เกร็ดความรู้จากพุทธศาสนา

 

เซนกับพุทธศาสนา ตอนที่ 2
22 พ.ค. 2558

 

 

ประวัติศาสตร์, โหราศาสตร์, อาจารย์แอน, ajarnann, เซน

 

 

        เคยมีคำกล่าวว่าหินยานมีนิพพาน  มหายานเรียกสุขาวดี  เซนบอกว่า ว่างเปล่า

 

        ในส่วนของหินยาน คือการสิ้นอาสวะทั้งหลายที่ไม่มีอัตตา คือตัวตน แต่มีสภาวะที่ดำรงอยู่แต่ไม่มีอัตตา 

 

        ยกตัวอย่าง  พระสารีบุตรท่านจะอยู่หรือจะไปมีค่าเท่ากัน เพราะพระสารีบุตรเวลาใครมาทุบตีท่านเพราะความสงสัยในความเป็นพระอรหันต์ของท่าน ท่านก็ไม่คิดจะไม่หันไปดู  เพราะว่าอารมณ์ทุกอย่างมันไม่เกิดแล้ว ไม่อยากรู้ ไม่อยากเห็น ไม่เกิดอารมณ์ใดๆที่ข้องกับร่างกาย ดังนั้นไม่จำเป็นต้องดู  ฉะนั้นท่านจะอยู่หรือจะไป มันคือสภาวะเดียว  เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ ไม่จำเป็นที่จะต้องพูด  ไม่จำเป็นที่จะต้องมีอะไรที่สัมผัสอีกแล้ว นั่นคือความเป็นพระอรหันต์  คือจะมีวงจรของพระอรหันต์ก็คือการนิพพาน  นิพพานทั้งๆที่มีชีวิตอยู่  มีชีวิตหรือไม่มีชีวิตก็คือนิพพานไปแล้วเพราะว่าไม่ได้รับอะไรแล้ว

 

        มหายานมีสุขาวดี  ต้องเล่าย้อนกลับไปเมื่อ  10 กัปป์มาแล้ว พระพุทธเจ้าทรงตรัสกับพระสูภูติและพระอานนท์ว่า มีพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งได้ขอพรกับพระพุทธเจ้าทั้งหลายให้กับพระองค์เองว่า  สรรพสัตว์มีมากมายที่ยังไม่พ้นภัยและพระองค์ก็ไม่อยากจะไปนิพพาน  ขอให้มีดินแดนอันหนึ่งที่เป็นแดนที่สามารถจะมีพระโพธิสัตว์ที่ไม่ปรารถนาที่จะเป็นปัจเจกหรือไม่ปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้า  มาบำเพ็ญบารมีเพื่อช่วยสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้ขึ้นมาให้เกิดความเข้าใจในธรรมต่างๆ ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย 

 

        ก็ได้รับพรให้มีดินแดนนั้น  พระพุทธเจ้าองค์นี้ได้รับขนานนามว่าอามิตภะ  แปลว่าแสงสว่าง เพราะดินแดนแห่งนี้มีแสงสว่างประดุจทองคำ  และดินแดนนี้เรียกว่าสุขาวดี  เป็นดินแดนที่อยู่ระหว่างชั้นพรหมกับอกนิพรหมกับชั้นที่เป็นเทวนิพพาน   อกนิพรหมคือ ไม่ถึงนิพพาน ไม่กลับลงมาเกิด  หรือจะลงมาทำหน้าที่นั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง  นี่คือดินแดนที่แยกออกไป ถ้าอนาคามี ไม่จำเป็นต้องลงมาเกิดอีก  แต่สุขาวดีเป็นกลุ่มของพระโพธิสัตว์ที่จะลงมาช่วยสรรพสัตว์

 

        บ้างก็บอกว่า พระกวนอิมแบ่งภาคมาจากอามิตภะ  คือ  อมิตภะพระพุทธเจ้าได้แบ่งภาคมาเพื่อทำหน้าที่โปรดสัตว์ทั้งหลาย ในลักษณะ ให้เข้าใจในธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ด้วยการนำคำสอนของพระพุทธเจ้าในแต่ละกัปป์ มาสอน มาขยายความให้เกิดความเข้าใจ นี่คือมหายาน

 

        แต่ในความเป็นจริงแล้ว  มหายานเกิดขึ้นเพราะพระมหากัสสปะได้ขอพระพระพุทธเจ้าไว้ว่า  เมื่อพระพุทธศาสนาไปยังดินแดนที่ใด หากว่าจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตามประเพณีท้องถิ่น ต้องขออนุญาตไว้ในการที่จะปรับวินัย  ปรับกฎประเพณีให้สอดคล้อง

 

        ต่อมาพระปุณณะเถระ และกลุ่มภิกษุภัททวัคคีย์ ได้เพิ่มเติมปรับเปลี่ยนเพื่อความสอดคล้องกับท้องถิ่นที่ท่านไปโปรดสัตว์

 

        ทีนี้ เมื่อพระพุทธศาสนาไปสู่ประเทศจีน  มันต้องปรับให้เป็นเขาแล้วถึงสอนเขา มหายานถึงเกิด  เพื่อให้เข้าถึงพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์ในที่สุด เพราะฉะนั้นพระมหายานจึงเป็นเขาก่อน คือ เป็นชาวบ้าน  พระในมหายานจึงมีหน้าที่สองลักษณะก็คือ ทำกิจของสงฆ์ และอันที่สองคือต้องเข้ากับชาวบ้านให้ได้  ต้องเป็นเหมือนเขา แบบคนทั่วไป พระภิกษุในมหายานต้องมีหน้าที่ทุกคน  อย่างจะเห็นว่าพระที่งอไบ้ พระจะมีกิจทุกอย่างเหมือนฆราวาส แต่ว่าทานอาหารสามเมื้อเป็นอาหารเจเพื่อไม่ไปเบียดเบียน  และสอนทุกสิ่ง  ประเพณีท่านก็สอนชงชา  ดึงชาวบ้านเข้าวัดและใส่ธรรมะใส่สมาธิลงไป คือ  เป็นการปรับพื้นฐานให้ทุกคนรับธรรมโดยที่ไม่กระทบกระเทือนกับชีวิตประจำวัน อันนี้คือมหายาน  ทั้งทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่า ฆราวาสก็สามารถปฏิบัติได้ไม่จำเป็นต้องบวช



 

 

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง