บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๒๘/๔ - ซีซี พฤหัสเป็นนิจ
3 มี.ค. 2561

 

ซีซีเมื่ออ่านหนังสือนั้น จำได้ว่าเป็นลายมือแม่ ก็ร้องไห้เข้าไปหาเล่าปี่ เอาหนังสือให้ดู แล้วสารภาพกับเล่าปี่ว่า  ข้าพเจ้าคือคนที่เข้าไปหาอาจารย์สุมาเต็กโชในคืนวันนั้น  และอาจารย์สุมาเต็กโชเป็นผู้แนะนำให้ข้าพเจ้ามาฝากตัวอยู่กับท่าน  ข้าพเจ้าจึงมาร้องเพลงอยู่ข้างถนน  เพื่อให้ท่านเรียกหาข้าพเจ้ามาอยู่กับท่าน  ท่านก็ได้ชุบเลี้ยงเป็นอันดี  
 
คราวนี้พฤหัสเป็นนิจแสดงผลในดวงของซีซี ที่นี่ดาว ๕ กับดาว ๗ ในดวงเมืองของสามก๊กอยู่ด้วยกัน  เพราะฉะนั้นดาว ๕ เสื่อมลงไป  ทำให้เล่าปี่เป็นดาว ๗  อยู่ไม่ได้ ดาว ๕ อยู่ในมือแถมยัง ๕ เป็นนิจอีก เลี้ยงไม่ได้ตลอดทีนี่  ซีซีก็พูดต่อว่า ท่านได้ชุบเลี้ยงข้าพเจ้าเป็นอันดี  ข้าพเจ้าก็มีความรำลึกถึงพระเดชพระคุณ ตั้งใจรับใช้ท่านเต็มสติปัญญาจนชีวิตหาไม่  บัดนี้กรรมมาถึง  ถ้าข้าพเจ้าไม่เข้าไปในเมืองหลวง  โจโฉจะฆ่าแม่ของข้าพเจ้าเสียเป็นมั่นคง ตั้งแต่เป็นตัวตนมา ข้าพเจ้ายังไม่เคยทดแทนคุณแม่เลยสักครั้งเดียว  ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายและครั้งสำคัญยิ่ง  ข้าพเจ้าจำต้องขอลาท่านไปแล้วจะคิดอ่านแก้ไขกลับมาสนองคุณท่านอีกในภายหน้าให้จงได้  
 
คือพฤหัสเป็นนิจ ทำอะไรไม่ถึงที่สุด ต้องมีเหตุ เพราะเรื่องส่วนตัวของตัวเองทำให้ไม่ถึงที่สุด  เล่าปี่ฟัง ทั้งรักและอาลัย  บอกว่าธรรมดาแม่ลูกกันเหมือนมีชีวิตเดียวกัน ใครจะไปทิ้งได้  คราวนี้จะกลับก็กลับไปเถอะ  รอฟ้าสว่างแล้วค่อยไป  ซีซีคำนับจะไปเดี๋ยวนั้น  เล่าปี่ก็บอกให้อยู่สักคืนหนึ่ง  ขอให้เลี้ยงส่งก่อน  ซีซีก็ยินยอม  
 
ซุนเขียนทราบข่าว ก็เข้าไปเตือนว่าซีซีมีความรู้กว้างขวาง  มีปัญญาลึกซึ้งหลักแหลม อยู่กับเราเป็นเวลาช้านาน รู้ตื้นลึกหนาบางของเราโดยสิ้นเชิง หากปล่อยไปทางโจโฉ  โจโฉคงจะรู้ตื้นลึกหนาบางของเราจากซีซีทุกประการ นานไปคงเป็นภัยกับเรา  ข้าพเจ้าเห็นว่าท่านควรจะหน่วงเหนี่ยวซีซีไว้  อย่าให้ไปจากเราเป็นอันขาด  ถ้าโจโฉรู้ว่าซีซี ไม่ไป  คงจะเอาแม่ของซีซีไปฆ่าเสีย ซีซีก็จะมีน้ำใจพยาบาท  ช่วยเรากำจัดโจโฉอย่างสุดกำลัง  ประโยชน์ก็จะตกอยู่กับฝ่ายเราเต็มที่  
 
เล่าปี่น้ำตาไหลแล้วบอกว่าทำไม่ได้  แถมลั่นวาจาไปแล้วด้วย ถ้าหากทำแบบนี้จะเป็นเวรกรรมต่อไปในภายหน้า  ถ้าหากข้าพเจ้าต้องตาย ขอรักษาสัจจะวาจาไว้ทั้งหมด  ได้แต่ถอนใจไม่รู้จะทำอย่างไร ในที่สุดคืนนั้น มีการเลี้ยงใหญ่ด้วยความอาลัยอยู่ค่อนคืน ในตอนเช้าต้องออกมาส่งกัน ในที่สุดซีซีก็แนะนำว่า  คนที่จะมาช่วยในวันหน้าที่มีปัญญา  เล่าปี่ถามว่าจะมีคนมีปัญญาเสมอเจ้ามีอีกหรือเปล่า  ซีซีบอกว่ามี  เอาปัญญาข้าพเจ้าไปเปรียบเทียบนั้นไกลนัก  ตัวข้าพเจ้าประดุจม้าลากรถเก่าๆ หรือจะหาญสู้พญากิเลน กาแก่หรือจะหาญสู้พญาหงส์  คนนี้ยังหยั่งรู้ฟ้าดิน ไม่มีใครสู้ได้ในสากลโลก  เล่าปี่ก็มีความยินดี  ถามว่าเขาชื่ออะไร  ซีซีก็บอกว่า เขามี ๒ ชื่อ ชื่อหนึ่งว่าจูกัดเหลียง อีกชื่อหนึ่งว่าขงเบ้ง  เป็นชาวเมืองหลงเสีย  พ่อเป็นขุนนางแต่เสียชีวิตเมื่อยังหนุ่ม  ตัวขงเบ้งจึงมาอยู่กับลุงที่เมืองเกงจิ๋ว  ลุงเป็นเพื่อนของเจ้าเมือง  เมื่อลุงตายแล้วขงเบ้งทำมาหาเลี้ยงชีพอยู่กับน้องชายที่เทือกเขาโงลังกั๋งหรือเขามังกรหลับ ใครๆ จึงเรียกว่าอาจารย์มังกรหลับ  
 
ดาว ๕ เป็นนิจยังอุตส่าห์ทิ้งไว้ให้  ตอนนี้ ๕ กับ ๗ เล่าปี่ต้องได้ที่ปรึกษาแน่นอน  เล่าปี่ก็ถามว่าคนคนนี้คืออาจารย์ฮกหลงหรือฮองซูใช่หรือไม่  ซีซีก็ตอบว่าคนนี้คือฮกหลงหรือมังกรซ่อนกาย ส่วนฮองซูหรือลูกหงส์คือบังทอง  เล่าปี่ก็ดีใจบอก ข้าพเจ้าเพิ่งรู้ความลับที่อาจารย์สุมาเต็กโชบอกไว้เดี๋ยวนี้นี่เอง  คนดีอยู่แค่ตาข้าพเจ้า ถ้าท่านไม่บอกข้าพเจ้าคงมองไม่เห็น กลายเป็นคนตาบอดตลอดชาติ  แล้วก็รีบร่ำลากัน ตอนแรกอาลัยกันแทบตาย  ตอนนี้ก็รีบควบม้ากลับซินเอี๋ย เตรียมตัวที่จะนำของกำนัลมีค่าไปเชิญขงเบ้ง 
 
กลับมาที่พฤหัสเป็นนิจ  ซีซีจับใจในอัธยาศัยเล่าปี่ คิดถึงบุญคุณที่ได้ชุบเลี้ยง ก็วิตกว่าขงเบ้งจะไม่ยอมมาอยู่ด้วยกับเล่าปี่  ก็ควบม้าแวะไปที่เขาโงลังกั๋ง รีบไปบอกขงเบ้ง ก็บอกว่าตัวข้าพเจ้าปรารถนาจะรับราชการอยู่กับเล่าปี่ตลอดชีวิต   แต่โจโฉจับแม่ของข้าพเจ้าไว้เป็นตัวประกัน  ข้าพเจ้าจึงต้องอำลาเล่าปี่ไป  ข้าพเจ้าได้แจ้งกับเล่าปี่ไว้ว่า  ท่านเป็นผู้มีสติปัญญากว่าข้าพเจ้า  ขอให้มาเชิญไปช่วยราชการ เล่าปี่ก็ดีใจ  ข้าพเจ้าก็เลยมาอ้อนวอนฝากฝังไว้ก่อน  ถ้าหากเล่าปี่มาก็อย่าไปบอกปัด ขงเบ้งได้ฟังก็โกรธ  จึงถามว่า ท่านไม่มีสิ่งใดให้เล่าปี่แล้วหรือ  จึงมาเอาข้าพเจ้าไปเป็นเครื่องเซ่นแก่เขา แล้วก็ถลกแขนเสื้อเดินดุ่มๆ ออกจากกระท่อมไป  ซีซีก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร  แล้วแต่บุญแต่กรรม  
 
ฝ่ายโจโฉรู้ว่าซีซีมาถึงแล้วมีความยินดีนัก จึงให้ซุนฮกกับเทียหยกออกไปรับถึงนอกเมือง แล้วพาซีซีไปพบโจโฉที่ทำเนียบ  โจโฉก็ตัดพ้อต่อว่า ตัวท่านเป็นนักปราชญ์มีสติปัญญา ไม่น่าเลยจะไปคุกเข่าให้กับเล่าปี่ ซีซี ก็ตอบว่า ซึ่งข้าพเจ้าไปอยู่กับเล่าปี่นั้น  เพราะข้าพเจ้าหนีอาญาแผ่นดินไปอยู่ที่ซินเอี๋ย ได้รู้จักรักใคร่กับเล่าปี่  บัดนี้แม่ข้าพเจ้ามาอยู่ที่นี่  ข้าพเจ้าประสงค์จะแสดงความกตัญญูต่อแม่ จึงต้องเข้ามาหาท่าน  โจโฉก็เลยตอบว่า ข้าพเจ้ามีความยินดีขอต้อนรับท่าน  ท่านจะอยู่ปรนนิบัติแม่ท่านได้ตลอดเวลา  หากต่อไปมีสิ่งใดขัดข้อง จะได้อาศัยสติปัญญาของท่านช่วยแก้ไข  
 
ซีซีก็ลากลับไปหาแม่ พอไปถึงก็คุกเข่าคำนับหมอบอยู่ตรงหน้า  แม่เห็นลูกมาหารู้สึกแปลกใจ ถามว่ามาทำไม  ซีซีก็เล่าความให้ฟังว่า เมื่ออยู่กับเล่าปี่ได้รับจดหมายลายมือแม่ เป็นทุกข์กลัวแม่เป็นอันตราย ก็เลยรีบกลับมาสวามิภักดิ์กับโจโฉ  แม่ซีซีได้ฟังก็โกรธมาก ตบโต๊ะรองด่าไอ้ลูกจัญไร  หัวหกก้นขวิดนอกคำมาตั้งแต่เด็ก โตขึ้นก็ไปเรียนที่อื่น คิดว่าจะฉลาดทันคน ที่แท้ก็โง่เง่าเต่าตุ่นตัวหนึ่ง ไม่มีปัญญาที่จะพินิจพิจารณาว่าใครดีใครชั่ว นี่คือการแสดงถึงดาว ๕ เป็นนิจ ไม่รู้เท่าทันอุบาย ที่แม่พูดมาทั้งหมดคือพฤหัสเป็นนิจ  แล้วแม่ก็บอกว่า โจโฉเป็นขบถหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทุกเมื่อเชื่อวัน  ส่วนเล่าปี่เป็นคนดีมีศีลมีธรรมเพียงใด มึงก็เห็นอยู่ แล้วจะอีกแค่เศษกระดาษลายมือปลอมฉบับเดียว ไปถึงไม่ได้ไต่สวนให้แน่แท้ วิ่งแจ้นจากที่สว่างเข้ามาที่มืด แสนจะอับอายขายหน้านัก ที่เป็นแม่ตัวเองก็ได้ทำลายชื่อเสียงเกียรติคุณของบรรพบุรุษหมดอย่างเลวทรามที่สุด ซีซีฟังแม่ด่าก็กลัวหมอบราบอยู่กับพื้นไม่กล้าเงยหน้า แม่ด่าแล้วกระทืบเท้าเดินเข้าไปในห้อง สักพัก สาวใช้วิ่งออกมาบอกว่าแม่ไปผูกคอตาย  ซีซีตกใจเข้าไปช่วยไม่ทัน แม่สิ้นลมไปแล้ว  ซีซีร้องไห้เสียใจจนสลบ  ความทราบถึงโจโฉ ก็แต่งเครื่องมาบูชาคำนับแล้วปลอบใจซีซี แล้วก็เชิญซีซีให้เข้ามารับราชการอยู่กับโจโฉ  ซีซีก็ไม่ทำ ได้แต่ไปเฝ้าศพแม่อยู่ที่ฮวงซุ้ย  เรียกว่าโจโฉเอาข้าวของเอาไปให้ทำบุญ ซีซีก็ไม่รับส่งคืนมาทุกครั้ง  แปลว่าซีซีไม่มีโอกาสได้เป็นที่ปรึกษาใคร เลยไม่เป็นอันตรายกับเล่าปี่ และไม่เป็นอันตรายกับโจโฉ  ซีซีก็แสดงถึงดาว ๕ เป็นนิจโดยครบถ้วน