เกร็ดความรู้จากพุทธศาสนา

 

เซนกับพุทธศาสนา ตอนที่ 1
22 พ.ค. 2558

 

 

ประวัติศาสตร์, โหราศาสตร์, อาจารย์แอน, ajarnann, เซน

 

 

        ตอนนี้กระแสของเซนนั้นกำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน  ไม่ว่าจะเป็นการจัดสวน  การจัดบ้านและการจัดห้องพระแบบเซน  เป็นต้น

 

        ความหมายของเซน  คือ  ปรัชญาหรือธรรมะขั้นสูงที่จะเป็นองค์ประกอบของคำว่าไม่มีอะไร  ซึ่งเป็นแนวทางการใช้ปัญญาที่พิจารณาสรรพสิ่งว่าไม่มีแก่น ไม่มีสาระ และไม่มีตัวตน

 

        และเป็นการใช้ปัญญาพิจารณา กายในกาย  ความหมายของกายในกายคือ  เรากลับไปพิจารณาว่า กายมีอะไรบ้าง และในที่สุด กายของเราก็ไม่เที่ยงเหมือนกับศัพท์คำว่า  ฝุ่นเกาะกระจก ต้องคอยเช็ดให้สะอาด  แต่ลองคิดว่า ถ้าไม่มีกระจกก็จะไม่มีฝุ่นมาเกาะ นี่เป็นวิธีคิดแบบเซ็น คือตัดที่ต้นตอ หรือรากเหง้า

 

        เซน นั้นเป็นลัทธิหนึ่งของญี่ปุ่น  ซึ่งคำว่านิกายหรือว่าลัทธิ จะเป็นลักษณะของปรัชญาที่เด่นในเรื่องอะไร  แต่ทุกอย่างจะอยู่ในเรื่องของสมาธิและการแสวงหาธรรมกับคำว่า “ไม่มี”

 

        ยกตัวอย่างนิทานเซน  มีพระอยู่  2 รูปและไปเจอผู้หญิงแต่งตัวสวยแบบผู้ดี ซึ่งเจอหนองน้ำสกปรกแล้วไม่อยากจะข้ามไป   แล้วพระก็อุ้มผู้หญิงข้ามน้ำไป  พระอีกรูปที่ตามมาด้วยก็ข้องใจว่าท่านเป็นพระแล้ว ท่านไปอุ้มสีกาได้อย่างไร  ต่อมาก่อนจะจำวัด พระรูปนั้นก็เลยถามพระที่อุ้มหญิงสาวองค์นั้น  พระที่อุ้มสีกาก็บอกว่า “ข้าพเจ้าวางไว้ตรงนั้นแล้ว แต่ทำไมท่านยังอุ้มผู้หญิงคนนั้นมาอีกหรือ”  นี่คือเซน  คือการไม่ข้อง จบแล้วจบเลย

 

        อีกกรณีหนึ่ง มีผู้หญิงเป็นลม แต่ว่ามีผู้ชายอยู่ใกล้ๆเยอะเลย แต่ไม่ได้อุ้มผู้หญิงคนนั้นไปส่งโรงพยาบาลเพราะเกรงว่าจะไปล่วงละเมิดผู้หญิงคนนั้น ผู้ชายจะดูไม่สุภาพ  แต่ว่าเวลาคนเจ็บป่วยไม่ปกติ คนจะไม่นึกถึงเกียรติหรือศักดิ์ศรีอะไรแล้ว  จริงๆแล้วเซนลงลึกซึ้งไปถึงจิตใจของคนที่ส่วนลึกของคำว่าว่าง  และวาง  นี่คือคำพูดของเซนง่ายๆที่กินใจ เป็นลักษณะของการปฏิบัติที่มุ่งเน้นที่ใจอย่างเดียว

 

        ยกตัวอย่างพุทธศาสนา มีพระศาสดา มีการประกาศพระศาสนา  และแบ่งคนออกเป็น  4  เหล่า เป็นการแยกแยะให้ชัดเจนว่าบุคคลที่สอนได้เป็นเวไนยสัตว์ ส่วนที่สอนไม่ได้คือ อเวไนยสัตว์  ดังนั้นเมื่อแยกแยะแล้ว พระองค์จะไปในที่ที่สมควร  ที่สอนแล้วมีผล ส่วนที่สอนแล้วไม่เป็นผล สถานที่นั้นก็เป็นที่อโคจร

 

        แต่ว่าเซนไม่มีระเบียบหรือมีหลักเกณฑ์อะไรตรงนี้  เซนไม่ยึดอะไร  ไม่มีกฏมีเกณฑ์   ไม่เผยแพร่  ไม่พูด  แต่เน้นไปที่จิตใจ  แต่สุดท้ายแล้วก็ไปถึงเหมือนกันกับศาสนาพุทธคือ  “ความว่าง”

 

        มีคนกล่าวถึงศาสนาพุทธว่า  หินยานให้นั่งสมาธิ  มหายานให้ท่องบทภาวนา  เซนบอกว่าให้ท่องตามลำธารน้ำเล่น 

 

        มาเริ่มต้นดูที่เซนก่อน  เซน กล่าวว่าให้ท่องตามลำธารน้ำเล่น  คือ  นั่งดูไปตามธรรมชาติและใจไปตามกระแสน้ำ  กลืนกับธรรมชาติ  กับความว่าง กับน้ำ  สิ่งที่อยู่รอบๆตัว ไม่ว่าจะเป็นการไหลของน้ำ  เสียงของลม  แต่ว่าตัวเราไม่แยกระหว่างเรากับธรรมชาติ  แต่ทุกอันคืออันหนึ่งอันเดียวคือ  ความนิ่ง ความเงียบ  อยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน เป็นสมาธิแบบเซน

 

        ส่วนของนิกายมหายานที่ให้ท่องบทภาวนา  คือ  เอาจิตไปผูกกับคำภาวนาเพราะเป็นคำภาวนาที่อ่อนโยน  การสรรเสริญเป็นการผูกใจให้อยู่กับไตรสรณะคม(พระพุทธ  พระธรรม พระสงฆ์)  เข้าสู่ความเป็นอุบาสก  อุบาสิกาและปฏิบัติต่อในแนวของหินยาน

 

        ถ้าเปรียบหินยาน ถือว่าพระรัตนตรัยสูงสุดอยู่บนยอดเขา   มหายานจะอยู่ตรงเนินเขาก่อนที่จะก้าวเข้าไปสู่ขั้นสูง  เป็นการเตรียมจิต และจะได้พื้นฐานของจิตที่สงบ ฉะนั้น จึงจำเป็นจะต้องอาศัยสมาธิจากการท่องบ่น หรือสวดมนต์ ออกเสียง เป็นการปรับพื้นฐาน  ให้จิตผูกอยู่กับคำพูดตรงนั้นซึ่งเป็นคำพูดที่เป็นมงคลเป็นภาษาเดียวกัน  สัมผัสด้วย อายตนะ  คือ หู ได้ยินเสียงที่ตนสวด  รูปที่เห็นทั้งบทสวด และรูปพระพุทธรูป 

 

       บางครั้งเสียงตัวเองอาจจะไม่ไพเราะ เพียงแต่ว่าเป็นถ้อยคำที่ไพเราะ  ดังนั้นหากเป็นเสียงเพลงที่เป็นบทสวด  และจิตตามก็เป็นสมาธิได้ และที่เปล่งวาจาด้วยตนเองออกมา ด้วยเสียงสวดนั้นทำให้เกิดความเลื่อมใสและศรัทธาในเสียงที่ก้องกังวาลของตน และผู้อื่นรวมกัน อันนี้จะทำให้เกิดสมาธิได้  เป็นอุบายอย่างหนึ่งในการสร้างสมาธิ

 

        ฉะนั้น มหายานคือการรวมจิตเสียก่อนของบุคคลที่มีความทุกข์ยากลำบาก  ที่ไม่รู้จักคำว่าศาสนา  มีแต่ประเพณีที่กระทำต่อมาโดยหาสาเหตุไม่ได้  ประเทศที่กว้างใหญ่  ภาษาที่มากมาย หรือว่าการนับถือบูชาเทพเจ้ายังคงอยู่  อันนี้จำเป็น  การท่องมนต์ในการบูชาพระโพธิสัตว์ก็ดี  หรือว่าพระรัตนตรัยก็ดี เป็นการรวมจิตเพื่อให้สงบนิ่งและเกิดปัญญาในการพิจารณา

 

        ถ้าเปรียบหินยาน พระรัตนตรัยอยู่บนยอดเขา  มหายานอยู่รอบๆเขา  ส่วนเซนอยู่ทั่วไปหมดเป็นธรรมชาติทั้งหมด

 

        ภาษาของเซนจะบอกว่า มีคือมี ไม่มีก็คือไม่มี  ตรงๆ  และ ความมีในไม่มี  ถ้าภาษาเซนบอกว่า ความมีสภาวะแต่ไม่มี คือ  สูญ  ทุกอย่างคือสูญแต่ว่ามันมีสภาวะอยู่  ในคำว่าไม่มีคือไม่มีอัตตา ตัวตน  แต่ที่มีอยู่คือสภาวะ  เช่นทุกคนรู้ว่าอากาศมีอยู่ แต่ก็ไม่มีแต่ว่ามีสภาวะที่จับต้องได้ และนี่คือ มีในไม่มี  คือเซน 

 

        และในความหมายของเซนคือ  เรากับทุกอย่างรอบๆตัว คืออันหนึ่งอันเดียวกัน และถ้าเปรียบ  ภูเขาลูกหนึ่ง เซนก็คือทุกอย่าง มหายานคืออยู่ตรงเนินเขา  หินยานก็คืออยู่บนยอดเขา  



 

 

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง