บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๓๔/๒ - ขงเบ้งเจรจาซุนกวน
31 มี.ค. 2561

 

ก่อนที่ทหารจะออกเดินทาง จิวยี่ก็มาถึงกังตั๋งเพราะได้ข่าวสงคราม  จิวยี่ก็เลยตัดสินใจขึ้นมาเองเลย  ฝ่ายโลซกรู้ว่าจิวยี่มาถึงก็ไปหา เล่าเรื่องต่าง ๆ ที่ขัดแย้งให้จิวยี่ฟัง จิวยี่ว่าอย่าวิตกไปเลย  ไว้เป็นธุระข้าพเจ้าคิดอ่านการกระทำเอง  ท่านจงไปตามขงเบ้งมาพบกับข้าพเจ้าก่อนเถิด  จริงๆ แล้วจิวยี่ไม่ยอมแพ้โจโฉ  แต่อยากดูลีลาของขงเบ้งก่อน  เมื่อโลซกไป เตียวเจียวก็เข้าพบจิวยี่  ขอให้สนับสนุนการยอมจำนนต่อโจโฉ  จิวยี่จึงว่า ข้าพเจ้ายินดีสนับสนุนท่าน   พรุ่งนี้ท่านทั้งหลายจงเข้าพบซุนกวนพูดจาพร้อมๆ กัน จิวยี่ก็พูดไปสองทาง  

 

เมื่อเตียวเจียวกับพวกไปแล้ว  เทียเภา  ฮันต๋ง  อุยกาย  ก็ทยอยมาพบจิวยี่ ขอร้องให้ดำเนินการต่อสู้ป้องกันกังตั๋ง  อย่ายอมยกให้โจโฉเป็นอันขาด  จิวยี่เห็นในกังตั๋งแตกแยกออกเป็นสองฝ่าย  พวกจูกัดกิ๋นก็เข้าพบจิวยี่อีก บอกว่าการยอมแพ้นั้นง่าย  แต่แพ้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ใครจะคาดได้  ขอให้รบต่อสู้กับโจโฉอย่างเต็มที่  ถัดจากคณะจูกัดกิ๋นก็มีคณะกำเหลงเข้าพบอีก  คณะนี้ก็แตกกันสองฝ่าย รบกันกับยอมแพ้  จิวยี่เห็นด้วยเออออหมดเลย  ก็บอกพรุ่งนี้เจอกับซุนกวนพร้อมกัน 

 

พอตกเย็น โลซกพาขงเบ้งเข้าพบจิวยี่  จิวยี่ออกมาต้อนรับถึงประตูหน้าบ้าน  ขงเบ้งก็ถามว่าท่านคิดอ่านจับโจโฉประการใด ดาว ๑ ๒ ๕ มาเจอกัน   สองคนต่างก็มีจันทร์ ครุ สุริยา ด้วยกันทั้งคู่  เพียงแต่ขงเบ้งนั้นดาว ๑ ๒  ด้อยกว่า  จิวยี่ก็พูดว่าโจโฉถือรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้จึงมาทำการรบ  ครั้นเราจะต้านทานก็เท่ากับคิดคตต่อแผ่นดิน  อนึ่งกำลังของโจโฉมีมากหลาย  การที่จะต่อสู้เท่ากับยอมเสี่ยงอันตรายเสี่ยงชีวิต   ข้าพเจ้าเห็นว่าการสู้คือการแพ้  การไม่สู้คือสันติภาพ  จึงตัดสินใจว่าจะให้ซุนกวนเขียนหนังสือไปยอมอ่อนน้อมต่อโจโฉดีกว่า 

 

โลซกก็ค้านว่า แผ่นดินกังตั๋ง แซ่ซุนปกครองมาสามชั่วคน  แล้วมิได้ยอมอ่อนน้อมต่อผู้ใด  เหตุไฉนท่านจึงเห็นคล้อยตามพวกขี้ขลาดตาขาวทั้งหลายไปด้วย ข้าพเจ้าไม่ยอมเชื่อท่านจะยอมต่อโจโฉ  จิวยี่ก็ตอบว่ากังตั๋งมีหัวเมืองใหญ่ขึ้นถึง ๖หัวเมือง ผู้คนมีอยู่นับจำนวนไม่ถ้วน   ถ้าหากข้าพเจ้าเป็นเหตุนำความทุกข์ยากของสงครามมาให้แก่เขาเหล่านั้น  ข้าพเจ้าก็เป็นเป้าแห่งการถูกเกลียดชัง  ข้าพเจ้าจึงต้องเลือกเอาข้างยอมแพ้ดีกว่า  ดาว ๑ หมายถึงการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่  ดาว ๒ ความอ่อนโยน  ดาว ๕  คือการเห็นคนอื่นมากกว่าตัวเอง ดาว ๑ ๒ ๕นำมาแล้ว  โลซกค้านอย่างเสียงแข็งท่านมิทราบดอกหรือว่า  กังตั๋งมีกำลังอยู่พอตัว    ถ้าโจโฉกล้าโจมตีเรายังไม่แน่ว่าจะมีชัยเสมอไป 

 

ทั้งจิวยี่กับโลซกเถียงกันอยู่นั่นแหละ ขงเบ้งทำเป็นนั่งยิ้ม  เอามือกอดอกนั่งฟังเฉยอยู่  จิวยี่เห็นขงเบ้งยิ้มก็ถามท่านอาจารย์ขบขันอะไร  คือขงเบ้งนั่งนิ่งเฉยอยู่ได้เพราะดาว  ๑ นั้นเป็นอาทิตย์หลับ ถ้าเป็นคนอื่นจะต้องร่วมเถียงด้วย แต่ขงเบ้งดาว ๑เสียก็เลยนั่งฟัง  ขงเบ้งก็บอกว่าขบขันโลซกไม่ได้ขบขันท่าน  ข้าพเจ้ารู้ว่าโลซกไม่ได้รู้การเมืองของโลกทุกวันนี้

 

โลซกก็ชักเคือง  ท่านอาจารย์หมายความว่าอย่างไร  ขงเบ้งตอบว่าการที่จิวยี่ยอมแพ้แก่โจโฉนั้น ข้าพเจ้าเห็นเป็นการชอบแล้ว  จิวยี่ก็ร้องดีใจ  ว่านั่นประไร ท่านอาจารย์ย่อมรู้ประมาณ  รู้กาลเวลาเป็นอย่างดี จึงเห็นชอบด้วยกับข้าพเจ้า  นโยบายของขงเบ้งคือนโยบายอ่อนน้อมถ่อมตนก่อน  คล้อยตามฝ่ายตรงข้าม  เพราะว่าดาวหนึ่งของตนเองเสีย  ทำให้มีนิสัยอ่อนน้อมไปก่อน  อย่างน้อยจิวยี่ก็ต้องเอ็นดูไว้ก่อนในการพบกันครั้งแรก

 

ตอนนี้โลซกไม่ยอม หัวเสียร้องลั่นไปว่า ทำไมท่านทั้งสองจึงวิปลาสไปเช่นนี้เล่า  ขงเบ้งก็เลยตอบไปว่า อันโจโฉนั้น ใคร ๆ ย่อมรู้ว่าเป็นผู้มีฝีมือเป็นเลิศในโลก  หาผู้ใดเสมือนมิได้  ใครกล้าต่อสู้กับโจโฉ ย่อมถูกขยี้แหลกหมดทุกราย มีแต่เพียงเล่าปี่เท่านั้นที่กล้าต่อสู้กับโจโฉอย่างไม่คิดชีวิต จึงต้องกระเด็นไปอยู่เมืองกังแฮ  ข้าพเจ้าเห็นว่าการยอมแพ้นั้น ทำให้ลูกเมียของทุกคนอยู่สบายไม่เดือดเนื้อร้อนใจ  ทั้งอาจจะทำให้บางคนร่ำรวยและได้ยศถาบรรดาศักด์ขึ้นด้วย เพียงแต่ว่าเกียรติของแผ่นดินสูญสิ้นไปอย่างเดียว  ไปถือสาอะไรกับกำมะลออย่างนั้น  โลซกได้ฟังเลือดขึ้นหน้าตลอดเวลา  ซึ่งท่านพูดเช่นนี้ หมายจะจูงมือนายของเราไปคุกเข่าคำนับอ้ายขบถโจโฉกระนั้นหรือ