คำคม..ข้อคิด

 

คำคม..ข้อคิด ๗
2 ส.ค. 2559

 

เราคงเคยได้ยินวลี "อย่าอยู่อย่างอยาก" ไหมคะ พระท่านเล่นคำภาษาไทยให้เป็นธรรมที่สอดคล้องกับปฐมเทศนาในข้อ "มัชฌิมปฎิปทา" ที่สุด ในข้อที่ว่า อย่าสุขเกินไป ก็คือ อย่าดำรงชีวิตที่มองเห็นความสุขสบายตรงหน้าเป็นเรื่องธรรมดา แล้วแสวงหาความสบายมากๆ ยิ่งขึ้นไป จนละความพอเพียง ใครไปอินเดีย สังเวชนียสถาน แล้วรู้จักเปรียบเทียบ จะเข้าใจความสบายเกินของเราเมื่อกลับสู่ประเทศไทย และเข้าใจคำว่าพอดี อยู่ตรงไหน ระหว่าง อินเดีย กับ กรุงเทพของเรา เพราะฉะนั้น จะเข้าถึงคำว่าสายกลาง ก็ต้องปฎิบัติให้ถึงคำว่า "อย่าอยู่อย่างอยาก จะยากแก่ตัวในโลกนี้และโลกหน้า" เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ท่องไว้ ก่อนทำกิจต่างๆ เช่น ไปช้อปปิ้ง ไปซื้อรถ หรือลงทุน ทำสิ่งที่เกินตัว

ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ได้ไปทำบุญและปฏิบัติถวายเป็นพุทธบูชาวันนี้ค่ะ....อ.แอน

 

 

ความฝันของใครๆ ที่อยากมีกิจการเสริมและสามารถเป็นธุรกิจของตนเองได้ เพราะความยากลำบากในการทำงานเป็นลูกจ้าง เพราะความคับใจนับตั้งแต่การเดินทางฝ่ารถติด ต้องตื่นเช้าไปทำงาน ทั้งต้องให้เวลาครอบครัว แทบไม่มีเวลาพัก เพื่อแลกกลับเงินเดือนที่แทบไม่พอใช้หนี้ ความต้องการก็มีล้นเกินเงินที่ทำมาหาได้

อย่าเร่งร้อนรีบออกมาเพื่อที่จะล้มเหลว อย่าศึกษาแต่ความสำเร็จร่ำรวยของคนอื่น ศึกษาคนที่ล้มเหลว เพื่อจะเพิ่มการจดบันทึกคำว่า"อย่า" ทำให้กับตัวเรา
อย่ากู้เงินเกินความสามารถที่เราจะใช้คืนได้เมื่อเกิดวิกฤติการณ์
อย่าละเลยทุกข้อมูลของธุรกิจ การค้า หรือสินค้าของเรากับความต้องการของตลาด ให้รู้ว่าเราอยู่ตรงไหนของตลาด
สิ่งเหล่านี้มีสอนในหลักการกันอยู่แล้ว เพียงแต่เตือนเฉพาะลูกและหลานศิษย์ของอาจารย์ว่า จะทำอะไรของตัวเองนั้น อย่ารีบร้อน อย่าฝันหวาน อย่าเป็นหนี้ อย่าเกินตัว
มีข้อมูล มีวินัย มีเงินรองรัง มีคนช่วย

4 อย่า 4 มี ถึงเข้าวิถีทางของอิทธิบาทสี่ คือพรอันประเสริฐที่จะทำให้ประสพความสำเร็จได้ในที่สุด ข้อสำคัญ ต้องใช้เวลาค่ะ

 

 

เผลออีกแล้ว ทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด อุตส่าห์ทำความดีมาตลอดสองสามวัน พอไม่ถูกจริต ไม่ถูกอารมณ์ ก็ใจหมองด้วยความคิดอกุศลแล้ว ยังไม่สายค่ะตอนนี้ที่จะมีสตินึกรู้ได้ว่าเราผิด เราไม่ควร อย่างน้อยต้องไม่โทษคนอื่น แค่ระลึกได้เพียงเท่านี้ ก็เรียกว่ามีสติ ขั้นต่อไป เรียกว่าสงบรำงับ ซึ่งต่างกับระงับตรงที่ รำงับคือ เข้าใจเรื่องราวอย่างมีสติ แล้ววางได้ หายได้ โดยไม่ต้องสะกดข่ม แต่ถ้าเพียงระงับ คือบังคับตัวเองให้เป็นคนดีโดยใจยังไม่พร้อมเท่าไหร่แต่ก็พอวางได้  

สงบรำงับ ก้าวสู่ความเป็นโลกุตระได้  ในขณะที่เพียง ระงับ ได้ เป็นเพียงโลกียะ เอาเป็นว่า คอยเตือนตนเองให้รู้ตัวว่า ควรหรือไม่ควร มองเรื่องราวที่ทำให้เราหงุดหงิดด้วยความเข้าใจ และสามารถจบได้ด้วยความเข้าใจ ไม่หวนมาคิดหรือพูดให้ต้องร้าวฉานกันอีก ต่อไปก็ไม่เผลอแล้วค่ะ เพราะรู้เท่าทันมันแล้ว ....อ.แอน

 

 

ได้ไปบ้านของคุณหมอทางเลือกท่านหนึ่งที่ประทาย โคราช ทำเลนี้แปลกตรงที่ความแตกต่างของที่ดินที่อยู่ติดกันดูรกร้างแห้งแล้ง ในขณะที่ทำเลของคุณหมอสดชื่นมีชีวิตชีวา

คุณหมอบอกว่า ท่านเลือกดูทางลม ที่ดินจะอยู่ในมุมที่ลมและแสงเข้าพอดี ไม่ร้อนและไม่อับ ที่ดินตรงนี้นอกจากจะมีผลดีที่คนไข้จะหายทุกรายแล้วยังทำให้คุณหมอเจริญรุ่งเรืองอีกด้วย

การเลือกที่ปลูกสร้างอาคารหรือทำเลทางการค้า ควรตรวจดูทิศทางของลมและแสงด้วยค่ะ...อ.แอน

 

 

ถ้าเราอยู่กลางทะเลทราย มองหาใครไม่เห็น แม้มีเครื่องทุ่นแรง เราคงไม่อยากได้ แต่ถ้าเรามีเพื่อนอยู่รอบๆ อยู่ที่ไหนก็ยังอบอุ่น สังเกตไหมว่า เรามีคำว่า "เหงา" ในภาษาโลก เพราะทุกคนอยากมีเพื่อนพูดคุย ไม่สามารถอยู่คนเดียว ดังนั้น อย่าลืมคำว่า "ปิยวาจา" ซึ่งไม่ได้หมายถึงการพูดเพราะเท่านั้น แต่หมายถึงพูดแล้วคนฟังสบายใจ พูดแล้วเป็นประโยชน์ ไม่พูดจาหยาบคาย ไม่นินทา ไม่ยุยง อย่างนี้ไปไหน อยู่ไหน ก็เป็นที่รัก นอกจากมีศีลแล้ว ก็อย่าลืมเรื่องวาจาอันเป็นที่รัก เพราะจะทำให้เราไม่ผูกโกรธ อาฆาตใครด้วย ทบทวนแล้ว เรามีครบก็ไม่โดดเดี่ยวแล้ว หลับและฝันดีคืนนี้ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

 

 

พระธรรมน้อมในใจให้ไม่ละความเพียรในการปฎิบัติ ทั้งการสนทนาธรรมและฟังธรรมตามการณ์เป็นมงคลอันสูงสุด วันนี้ใครฟังธรรม จงใคร่ครวญแล้วนำไปปฎิบัติด้วยความเพียร จะเห็นผลด้วยตนเอง ถ้าเพียงรู้ ฟัง ปิติ ณ ที่นั้น ก็จะมีผลเพียงแค่นั้น แต่ถ้าน้อมนำมาปฎิบัติด้วยความเพียรแล้ว จะเห็นผลทั้งโลกนี้และโลกหน้า ไม่หลงตาย เพราะมีสติ ไม่หลงทางเพราะมีปัญญา...สาธุ

 

 

บรรยากาศหนอไม่เป็นใจให้อยากทำงานเสียเลย อากาศก็ไม่ดี รถก็ติด ไปทำงานก็ซ้ำซาก ไม่เห็นมีอะไรใหม่ บอกไปทำงานเพื่ออนาคต ก็ยังมองไม่เห็น ฟังข่าวก็ไม่เห็นมีอะไรดี มีแต่ให้ระวัง ที่อยากได้ก็ยังไม่เห็นทางว่าจะได้

เป็นอย่างนี้แหละค่ะ อย่านึกว่าเป็นคนเดียว 

ทางแก้หาในตัวเรานี่แหละให้เจอ พิษใดอยู่ที่ไหนไม่เกินเจ็ดก้าวมีตัวแก้ เมื่อพิษอยู่ที่ใจ ทางแก้ก็อยู่ในเรานี่แหละ

บรรยากาศน่ะมันแย่ทุกวันแหละค่ะ ถ้าเราไม่ชอบ รถก็ติดทุกวัน สุดแต่ว่าจะไปลงล็อกที่ใครมากที่สุดในแต่ละวัน 

ไปทำงานเพื่ออนาคตน่ะ วันนี้เรารู้อะไร ถ้ายัง ก็ต้องให้รู้ก่อนถึงจะเห็น แต่อย่าถอนถอยเสียตั้งแต่ไม่เห็นไม่รู้อะไร แล้วไปนับหนึ่งที่ไม่รู้อีก อย่างนี้อนาคตก็ไม่มี ความสำเร็จมีองค์ประกอปของความเพียร เราต้องมีคำว่าเพียรบวกอดทนเข้าไปด้วย

ฟังข่าวแล้วเซ็งก็อย่าฟังชั่วคราว แต่ก็ต้องฟัง ล้าหลังแล้วยิ่งเซ็งใหญ่

สิ่งที่เราอยากได้ ถ้าเพียรพยายาม ค่อยๆ ก้าวไปสู่จุดหมายด้วยความเพียรไม่ท้อถอย ได้แน่นอนค่ะ เอาความเพียรของพระพุทธเจ้าพระบรมศาสดาของเรานี่แหละค่ะเป็นที่ตั้ง ท่านสำเร็จยิ่งใหญ่ เราเพียรน้อยสำเร็จน้อย เราก็พอใช่ไหมคะ 

อย่าหมดกำลังใจ ก้าวต่อไปด้วยความเชื่อมั่นและตั้งใจค่ะ

 

 

ตลอดระยะเวลาเข้าพรรษาสามเดือน ในพรรษาที่สองของการตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาน สมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จโปรดพุทธมารดา บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และเสด็จลง ณ เมืองสังกัสสะ หลังวันออกพรรษามหาปราวณา ซึ่งในวันที่เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทรงแสดงปาฏิหาริย์ เปิดให้เห็นถึงกันทั้งสามโลก เทวดาโปรยปรายดอกไม้ถวายเป็นพุทธบูชา ประชาชนได้มีโอกาสรับเสด็จถวายบาตรในเช้าวันนั้น เป็นที่มาของ การตักบาตรเทโว

ธรรมที่พระองค์ทรงประทานให้กับพุทธมารดาและเหล่าเทวดาทั้งหลาย เริ่มจาก อนุปุพพิกถา คือการให้ทาน รักษาศีล เห็นคุณของการกระทำความดี และผลของกรรม มีพรรณาถึงสวรรค์ และนรก เป็นต้น จนถึง อริยสัจสี่ และธรรมทั้งหลายอันเป็นเครื่องน้อมนำให้เห็นสภาวะตามความเป็นจริงของ สรรพสิ่ง ที่เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

 
 

....แม้มิได้เป็นหงส์ผู้ทรงศักดิ์

ก็จงรักเป็นโนรีที่หรรษา

แม้มิได้เป็นน้ำแม่คงคา

จงเป็นธาราใสที่ไหลเย็น

แม้มิได้เป็นวันพระจันทร์เพ็ญ

ก็จงเป็นวันแรมที่แจ่มกระจ่าง....

....ขึ้นชื่อว่าหงส์เหมราช

แม้อยู่ในบ่วงบาศก์ก็อาจหาญ

ถึงตกยากจากถ้ำเคยสำราญ

หงส์กับห่านก็ยังแยกแตกต่างกัน...

 

ธรรมะในชีวิตประจำวัน, อาจารย์แอน, ษณอนงค์