บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๒๒/๕ – วิเคราะห์ดาว ๑ ๔ ๖
20 ก.พ. 2561

 

เมื่อโจโฉแตกทัพกลับมา โจโฉคิดว่า ถ้าไปรบกับอ้วนเสี้ยวจะรบชนะได้อย่างไร แต่ที่ปรึกษาของโจโฉก็บอกว่า โจโฉมีคุณสมบัติจะต้องชนะคนถึง ๑๐ ประการที่อ้วนเสี้ยวไม่มี โจโฉก็เชื่อ ยกทัพไปตีอ้วนเสี้ยวทันที เมื่อยกทัพไปตี ก็ใช้กลอุบายต่างๆ จนกระทั่งอ้วนเสี้ยวแพ้ เป็นจุดจบของอ้วนเสี้ยวในที่สุด
 
ตอนนั้น ขุนศึกต่างๆ ก็ชิงกันเป็นใหญ่ เมื่อปราบอ้วนเสี้ยวเสร็จแล้ว ก็เป็นคราวของลิโป้ โจโฉจับลิโป้ได้ ให้ประหารที่เมืองชีจิ๋ว ครั้งนั้น โจโฉได้ทหารเอกของลิโป้มาเป็นทหารของตนอีกคนหนึ่ง คือ เตียวเลี้ยว ที่บอกว่าโจโฉมีสายตาอันแหลมคม คือเตียวเลี้ยวทหารเอกของลิโป้ เป็นคนมีฝีมือ รูปร่างสง่างาม ลิโป้เองก็เคยใช้ให้ไปจับ เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ที่เมืองเสียวพ่าย เตียวเลี้ยวคุมทหารเข้าตีด้านตะวันตก กวนอูยืนอยู่ที่หอรบเห็นรูปร่างของเตียวเลี้ยวก็รักใคร่ ได้ลองถามว่า ตัวท่านหน้าตาแสดงว่าตั้งอยู่ในความยุติธรรม มีสติ รู้ผิดชอบเป็นอันดี เหตุไฉนจึงยอมตนเป็นลูกน้องของลิโป้ ซึ่งเป็นคนชั่วช้าสาระเลว เตียวเลี้ยวได้ฟังดังนั้นก็ละอายใจ มิได้ตอบประการใด ฝ่ายกวนอูเห็นกริยาดังนั้น ก็ไม่ได้พูดจาเสียดแทงใจเตียวเลี้ยวอีก จึงถอยทหารออกจากทางด้านนั้น อันนี้เป็นลักษณะของเตียวเลี้ยว แม้กระทั่งกวนอู ซึ่งมีความสามารถในการดูคนไม่เท่ากับโจโฉก็ยังนึกรัก แสดงว่าเตียวเลี้ยวเป็นบุคคลที่มีลักษณะดี
 
ต่อมา เมื่อโจโฉยึดเมืองชีจิ๋วได้ เตียวเลี้ยวถูกจับนำไปให้โจโฉสั่งลงโทษ โจโฉก็ชมว่าเตียวเลี้ยวเป็นบุคคลที่หน้าตาสะอาด เหมือนกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เตียวเลี้ยวตอบว่า เสียดายที่เราเผาเมืองปักเฮี้ยว ไฟไม่พอที่จะเผาให้ท่านเป็นผีในครั้งนั้น โจโฉได้ฟังก็โกรธ ตวาดว่า ตัวเองเป็นเชลย หัวจะหลุดออกจากบ่าอยู่แล้ว ยังอวดดีดูหมิ่น ก็ชักกระบี่ออกมาจะฟันเตียวเลี้ยว เตียวเลี้ยวไม่สะทกสะท้าน ยืนคอให้โจโฉฟันแต่โดยดี ตอนนั้น โจโฉก็ชงักในความองอาจของเตียวเลี้ยว ประกอบกับกวนอูยืนอยู่กับโจโฉด้วย ก็ฉุดมือโจโฉไว้ ขอชีวิตเตียวเลี้ยวไว้เถอะ นายทหารผู้นี้เป็นคนดี มีความซื่อสัตย์ สมควรชุบเลี้ยงเอาไว้ ถ้าต่อไปภายหน้า เตียวเลี้ยวเอาใจออกห่าง ท่านจงตัดศีรษะของข้าพเจ้าแทน
 
โจโฉก็โยนกระบี่ทิ้ง บอกว่า ข้าพเจ้าทราบดีอยู่แล้วว่า เตียวเลี้ยวผู้นี้เป็นคนซื่อ ที่ทำเช่นนี้ เพื่อลองใจว่าจะเป็นนักรบกลัวตายหรือไม่ แล้วโจโฉก็เข้าไปแก้มัดเตียวเลี้ยวด้วยมือตนเอง เอาเสื้อผ้าอย่างดีมาให้เตียวเลี้ยวสวม แล้วจูงมือมานั่งในที่อันมีเกียรติ เตียวเลี้ยวมีความชื่นชมในความมีน้ำใจของโจโฉ ก็ให้สัตย์ปฏิญาณว่า จะรับใช้โจโฉไปจนตาย โจโฉจึงตั้งเตียวเลี้ยวให้เป็นนายทหารใหญ่
 
ถ้าเราสรุปแล้ว ดาว ๑ ๔ ๖ ก็หมายถึงความเจ้าชู้หลงเสน่ห์นางเจ๋าซือ มีความประมาทในสงคราม ต้องเสียทีแก่เตียวสิ้ว เสียเตียนอุยยอดทหารไป ฉะนั้น บุคคลที่มีดาว ๑ ๔ ๖ อยู่ในราศีพฤษก สิงห์ พิจิก กุมภ์ ต้องระวังให้ดีว่า หากเราหลงใหลอะไรมากๆ เราจะสูญเสียความมีสติและปัญญาไป ทำให้ประมาณในเหตุการณ์ทุกอย่าง
 
โจโฉตัดผมเองตนเองแทนศรีษะ จึงได้รักความรัก นับถือ เกรงกลัว จากทหารในกองทัพเป็นอันมาก ดาว ๑ ๔ ๖ หมายถึงไหวพริบปฏิภาณในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า พลิกสถานการณ์จากร้ายเป็นดี นี่คือคุณสมบัติของคนที่มีดาว ๑ ๔ ๖ อยู่ เหตุเพราะโจโฉมีคุณสมบัติดี ๑๐ ประการในการผูกใจคน โจโฉจึงเป็นสมุหนายกอยู่ได้นานกว่าคนอื่น ๑๐ ประการที่เคยพูดไปแล้ว นั้นคือคุณสมบัติของดาว ๑ ๔ ๖ ก็คือคุณสมบัติของคนที่สามารถเป็นผู้นำคนอื่นได้ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่คือดาว ๑ พูดจาดี เป็นที่รักใคร่กับเป็นคนมีไหวพริบปฏิภาณ เห็นเรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็ก แพ้แล้วเอาชนะใหม่ได้ คือทหารรัก แพ้ไม่รู้จักกี่ครั้ง โจโฉก็เอาชีวิตรอดมาได้ทุกครั้ง เพราะว่ามีน้ำใจ
 
นอกจากคุณสมบัติของดาว ๑ ๔ ๖ แล้ว ยังมีความสามารถในการดูคนได้อีกด้วย ถ้าหากเราเลือกผู้จัดการฝ่ายบุคคล ถ้ามีดาว ๑ ๔ ๖ อยู่ในราศีชั้นที่สอง สมควรที่จะเลือกเอาไว้ ถ้าเกิดราศีชั้นที่สองเกิดไปเป็น อริ มรณะ วินาศ ก็มีผลแค่ว่า กว่าจะมีคนเห็นในความดีของเรา ก็จะต้องมีอุปสรรคก่อน ดาว ๑ ๔ ๖ ต้องจำไว้ว่าถ้าเป็นราศีทวารนั้น ตึงเกินไป อยู่ในระเบียบมากเกินไป ถ้าอยู่ในราศีชั้นที่สาม ก็จะเป็นคนที่อ่อนโยนเกินไปและก็ซื่อเกินไป
 
โจโฉ, อ้วนเสี้ยว, เตียวเลี้ยว,