก็แตกตื่นถูกฆ่าตาย ยอมจํานนเสียมิใช่น้อย 
 
โจโฉควบม้าหนีมาไกล ทหารบาดเจ็บมิใช่น้อย ก็คิดเดินทางลัดไปสู่เมืองเกงจิ๋วผ่านสายฮัวหยง ทหารก็บอกเห็นไฟลุกเป็นหย่อมๆ อยู่ข้างทาง โจโฉสั่งให้เคลื่อนกําลังไปตามทางลัดสายนั้น ทหารก็ท้วงว่า ไฟที่ลุกอยู่แสดงว่าต้องมีกองทหารตั้งอยู่ ทําไมจึงฝ่าไปตรงนั้น โจโฉก็อธิบายว่า ขงเบ้งทํากลอุบายลวงเรา เอาไฟมากองไว้ หวังให้เราคิดว่ามีกองทหารตรงนั้น แต่แท้จริงเอาทหารไปซุ่มไว้ที่ทางใหญ่ เราไม่ตกหลุมพลางแล้ว ทหารทั้งปวงก็เชื่อ ตอนนั้นโจโฉมีทหารติดตามเพียง ๓๐๐ เศษ ทั้งม้าทั้งคนอ่อนกําลัง แต่โจโฉไม่หยุดเพื่อจะเร่งไปถึงเมืองเกงจิ๋วค่อยพัก 
 
พอผ่านกองไฟก็ไม่เห็นข้าศึก โจโฉก็หัวเราะลั่นเป็นครั้งที่ ๓ คราวนี้ ทหารทั้งปวงสะดุ้งเฮือกเลย ถามว่าท่านหัวเราะทําไมอีก โจโฉก็บอกว่าหัวเราะจิวยี่กับขงเบ้ง ใครๆ ก็ครั่นคร้ามหนักหนาว่ามีสติปัญญาหลักแหลม แต่มองไม่เห็นว่ามันจะวิเศษอย่างไร  ถ้าเป็นข้าพเจ้า ก็จะเอาทหารมาสกัดทางนี้ จะหนีไปทางไหนพ้น พอพูดขาดคําก็มี เสียงประทัด กวนอูก็ขี่ม้าเซกเธาว์ ถือง้าวคุมทหารออกมาขวางหน้าไว้ ตรงนี้เขาบอกว่า โจโฉชาติกําเนิดเดิม เป็นต้นไม้ที่อยู่ริมทาง ลมพัดสั่นไหวครั้งใด ใบไม้ก็จะร่วง  เวลาโจโฉหัวเราะเปรียบเสมือนโดนลมให้สั่นไหว ใบไม้ก็จะร่วง คือแพ้ทุกรอบ ตํานานเล่ากันมาแบบนี้ 
 
เป็นอันว่าโจโฉแตกทัพ ๑ ๔ ๖ อยู่ในราศีชั้นที่ ๒ อย่าประมาท อย่าหัวเราะดังไป จะพลาดพลั้งทุกครั้งไป