คำคม..ข้อคิด

 

คำคม..ข้อคิด ๖
22 มิ.ย. 2559

 

เมื่อเกิดปัญหา ต้องถามความต้องการของตัวเองก่อนว่า ในชีวิตของเราเซ็งอะไรที่สุด มีความสุขกับอะไรที่สุด อย่างเดียวนะคะ อย่ามีหนึ่ง สอง สาม... เมื่อตอบตัวเองได้แล้ว หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เราเซ็งที่สุด ทำในสิ่งที่เราคิดว่าทำให้จิตใจเราดีที่สุดก่อน เพื่อลดความตึงเครียดในใจ แล้วถึงเรียงลำดับปัญหา ค่อยๆจัดการทีละข้อ เช่น งานยุ่ง เซ็งงาน เซ็งคน หลีกไปทำสิ่งที่ทำให้สบายใจที่สุด ค่อยๆให้เวลาตัวเองเรียงลำดับเอางาน หรือ คนก่อน ควรเป็นเรื่องงานก่อน เรื่องของคนยังไม่ต้องสนใจ เมื่องานเรียบร้อยแล้ว เลือก แก้ปัญหาคนที่ง่ายที่สุดก่อน ด้วยสังคหวัตถุ ซึ่งต้องใช้เวลา นับตั้งแต่ การให้ รวมถึงคำพูดที่มีความหมายถึงความเข้าใจ การช่วยเหลือเมื่อมีโอกาส และทำดีอย่างเสมอต้นเสมอปลายด้วยความอดทน ข้อสำคัญ ความเข้าใจที่ต้องมีให้กับคนอื่นเสมอ ปัญหาจะลดลงค่ะ โชคดีนะคะ....อ.แอน

 

 

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่วัตถุหรือสภาพแวดล้อมหรือเหตุการณ์ใดๆ แต่เป็นวิธีคิดของตัวเราเอง ที่เคยได้ยินว่า อยู่คนเดียวระวังความคิด ซึ่งเราเองไม่เคยรู้ตัวเลยว่า สิ่งที่เราคิดนั้นสร้างสรรหรือบั่นทอน แต่เราจะรู้ได้ ด้วยคำสอนของสมเด็จพระบรมศาสดาว่า ความคิดใดๆนั้น ถ้าเกิดประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับผู้ใด ไม่ว่าอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ทั้งเป็นความคิดที่ให้คนอื่นและส่วนรวม ความคิดนั้นคือสร้างสรร ทั้งเป็นความคิดของบัณฑิต อย่างนี้ถึงอยู่คนเดียวก็ไม่เป็นไร เพราะได้ขึ้นชื่อว่าคิดอย่างมีสติ และคิดถูกทางแล้ว

 

 

ทุกคนอยากเป็นคนดี แต่อย่างไรเรียกว่าคนดี อะไรเป็นมาตรฐานวัด เพราะความหมายของคนดี อาจมีมาตรฐานที่ต่างกัน วันนี้เป็นวัดพระ สามารถบอกได้ในมาตรฐานเดียวกัน คือคนที่มีใจเป็นพระ นั่นคือสูงสุดของคำว่า คนดี ที่รองลงมาคือ คนที่มีศีล และ รองลงมาอีกคือ คนที่ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น เราดีได้มาตรฐานหรือยังคะ พิจารณาตัวเองได้ คือคนดีแล้วล่ะค่ะ....อ.แอน

 

 

เมื่อเวลาที่อาจารย์หงุดหงิดด้วยสภาวะรอบตัว สิ่งแรกที่อาจารย์คิดคือ คนอื่นคงหงุดหงิดเหมือนกันถ้าเจอเรื่องแบบนี้ ขั้นต่อมา ก็ถามตัวเองว่าทำไมถึงหงุดหงิด คำตอบคือเพราะคนอื่นไม่รอบคอบ ไม่ละเอียด ไม่เชื่อฟัง ไม่ได้ดังใจ ก็ถามตัวเองต่อว่า แล้วเราต้องการอะไร คำตอบออกมา คือ ก็ให้ได้ดังใจอย่างไรล่ะ ในที่สุดก็ถึงบางอ้อ ด้วยตัวของตัวเองที่มีคำตอบให้กับตัวเองว่า ที่เราอยากให้เป็นน่ะ มันเป็นไปไม่ได้ในโลกนี้ ใครเล่าจะได้ดังใจใคร และถ้าเขาเป็นอย่างที่เราคิด พระพุทธองค์คงไม่แบ่งออกเป็นทิศหก ไม่แบ่งดอกบัวเป็นสี่เหล่า ก็เลยได้แต่มีสติว่าเราอยู่ในตำแหน่งไหนในทิศหก รักษาตัวทำให้ครบตามที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนไว้ ทั้งต้องระวังอย่าให้ตัวเราไปอยู่ในดอกบัวเหล่าที่สี่ คิดได้ดังนี้ิก็ปลิดตัวหงุดหงิดออกได้เหลือแต่ใยบางๆตามประสาปุถุชน ลองทำดูบ้างไหมคะ....อ.แอน

 

 

คำว่า "ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่" เป็นคำที่ลบหลู่ไปแล้วอย่างไม่ตั้งใจไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม การป้องกันตนเองไม่ให้ปรามาท ล่วงเกิน หรือลบหลู่ คือ การฝึกตนให้เป็นคนอ่อนน้อม ถ่อมตน สักแต่ว่าได้ยิน ได้รู้ ได้เห็น โดยไม่คิด ไม่พูด อย่างนี้ไม่มีอันตรายจากการล่วงเกินใดๆอย่างแน่นอน บุคคลพึงปฎิบัติที่ใจ ไม่ใช่ที่ปาก แต่วลีที่เอ่ยมาข้างต้นนั้น เป็นวัตถุประสงค์ของคนโบราณที่เตือนเด็กรุ่นหลังทำนองว่า ถ้าลูกหลานๆไม่เชื่อก็อย่าไปลบหลู่เชียวนา ไม่ใช่ความหมายที่เด็กสมัยใหม่พูดกัน เพราะตัวเองไม่เชื่อจึงกล่าวคำนี้ออกไป ประโยคเดียวกัน แต่คนละความหมาย ต้องระวังค่ะ....อ.แอน

 

 

สิ่งที่ดีที่สุดยามที่ท้อแท้ กับผู้ร่วมงาน หรือกับคนใกล้ชิด และสำหรับคนที่มีคำถามกับตัวเองว่า นี่เราจะทำอะไรไปเพื่อใคร เพื่ออะไร แล้วทำเพื่ออะไร นั้น คือ มองหาข้อดีให้ได้ว่า เรากำลังทำให้ตนเอง เพื่อพิสูจน์ตัวเอง และรู้ข้อดีข้อเสียของตัวเองเพื่อก้าวต่อไป ส่วนคนอื่นที่แม้เราทุ่มเทให้หนึ่งบาทก็ได้เพียงสลึงเดียว เขาก็จะได้เพียงสลึงเดียวตลอดไป ซึ่งน่าสงสารมาก เพราะสิ่งที่เราทำนั้น แม้คิดว่าเราทำให้คนอื่นแต่เราจะได้ก่อนคนอื่นนะคะ และจะได้มากกว่าหนึ่งบาทที่เราทุ่มลงไปเป็นล้านเท่า อ่านทวนซ้ำนะคะ จะเข้าใจในสิ่งที่เรากำลังเผชิญ และมีวิธีคิดเพื่อเป็นกำลังใจให้กับตนเองค่ะ....อ.แอน

 

 

เป็นคนหนึ่งไหมคะที่รู้สึกว่า น้ำหนักกำลังขึ้นทุกวันๆ ทั้งที่ไม่ได้อยู่เฉยๆ ไปทำงานทุกวันทั้งไม่เคยอยู่นิ่งเลย และสังเกตด้วยว่า ยิ่งทำงานเหนื่อยก็ยิ่งกิน ต่อไปนี้ เรามาลดน้ำหนักพร้อมกัน อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก อาจารย์แอน มาพูดทำไม นี่เป็นเรื่องใหญ่ พระบรมศาสดา เคยเตือนพระเจ้าปเสนทิโกศล ให้พิจารณาอาหาร ประมาณในการบริโภค พึงมีสติในการรับประทานตามที่ร่างกายต้องการ คือพอดำรงชีวิต อย่ารับประทานเพราะใจอยากในรสอาหาร พระเจ้าปเสนทิให้มหาดเล็กเตือนสติก่อนรับประทานอาหารทุกวัน น้ำหนักลดเลยค่ะ เป็นอันว่า พบกันวันไหว้ครู น้ำหนักเราจะลดคนละกิโลสองกิโลนะคะ ....อ.แอน

 

 

ความเสียหายบางอย่างที่เกิดขึ้น อาจเกิดขึ้นได้เพียงเพราะละเลยและไม่ใส่ใจ เมื่อไหร่ก็ตาม เกิดสิ่งที่ผิดพลาด ก็มักจะมีคำว่า "รู้งี้" ซึ่งควรจะรอบคอบและถี่ถ้วน คิดครอบคลุม อย่างที่เรียกว่าจนแล้วใจ ซึ่งเป็นวิถีของผู้มีปัญญาและเก็งการณ์ต่างๆอย่างไม่ผิดพลาด ข้อสำคัญอย่ามีคำว่า"เดี๋ยว"เพราะนั่นคือความคิดที่ไม่ครอบคลุมขาดความถี่ถ้วนก่อให้เกิดความเสียหายแล้ว ....อ.แอน

 

 

วัยเด็กคิดใกล้ วัยหนุ่มสาวคิดไกลแค่คนข้างๆ กับเรื่องทุกข์สุขของตน วัยทำงานคิดทำตามความพอใจพอไม่ให้คับใจ ขอสบายตัว วัยกลางคิดเรื่องคู่ เรื่องสร้างบ้าน มีรถ วัยชราคิดเรื่องโรคภัยกลัวตาย มีใครคิดไกลกว่านี้ไหม โดยไม่พันตัว ถ้ามี คือคนที่จะรวย และ คือคนที่มีวาสนาในทางธรรม......./อ.แอน

 

 

นี่ก็คือ "งาน" ที่ต้องทำ
"งาน"ประจำ ต้องทำให้ดีที่สุด
"งาน" อดิเรก ที่ต้องเกิดประโยชน์
"งาน" เสริม ต้องขยัน เพื่อรายได้
"งาน" ในหน้าที่ ต้องไม่เบื่อหน่าย"
"งาน" บันเทิง ก็ต้องมี

 

เท่านี้ ก็ไม่ค่อยว่างแล้ว

 

 

ธรรมะในชีวิตประจำวัน, อาจารย์แอน, ษณอนงค์