บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๓๔/๔ - ขงเบ้งเจรจาซุนกวน
31 มี.ค. 2561

 

พอจิวยี่ได้ยินชื่อไต้เกี้ยวกับเสียวเกี้ยว ก็ลุกขึ้นตึงตังด้วยความโกรธ ดังถูกไฟจี้ หันหน้าชี้มือไปทางทิศเหนือตะโกนว่า  เหม่อ้ายขบถเฒ่า มึงดูถูกกูร้ายแรงนัก เห็นทีจะไม่ได้อยู่แผ่นดินเดียวกัน  ขงเบ้งก็ลุกขึ้นตอบว่า กะอีแค่ผู้หญิงยกให้โจโฉเสีย บ้านเมืองก็จะอยู่เย็นเป็นสุข  ไม่ต้องเดือดร้อนอะไรอีกต่อไปแล้ว ทำไมจึงจะต้องโกรธเคืองให้มากเรื่องเล่า  จิวยี่กำลังโมโหก็พูดขึ้นว่า  ท่านอาจารย์ไม่รู้ดอกหรือว่า ไต้เกี้ยวนั้นเป็นภรรยาซุนเซ็กนายข้าพเจ้า   ส่วนเสียวเกี้ยวน้องไต้เกี้ยวนั่นเล่าก็เป็นภรรยาของข้าพเจ้าเอง ขงเบ้งก็ทำแกล้งเป็นตกใจ  ข้าพเจ้าไม่รู้เลยเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้จริงๆ ซึ่งแนะนำท่านไปอย่างนั้น  เป็นความผิดอย่างมหันต์  ขอให้ท่านได้โปรดให้อภัยกับข้าพเจ้าสักครั้งด้วย  จิวยี่คำรามว่า อ้ายขบถเฒ่าจะต้องตายไปข้างใดข้างหนึ่ง จะอยู่เหยียบแผ่นดินนี่ด้วยกันทั้งสองข้างหาได้ไม่  ขอสาบานว่าจะเอาชีวิตไอ้โจโฉให้จงได้  
 
จิวยี่จันทร์ก็เด่น  เมียก็ดี  อาทิตย์ก็เด่น ใครมารบหลู่อย่างอื่นยังพอทำเนา  เรื่องคนอื่นช่างมัน เรื่องของกูไม่ยอม  ขงเบ้งก็แสร้งทำเป็นเตือนว่า ท่านอย่าทำการด้วยโทสะจะเสียการ  จงคิดอ่านให้รอบคอบจึงจะเอาชนะโจโฉได้  จิวยี่ยังไม่หายโกรธ เมื่อซุนเซ็กนายข้าพเจ้าสิ้นใจ  ได้สั่งไว้ว่าให้เป็นสัตย์ว่า จะต้องไม่ยอมคุกเข่าต่อคนอย่างอ้ายโจโฉ  ข้าพเจ้าเร่งเข้ามาจากเมืองกวนหยงเนื่องด้วยเหตุนี้  ไม่มีอำนาจใด ๆ จะเปลี่ยนความตั้งใจของข้าพเจ้าได้เป็นอันขาด  แม้นจะมีคมดาบจ่ออก  มีคมขวานจ่อคอ ข้าพเจ้าก็จะสู้จนถึงที่สุด เป็นอย่างไรเป็นกัน  ขอท่านจงอนุเคราะห์ช่วยเหลือข้าพเจ้าด้วย  ข้าพเจ้าจะตีไอ้โจโฉให้แหลกกลับไปจงได้  แปลว่าขงเบ้งเก็บทหาร ๓๐๐๐ คนไว้ จิวยี่ออกปากว่าจะรบเอง  ขงเบ้งก็ตอบว่า ถ้าท่านไม่รังเกียจจะให้ข้าพเจ้าช่วย  ข้าพเจ้ายินดีช่วยกันจนสุดความสามารถที่มีอยู่  จิวยี่ก็บอกว่าท่านรับรองก็ดีแล้ว  พรุ่งนี้ข้าพเจ้าจะเข้าพบซุนกวนพูดจากันให้แตกหัก  
 
ครั้นรุ่งเช้า ซุนกวนก็ออกว่าราชการ  ขุนนางฝ่ายทหารพลเรือนเข้าประชุมพร้อมกัน  จิวยี่เข้าสู่ที่ประชุม  ถามซุนกวนว่าโจโฉจะยกทัพเข้ามารุกรานเรานั้น  ท่านคิดอ่านเตรียมการประการใดไว้แล้วหรือยัง  ซุนกวนจึงยื่นจดหมายของโจโฉให้จิวยี่ดู  จิวยี่อ่านจบแล้วก็หัวเราะ  พูดว่าไอ้โจรเฒ่าคงคิดว่าไม่มีคนจริงอยู่ในกังตั๋ง เขียนจดหมายมาขู่ได้ขู่เอา  ตอนนี้การยอมแพ้ไม่มีเหลืออยู่เลย  ซุนกวนก็ถามซ้ำไปอีกว่า ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร  จิวยี่ร้องถามว่า  ท่านได้ปรึกษาหารือกับขุนนางแล้วหรือยัง ซุนกวนตอบว่า  ปรึกษาหารือกันหลายวันแล้ว  บางคนเห็นควรสู้  บางคนเห็นไม่ควรสู้  ข้าพเจ้าจึงลังเล
 
จิวยี่ก็ถามว่าใครบ้างที่เห็นว่าไม่ควรสู้  ซุนกวนก็ตอบว่าเตียวเจียวกับคณะทั้งหมดเลย  จิวยี่ก็หันไปถามเตียวเจียวว่าท่านเหตุผลประการใด  เตียวเจียวก็แถลงว่าโจโฉโจมตีอาณาจักรต่างๆ ในนามของพระมหากษัตริย์ ทำอะไรทั้งสิ้นในนามของเมืองหลวง  บัดนี้ยึดอาณาจักรเกงจิ๋วไว้ได้แล้ว  มีกำลังเพิ่มขึ้นอีก เราเองก็มีแค่แม่น้ำสายเดียวที่เป็นเครื่องกีดขวางการโจมตี  บัดนี้เขาได้กองทัพเรือของเกงจิ๋วมารบกับเราทางน้ำอีก  แล้วเราจะสู้เขาไหวหรือ ข้าพเจ้าเห็นว่าเราควรจะยอมจำนนต่อเขาเสียก่อน  เมื่อโอกาสอำนวยภายหน้า ค่อยคิดอ่านแก้ไขกันใหม่  
 
จิวยี่ก็ว่า นี่เป็นความคิดของเด็กไร้สติปัญญา  กังตั๋งเป็นอิสระมาสามชั่วคน  แล้วจะยอมเป็นทาสเขาเฉยๆ อย่างไรได้ ไฉนไม่คิดในแง่นี้บ้าง  เป็นอันว่าสมใจซุนกวน  ซุนกวนก็ว่า เอาอย่างนั้นดีแล้ว  ถ้าอย่างนั้นเตรียมแผนการต่อสู้ไว้อย่างไรบ้าง  จิวยี่มีความฉลาดเป็นเลิศ  เขาก็มองโจโฉเป็นสมุหนายกของแผ่นดิน  แต่หัวใจเป็นขบถต่อพระเจ้าแผ่นดินตลอดเวลา  แล้วขุนพลทั้งหลายที่นั่งอยู่ที่นี้ เป็นผู้ชำนาญในการสงครามและมีความกล้าหาญอย่างยิ่ง  ทุกคนเป็นทายาทสืบมรดกความเป็นไทยมาจากบรรพบุรุษด้วยกันทั้งหมด  เป็นผู้บังคับบัญชา  เหล่าทหารของกังตั๋งมีเสบียงอาหารบริบูรณ์  จะสามารถเอาประเทศจีนทั้งหมดมาอยู่ในกำมือก็ยังได้  เพราะฉนั้นจะไม่มีการยอมแพ้แก่จอมขบถเป็นอันขาด 
 
ประการหนึ่ง โจโฉยกทัพมาครั้งนี้  ผิดหลักพิชัยสงคราม  หัวเมืองฝ่ายเหนือยังไม่ได้เป็นของโจโฉทั้งหมด  ม้าเท้งกับหันซุย ขุนศึกทางด้านเหนือ ยังเป็นปฏิปักษ์อยู่  อาจจะยกเข้าตีตลบหลังได้  ประการหนึ่ง ทหารโจโฉเป็นชาวดอน ไม่สันทัดในการเรือ  เพราะแถบที่โจโฉอยู่นั้นมีเขา โจโฉจะพึ่งแต่ทหารบกไม่ได้  ต้องพึ่งแต่ทหารเรือ  และเวลานี้ก็เข้าฤดูหนาว  หญ้าฟางทั้งปวงไม่พอปากม้าที่กิน   อีกประการหนึ่ง ทหารโจโฉจากภาคกลางเดินทางผ่านทะเลสาบและแม่น้ำ  อากาศก็ชุ่มชื้น  เจ็บป่วยเป็นไข้จับสั่นกันมาก อุปสรรคเหล่านี้จะถอนกำลังให้โจโฉพ่ายแพ้  เราจะจับเชลยสักเท่าไรเราก็จับได้ ข้าพเจ้าขอทหารอาสาสมัครเพียง ๒ – ๓ กองทัพ  ก็จะยกไปกำจัดโจโฉเสียก็ได้  
 
ซุนกวนก็เห็นด้วยทั้งหมด ก็บอกว่า ฟ้าส่งจิวยี่มาทันเวลา  ข้าพเจ้ากำลังลังเลพอดี  จิวยี่ประกาศ ข้าพเจ้าสู้ตาย  ไม่ยอมแพ้ข้าศึกเป็นอันขาด  ขอขุนพลทั้งหลายอย่าลังเลใจเลย  ซุนกวนก็ชักดาบฟันลงบนกลางโต๊ะ  ประกาศคำอาญาสิทธิ์ว่า  ห้ามผู้ใดยอมแพ้ต่อข้าศึกเป็นอันขาด หากผู้ใดพูดว่าควรยอมแพ้แก่โจโฉ  ข้าพเจ้าจะฟันศีรษะเสียเหมือนฟันโต๊ะนี้  แล้วยื่นดาบนั่นให้จิวยี่ แต่งตั้งจิวยี่เป็นแม่ทัพใหญ่  ให้เทียนเภาเป็นรองแม่ทัพ  โลซกเป็นผู้ช่วย  ซุนกวนกล่าวแก่จิวยี่ว่า ดาบนี้เป็นดาบอาญาสิทธิ์  ใครไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของท่าน  จงประหารเสีย 
 
เป็นอันสรุปว่า แผนอันแรกคือ ยั่วให้ซุนกวนโกรธแล้วเกิดมานะ  แผนที่สอง ข่มความเป็นชายของจิวยี่  ข้อสำคัญดาว ๑ ที่อ่อนน้อมถ่อมตน อาทิตย์เสีย ไม่ทำตัวเหนือกว่า  สิ่งแรกที่ทำ ขงเบ้งจะอ่อนน้อมต่อซุนกวน แล้วก็ยอมจิวยี่  แต่คำพูดที่พูดไป เป็นคำพูดที่อ่อนทั้งสิ้น ทำให้ตัวเองไม่มีอันตรายอะไรเลย  ขงเบ้งมาเพียงตัวคนเดียว ได้ทัพของกังตั๋งรบแทนทั้งหมด